ด้วยความที่เป็นวันสำคัญทางศาสนาอีกวันหนึ่งในรอบปี 'มาฆบูชา' จึงเป็นวันที่หลายคนได้มีโอกาสเข้าวัดทำบุญ สวดมนต์ ไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล
และวันมาฆบูชาก็เพิ่งผ่านไปหมาดๆ อย่ากระนั้นเลย ไทยรัฐออนไลน์ ขอถือโอกาสช่วงนี้พาไปท่องเที่ยวเก็บตกวันมหาบุญ ด้วยการปั่นจักรยานชม 5 วัดน่าสนใจในเกาะรัตนโกสินทร์ ปั่นไปในเส้นทางชิลๆ เริ่มจากบีทีเอสสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ตรงไปตามถนนพระราม 1 เพื่อเสาะหาวัดย่านใจกลางเมืองที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน
ถนนเส้นนี้มีวัดอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว และไฮไลต์ของเส้นทางเส้นนี้คือ สามารถปั่นไปทะลุถึงวัดสระเกศ หรือ วัดภูเขาทอง แลนด์มาร์กของเกาะรัตนโกสินทร์ได้ด้วย แม้บางช่วงจะมีรถราค่อนข้างจอแจ แต่ก็ยังสามารถปั่นจักรยานเลียบไปตามริมถนนได้อย่างปลอดภัยหายห่วง ว่าแต่...วัดแต่ละแห่งจะสวยงามแค่ไหน ไปชมกันเลยดีกว่า
1. วัดชัยมงคล (วัดช่างแสง)
ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน ใกล้กับบีทีเอสสถานีสนามกีฬาฯ (วัดอยู่ฝั่งขวามือ) ภายในพื้นที่ 4 ไร่เศษนี้โอบล้อมด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น และมีบ้านเรือนของชุมชนรองเมืองเรียงรายอยู่โดยรอบ สามารถปั่นจักรยานเข้าไปในวัดได้ เมื่อมาถึงด้านในก็จะพบอุโบสถสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ภายในอุโบสถมีพระประธานงดงามประดิษฐานอยู่
...
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณปี 2390 ในยุคสมัยของรัชกาลที่ 3 แต่เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นชุมชนของช่างตีเหล็ก และเคยได้ทำพระแสงถวายรัชกาลที่ 3 จนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงได้พระราชทานนามให้ชาวบ้านเหล่านี้ว่า ช่างสิบหมู่ ครั้นเมื่อได้สร้างวัดขึ้นมาแล้วจึงเรียกขาน วัดช่างแสง ตามที่มาของชุมชนช่างตีเหล็กแห่งนี้ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดชัยมงคล อย่างในปัจจุบัน
เรียกได้ว่าเป็นวัดที่ผูกพันอยู่กับชุมชนมายาวนาน และในวันมาฆบูชาปีนี้ก็คาดว่าจะมีญาติโยมมาร่วมทำบุญ ไหว้พระ และเวียนเทียนกันอย่างคับคั่ง ใครอยู่แถวย่านปทุมวันไปเวียนเทียนที่วัดนี้ก็ได้นะ นอกจากอิ่มบุญแล้ว ยังได้อิ่มตาความงามของวัดขนาดเล็กๆ แต่น่ารักแห่งนี้
2. วัดชำนิหัตถการ (วัดสามง่าม)
ปั่นตรงมาอีกหน่อยก็พบกับวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดสามง่าม สร้างมานานแต่ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด คาดการณ์กันว่าอาจจะสร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี 2367 พระยาชำนิหัตถการได้มาทำการซ่อมแซมบูรณะใหม่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงเลื่อมใสจึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น วัดชำนิหัตถการ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระยาชำนิฯ ผู้บูรณะวัด
ภายในวัดมีพระอุโบสถสร้างด้วยศิลปกรรมแบบจีน หน้าบันประดับเครื่องถ้วยและปูนปั้นแบบจีน มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย นอกจากนี้ยังมีศาลาประดิษฐานพระสีวลี พระศรีอริยเมตไตรย และพระมหากัจจายนะ ซึ่งประชาชนนิยมมากราบไหว้ขอพร โดยเฉพาะ 'พระสีวลีปางนั่ง' ซึ่งเป็นองค์แรกของประเทศไทย สร้างในขนาดเท่าคนจริงๆ ผู้คนนิยมมาสักการะกันมาก เชื่อกันว่าท่านให้พรด้านโชคลาภ และหากใครอยากเข้ามากราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลก็ไม่ควรพลาดวัดนี้
...
