เปิดเทศกาลใหม่อีกระลอกแล้ว สำหรับตลาดคลองผดุงกรุงเกษม หรือที่เรียกกันติดปากว่า 'ตลาดนายกฯ' นั่นเอง ที่ผ่านมาการจัดงานแต่ละครั้ง ก็จะมีธีมงานที่แตกต่างกันไป สำหรับครั้งล่าสุดนี้ก็ได้นำเสนอตลาดในธีมงาน "เทศกาลไม้ดอกไม้ประดับและปลาสวยงาม"

วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ก็ไม่พลาดที่จะไปเก็บบรรยากาศในตลาดแห่งนี้มาฝากกันเช่นเคย โดยเฉพาะในโซนปลาสวยงาม ได้ยินข่าวว่ามีปลาตู้ราคาถึงตัวละ 5 ล้าน! โอวว…อะไรจะแพงขนาดนั้น และยังมีปลาแปลกๆ สวยๆ อีกหลายพันธุ์ รวมถึงไม้น้ำประดับที่ราคาก็เว่อร์วังอลังการไม่แพ้ปลา

ถ้าอยากรู้ว่ามันคือปลาอะไร และทำไมมันแพ๊งแพง ต้องตามมาดู 5 สิ่งห้ามพลาดชมในงานนี้กันเลย

1. กระเบนเผือก

เจ้านี่แหละที่แพงที่สุดในงาน มันก็คือ ปลากระเบนเผือก หรือ Pear Ray (Albino) ราคาอยู่ที่ 5,000,000 บาทถ้วน โดยปกติแล้วทางร้านจะขายกระเบนเผือกตัวเล็ก ราคาคู่ละ 3,000,000 บาท แต่ตัวที่โชว์นี้เป็นตัวใหญ่ที่เกือบจะเป็นพ่อพันธุ์ได้แล้ว จึงมีราคาที่สูงขึ้น โดยตัวพ่อพันธุ์แม่พันธุ์สามารถโตได้มากกว่านี้ มีความยาวเป็นเมตร สนนราคาอยู่ที่ 15 ล้านบาทเลยทีเดียว

...

แล้วทำไมถึงแพงขนาดนี้?

เจ้าของบูธบอกว่า เป็นเพราะว่ากระเบนเผือกนี้กว่าจะได้มา ต้องเพาะพันธุ์ให้ได้ลูกปลา 1,000 ตัว ถึงจะให้กระเบนเผือก 1 ตัว หรือสัดส่วน 1 : 1,000 อีกอย่างคือกระเบนพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ที่มีลวดลายสวยงาม เป็นปลาที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาตู้ไว้ในบ้าน เนื่องจากเชื่อกันว่าการเลี้ยงกระเบนรูปร่างกลมๆ จะช่วยเสริมมงคล ให้ความหมายว่า ความอุดมสมบูรณ์ ใครเลี้ยงไว้ก็เชื่อว่าจะทำให้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์พูนสุข

อีกทั้งกระเบนยังมีนิสัยไม่ดุร้าย สามารถเลี้ยงรวมกับปลาอื่นได้ โดยทั่วไปนิยมเลี้ยงปลากระเบน ปลาเสือตอ และปลามังกร รวมในตู้เดียวเพื่อความมงคล สำหรับกระเบนชนิดนี้เป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศทั่วโลก ได้แก่ อเมริกา แคนาดา จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ดูไบ สิงคโปร์ เป็นต้น

2. เอลิเกเตอร์ขาว

เอลิเกเตอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ปลาจระเข้ ตัวที่นำมาโชว์นี้นำมาจากฟาร์มที่ชื่อว่า ประหยัดฟาร์ม มีความพิเศษคือเป็นปลาจระเข้สีขาวปลอด (โดยปกติจะมีสีดำ) สนนราคาอยู่ที่ 140,000 บาท 

ฟาร์มแห่งนี้เป็นเจ้าแรกของโลกที่สามารถผลิตปลาเอลิเกเตอร์สีขาวได้ เกิดจากการผสมเทียม ปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มผู้นิยมเลี้ยงเอลิเกเตอร์ ต่างสั่งจองกันที่นี่โดยตรง แม้แต่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นก็ต้องสั่งซื้อจากฟาร์มนี้ด้วยเช่นกัน

3. ปอมปาดัวร์

ปลาชนิดนี้แม้ว่าคนไทยรู้จักกันเป็น 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังรู้กันเฉพาะในแวดวงคนเล่นปลาตู้สวยงาม แต่เพิ่งจะมาบูมมากๆ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หรือคนที่เลี้ยงปลามือใหม่บางคนก็ยังไม่ค่อยรู้จัก เห็นสีสันสดใสแบบนี้ คิดว่าเป็นปลาทะเลล่ะสิ แต่จริงๆ แล้ว ปอมปาดัวร์ เป็นปลาน้ำจืดจากลุ่มน้ำอเมซอนที่นำเข้ามาในไทยเมื่อ 50 ปีที่แล้ว

สำหรับราคาก็ไม่แพงมาก มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แล้วแต่สีและขนาด ปัจจุบันฟาร์มไทยสามารถเพาะสายพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาได้มากถึง 50-60 สายพันธุ์ มีสีและลวดลายแตกต่างกันไป ปัจจุบันเป็นสินค้าที่ส่งออกทั้งอิหร่านและอินเดีย

...

สีเด่นๆ ที่คนนิยมเลี้ยง คือ เรดเทอร์ควอยส์ บลูเทอร์ควอยส์ พีเจี้ยนบลัด กลุ่มนี้ราคากลางๆ ไม่แพงมาก แต่ถ้ากลุ่มราคาสูง ได้แก่ พวกบลูไดมอน ไทเกอร์ สไปเดอร์ เป็นต้น

4. ปลากัดยักษ์ไทย

ปลาชนิดต่อมาอาจจะไม่แปลกมากนักเพราะมันคือ ปลากัดไทย แต่ชนิดที่นำมาโชว์ในงานมีความพิเศษตรงที่ มีขนาดใหญ่จากปกติมาก อีกทั้งริ้วหางยาวสวยงาม เรียกกันว่าเป็น ปลากัดยักษ์ไทย พัฒนามาจากปลากัดไทยพันธุ์ดั้งเดิม สายพันธุ์นี้มาจากฟาร์มเลี้ยงปลากัดลุงแดง แต่ถูกค้นพบครั้งแรกโดยลุงหลาด

เกิดจากการผสมพันธุ์แล้วเกิดผ่าเหล่าขึ้นมาเป็นตัวใหญ่ จากนั้นจึงทดลองนำปลาตัวใหญ่มาผสมพันธุ์กับตัวใหญ่ จึงได้ลูกออกมาเป็นปลากัดยักษ์ไทยแบบนี้ โดยมีหลากหลายสีคละกันไป (ตัวที่สวยที่สุดในงานได้นำมอบให้ท่านนายกฯอีกด้วย)

...

ในกลุ่มคนเล่นปลากัดรู้จักปลากัดสายพันธุ์นี้มา 10 ปีแล้ว และมันยังเป็นสินค้าส่งออกไปในหลายๆ ประเทศในแถบเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จีน ญี่ปุ่น และบางส่วนยังส่งไปไกลถึงอเมริกาด้วย สนนราคาขายส่งตัวละ 500 บาท ขายปลีกเริ่มที่ 1,000 บาท แต่ถ้าเป็นปลาประกวดที่มีสีสันสวยงาม ขนาดช่วงตัวได้มาตรฐาน(2.5 นิ้วเฉพาะลำตัว) จะซื้อขายกันอยู่ที่ 1,500-4,500 บาท

5. ตู้ประดับพันธุ์ไม้น้ำ

อย่างสุดท้ายนี่ไม่ใช่ปลาแต่ก็มีราคาสูงไม่แพ้กัน นั่นคือ พันธุ์ไม้น้ำสวยๆ ในตู้ปลาที่มีการเลี้ยงกันจริงจัง ทั้งยังออกแบบตกแต่งสวนไม้น้ำให้สวยงามเหมือนเป็นโลกสีเขียวขนาดจิ๋วอยู่ในตู้กระจกใส สนนราคาแพงที่สุดอยู่ที่ตู้ละ 32,500 บาท ส่วนใหญ่ขายกันเป็นเซตทั้งตู้เลย การดูแลรักษาก็ไม่ยาก เพียงเปลี่ยนน้ำประมาณอาทิตย์ละครั้ง ตัดเล็มไม้น้ำ เปลี่ยนทราย เป็นต้น (หรือจะโทรเรียกใช้บริการทำความสะอาดก็ได้แต่มีค่าใช้จ่าย)

...

ร้านที่มาออกบูธในงานนี้เป็นสมาชิกในชมรมจัดตู้พันธุ์ไม้น้ำโดยเฉพาะ มีความชำนาญในการเลี้ยงไม้น้ำและการออกแบบตกแต่งอย่างมืออาชีพ เจ้าของบูธเล่าให้ฟังว่า ในเมืองไทยเริ่มนิยมเลี้ยงกันมานานแล้ว โดยรับอิทธิพลมาจากประเทศญี่ปุ่น แต่มาบูมมากๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ในแวดวงของกลุ่มจัดตู้พันธุ์ไม้น้ำ มักจะส่งผลงานของตัวเองเข้าประกวดด้วย ซึ่งสมาชิกในชมรมนี้ก็ส่งประกวดในเวิลด์แรงกิง (World Ranking) ระดับโลกทุกปี ซึ่งในปี 2557 ที่ผ่านมา นักจัดตู้พันธุ์ไม้น้ำของไทยคว้าอันดับที่ 13 จากทั้งหมดหมื่นกว่ารายจากทั่วโลก

ยัง...ยังไม่หมดแค่นี้ เดี๋ยวจะพาไปชมบรรยากาศในงานไม้ดอกไม้ประดับที่อยู่ติดๆ กัน ในงานก็มีไม้ประดับนานาพรรณให้ได้เลือกชมเลือกช็อปในราคาที่ไม่แพงเกินไป ใครๆ ก็ซื้อได้ เอาล่ะ ตามมาชมกันต่อดีกว่า

*ล้อมกรอบ*

การเดินทาง

เนื่องจากการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดในบริเวณดังกล่าว ล่าสุดเพื่อมอบความสะดวกสบายแก่ประชาชน ทาง กทม. จึงได้จัดเรือโดยสารคลองผดุงฯ มาให้บริการประชาชนที่ต้องการเดินทางไปร่วมงานไม้ดอกไม้ประดับและปลาสวยงามฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยรับส่งระหว่างท่าเรือหัวลำโพง และท่าเรือราชดำเนินนอก ตั้งแต่วันที่ 5-28 มิถุนายน 2558 เวลา 15.00-19.00 น. (แต่ตลาดเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล)