กระแสนิยมไทยยังคงแรงดีในหมู่ชาวญี่ปุ่น เห็นได้จากการรวมตัวของชาวญี่ปุ่นในเขตคันไซกว่าแสนคนที่มาร่วมงาน “งานเทศกาลไทย ณ นครโอซากา” หรือ “Thai Festival 2015” หนึ่งในเทศกาลประจำปีที่ชาวญี่ปุ่นตั้งตารอ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 13 โดยสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา นำโดย กงสุลใหญ่ “ดุสิต เมนะพันธุ์” จับมือกับ สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ การบินไทย จัดขึ้นที่สวนไทโยโนะฮิโรบะ บริเวณปราสาทโอซากา เมื่อวันที่ 23-24 พ.ค.ที่ผ่านมา

งานเทศกาลไทย ได้จัดขึ้นเป็นประเพณีเพื่อสร้างความสัมพันธ์และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ชาวญี่ปุ่นได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ปีนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว และ ฯพณฯ นายอากิระ มิวะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเขตคันไซ รวมทั้ง ผู้แทนเมืองโอซากา มาร่วมกันเปิดงาน และเที่ยวชมงานด้วย

...

บรรยากาศชิลๆในลานกว้างของสวนไทโยโนะฮิโรบะ ทำให้ชาวโอซากาและคนในจังหวัดใกล้เคียงต่างชวนเพื่อนฝูงและครอบครัวมาชิมและช็อปสินค้า-อาหาร รวมทั้งเครื่องดื่ม เมดอินไทยแลนด์ ที่รายล้อมโดยรอบถึง 60 บูธ อย่างจุใจ แม้จะต้องเข้าคิวเป็นแถวยาวก็ไม่ถอย เพื่อจะได้ลิ้มลองอาหารไทยจานโปรดที่มีให้เลือกมากมาย เมนูที่นักชิมชาวญี่ปุ่นกดไลค์ให้ มีอาทิ ก๋วยเตี๋ยวเรือ, ข้าวมันไก่, ผัดไทย, ข้าวแกงเขียวหวาน, ผัดกะเพรา, ไก่ย่าง, ข้าวเหนียวมะม่วง และที่ขาดไม่ได้คือ เบียร์ไทย ทั้งถูกปากและลื่นคอ

นอกจากอาหารไทยจะเป็นตัวชูโรงแล้ว ปีนี้ได้จัดงานในธีม “Discover Thainess” ที่เหมือนการย่อประเทศ ไทยมาไว้ในงานให้ชาวญี่ปุ่นได้รู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม โดยมี Thai Pavilion จัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา ซึ่งชาวญี่ปุ่นได้มาร่วมลงนามถวายพระพรกันด้วย

นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตกีฬาตะกร้อ, สาธิตและสอนทำขนมไทย เช่น ข้าวเกรียบปากหม้อ, ขนมลูกชุบ, ขนมครก, การตัดกระดาษลายไทย, การทำอุบะคล้องผ้าเช็ดหน้า, การวาดร่มกระดาษ, สาธิตแกะสลักผักผลไม้ ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวญี่ปุ่น มาลองหัดทำกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งยังได้จับจองพื้นที่เพื่อดูการแสดงมวยไทย, นาฏศิลป์ไทย และคอนเสิร์ตจากนักร้องไทยที่มีชื่อเสียง งานนี้สร้างความประทับใจให้แก่เจ้าบ้านเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้จาก แม้งานจะเลิกแล้ว แต่คนก็ยังไม่กลับติดลมอยู่ต่อกันอีกนานเป็นชั่วโมง

ส่วนความรู้สึกของผู้มาร่วมงานทุกคนต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ฟินสุดๆ” เพราะปีนี้ได้ทั้งกินและชมการแสดงของไทย คนที่เคยไปเที่ยวเมืองไทยก็ทำให้หายคิดถึงอาหารไทย ส่วนคนที่ไม่เคยไป ก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะต้องไปเที่ยวเมืองไทยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่สำคัญจะไม่พลาดมางานเทศกาลไทยในปีหน้าแน่นอน

หนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยให้ชาวญี่ปุ่นได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ต้องยกให้ ท่านทูตสีหศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว เล่าถึงความสำเร็จของงานว่า งานเทศกาลไทยในประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นกว่า 10 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นในช่วงปี 1990 ซึ่งประเทศญี่ปุ่นกำลังขาดแคลนข้าว จนต้องนำเข้าข้าวจากประเทศไทย ซึ่งทำให้ภาคเกษตรของญี่ปุ่นโดยเฉพาะข้าว และเป็นเกษตรดั้งเดิมที่ค่อนข้างปิด มีการประท้วง ทำให้คนญี่ปุ่นมีความรู้สึกในทางลบกับข้าวไทย ทั้งไม่ชินกับกลิ่นของข้าวไทย ที่แตกต่างจากข้าวญี่ปุ่น ช่วงนั้นจึงต้องมีการโปรโมตข้าวไทย โดยสอนวิธีการหุง และแนะให้นำข้าวไทยมากินกับอาหารไทย โดยจัดงานเทศกาลอาหารไทยขึ้นที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นในปี 2000 จึงได้จัดเทศกาลอาหารไทย ที่กรุงโตเกียว และโอซากา สำหรับกรุงโตเกียว จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยเพิ่งจัดไปก่อนหน้าโอซากา 1 อาทิตย์ ระหว่างวันที่ 16-17 พ.ค.ที่ผ่านมา

...

“ท่านทูตสีหศักดิ์” ได้เล่าอีกว่า แต่ละปีมีคนมาร่วมงานเพิ่มมากขึ้น โดยปีที่แล้วมีคนมาร่วมงานกว่า 3 แสนคน วัดจากปริมาณขยะที่ทิ้ง เทศกาลไทยจึงเป็นเทศกาลประจำปีที่ถูกบันทึกในปฏิทินญี่ปุ่น และเป็นงานใหญ่ที่สุดที่ชาวต่างชาติจัดขึ้นที่สวนโยะโยะงิ สวนสาธารณะใหญ่ที่สุดในกรุงโตเกียว ติดกับสถานีรถไฟฮาราจูกุ ส่วนประเทศอื่นที่จัดเทศกาลแบบนี้ก็มีอินเดีย และอินโดนีเซีย งานเทศกาลไทยในประเทศญี่ปุ่นยังมีการจัดที่เซนไดและนาโกยาด้วย โดยภาคเอกชนเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน

...

ในฐานะพ่องานเทศกาลไทย ณ นครโอซากา ท่านกงสุลใหญ่ดุสิต กล่าวเช่นเดียวกันว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเจ้าบ้าน และถือเป็นงานของชาวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดในเขตคันไซ โดยเป้าหมายการจัดงานในปีนี้อยากจะนำเสนอประเทศไทยในหลายมิติ แม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะรู้จักประเทศไทยบ้างแล้ว แต่จำเป็นต้องส่งเสริมและเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในด้านอื่นๆ ซึ่งภาพรวมความสำเร็จของการจัดงาน ดูได้จากจำนวนบูธของร้านค้าที่ขอมาร่วมงานเพิ่มขึ้นทุกปี เช่นเดียวกับคนที่มาร่วมงานก็เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน บรรยากาศในงานจึงคึกคัก คนมาร่วมงานกันตั้งแต่งานเปิด 10 โมงเช้า จนถึงงานเลิก 2 ทุ่ม ก็ยังไม่ยอมกลับ และที่ประหลาดใจคือ ชาวญี่ปุ่นเองก็คลั่งไคล้นักร้องไทย หรือที่เขาเรียกว่า T-Pop อย่าง ณัฐ-ศักดาทร และต้อล-วันธงชัย มีแฟนคลับมาคอยชื่นชมนักร้องไทยกันจำนวนมาก

...

อีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันกระแสนิยมไทย สุภัฒ สงวนดีกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประ เทศ ณ นครโอซากา กล่าวว่า สินค้าเมดอินไทยแลนด์ของเรายังได้รับการยอมรับอย่างดีจากชาวญี่ปุ่น มีสินค้าไทยนำเข้ามาขายในญี่ปุ่นจำนวนมาก ทั้งอาหารสด ผัก ผลไม้ และอาหารแปรรูป ชาวญี่ปุ่นรู้จักเป็นอย่างดีก็มีทั้งข้าวโพดอ่อน, มังคุด และมะม่วง ส่วนอาหารแปรรูปที่นิยมมีกะทิ, เครื่องแกง และปลาทูน่ากระป๋อง นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆที่เห็นได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่น อย่างเช่น ถุงมือยาง น้ำแมงลัก ด้วยความที่อยากให้ชาวญี่ปุ่นรู้จักสินค้าไทยเพิ่มมากขึ้น ปีนี้จึงจัดบูธในธีม Think Thailand นำสินค้าเมดอินไทยแลนด์เหล่านี้มาให้เขาได้รู้จัก พร้อมจัดเกมให้ทายว่าของชิ้นไหนเป็นสินค้าไทย ทำให้ชาวญี่ปุ่นสนใจมาร่วมสนุกกันมากมาย



เสน่ห์และเอกลักษณ์ของไทยยังตรึงใจชาวต่างชาติ เราจึงต้องรักษามาตรฐานและคุณภาพไว้ไม่ให้มีเสียง “ยี้” สะท้อนกลับมา.


ทีมข่าวหน้าสตรี