3. วัดสระบัว
ตรงมาอีกแค่อึดใจ เยื้องๆ กับวัดชำนิหัตถการก็คือ วัดสระบัว ที่นี่เป็นวัดเล็กๆ อีกแห่งที่มีโบสถ์สวยงามมาก เมื่อเข้าไปในวัดจะพบกับสถาปัตยกรรมงดงามตามแบบช่างหลวงผสมศิลปะออกแบบช่างพื้นบ้าน เป็นวัดที่แทรกอยู่ระหว่างความเป็นเมืองของย่านปทุมวันได้อย่างไม่ขัดเขิน
ด้านในโบสถ์ก็สวยงามเช่นกัน มีพระประธานหล่อทองประดิษฐานให้ไหว้สักการะบูชา และรอบๆ ก็มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามน่าชม ใครอยากไปเวียนเทียนพร้อมชมอุโบสถสวยๆ แนะนำวัดนี้เลย
...
...
4. วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร
จากนั้นปั่นตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายตรงแยกกษัตริย์ศึกเพื่อตัดเข้าถนนกรุงเกษม ตรงไปสักระยะ แล้วลัดเลาะทะลุโรงเรียนเทพศิรินทร์ ก็จะพบกับวัดที่สวยงามอลังการเข้าให้ นั่นก็คือ วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ที่นี่เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิด ราชวรวิหาร อยู่ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย สร้างในรัชกาลที่ 5 อุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 23 ปีเลยทีเดียว
ภายในวัดมีพระอุโบสถขนาดใหญ่โตและสง่างามตั้งอยู่ ด้านในพระอุโบสถก็งดงามวิจิตรตระการตามาก องค์พระประธานของที่นี่จะประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีทรงประสาทจตุรมุข เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นและอัญเชิญมาประดิษฐานไว้
อีกอย่างที่น่าสนใจของวัดนี้ คือ มีสุสานหลวงที่รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชดำริให้สถาปนาขึ้นเพื่อให้เป็นฌาปนสถานของพระราชวงศ์ที่ไม่ได้สร้างพระเมรุที่ท้องสนามหลวง โดยจะมีเมรุทอง สำหรับพระราชทานเพลิงศพผู้ที่มีพระคุณต่อแผ่นดิน ทำประโยชน์อย่างมากให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ และเมรุธรรมดาสำหรับบุคคลทั่วไป ใครอยากชมความงามแบบอลังการงานสร้าง ต้องมาที่นี่!
5. วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
จากนั้น ปั่นออกมาตามถนนพลับพลาไชยมุ่งหน้าไปถนนบำรุงเมือง เพื่อตรงไปชมภูเขาทองของวัดสระเกศ แลนด์มาร์กของเกาะรัตนโกสินทร์ ปั่นบนถนนบำรุงเมืองตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกแม้นศรี จากนั้นเลี้ยวขวาไปที่ถนนวรจักร ตรงไปอีกไม่ถึง 5 นาที ก็เจอประตูวัดสระเกศแล้ว
วัดสระเกศเป็นพระอารามหลวงชั้นโท เป็นวัดโบราณในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดสะแก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน
ที่น่าสนใจคือ ภายในเจดีย์ภูเขาทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ เรียกว่าเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวและเป็นที่เคารพศรัทธาแก่เหล่าพุทธศาสนิกชนอย่างมาก ในวันมาฆบูชาปีนี้ทางวัดก็จะมีการจัดงานเวียนเทียนอย่างวิจิตรตระการตา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาร่วมเวียนเทียนและสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล