รู้จัก พิธีสู่ขวัญข้าวกันรึเปล่าวัยรุ่น? เดาว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะตอบว่า 'ไม่รู้อะ' หรือไม่ก็ 'มันคืออัลไล' แน่ๆ ก็แหงล่ะ เพราะพิธีนี้เป็นพิธีโบราณที่นับวันยิ่งจะหาชมได้ยากมากขึ้นทุกที มีชุมชนไม่กี่แห่งที่ยังอนุรักษ์พิธีอันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ไว้

หนึ่งในนั้นคือชุมชนชาว มหาสารคาม ที่ยังคงมีการจัดงานประเพณีบุญเบิกฟ้าในแบบฉบับดั้งเดิมเป็นประจำทุกปี นอกจากจะสะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับการขอฝน และการแสดงความเคารพต่อแม่โพสพแล้ว ยังเป็นการเรียกขวัญกำลังใจให้กระดูกสันหลังของชาติทั้งหลายได้เตรียมตัวทำนาอย่างแข็งขัน ผลิตข้าวมาเลี้ยงปากท้องคนไทยทั้งประเทศ

และในโอกาสที่ปี 2558 นี้ เมืองมหาสารคามมีอายุครบ 150 ปีพอดี ทางจังหวัดจึงมีการจัดงานสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกันนี้ ยังถือโอกาสเปิดตัวกับนักท่องเที่ยวในฐานะที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวน้องใหม่ในภูมิภาคอีสานตอนกลาง ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่งานบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดประจำปี แว่วมาว่ามีพิธีโบราณหาดูได้ยากที่พ่อเมืองอยากให้นักท่องเที่ยวได้มาชมกัน ไหนๆ มาเที่ยวถึงถิ่นมหาสารคามทั้งที ก็ลองไปชมสักหน่อยคงไม่เสียหลาย

...

พิธีโบราณที่ว่าก็คือ พิธีสู่ขวัญข้าว หรือพิธีกรรมบวงสรวงแม่โพสพ ว่ากันว่าต้นกำเนิดของพิธีนี้เกิดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวอีสานที่เชื่อว่าผืนดินทุกผืนมีบุญคุณต่อมนุษย์ จึงมีการจัดพิธีกรรมนี้ขึ้นเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน จุดเด่นในพิธีคือการบวงสรวงเทพธิดาแห่งข้าวหรือที่รู้จักกันในชื่อ แม่โพสพ ตามความเชื่อที่ว่าแม่โพสพเป็นผู้คุ้มครองท้องนาและทำให้ข้าวออกรวงอย่างอุดมสมบูรณ์ รวมถึงพิธีหว่านปุ๋ยบำรุงท้องนาด้วย ทั้งนี้ จะจัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ถือเป็นการเฉลิมฉลองช่วงต้นฤดูการทำนา

โดยในวันงาน ชาวบ้านจะมารวมตัวกันเพื่อทำบุญตักบาตรในตอนเช้า มีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ การแสดงรำบูชาแม่โพสพ จากนั้นจึงเริ่มพิธีสู่ขวัญข้าว โดยตั้งโต๊ะวางของไหว้ต่างๆ ประกอบไปด้วยของคาว จำพวก หัวหมู เป็ด ไก่ ปู ปลา ผลไม้ 5-7 อย่าง ของหวาน และน้ำมะพร้าว เป็นต้น พร้อมด้วยพานบายศรีขนาดใหญ่ 5 ชั้น รวมถึงพานดอกไม้ธูปเทียนอีกจำนวนหนึ่ง โดยโต๊ะบูชานี้จะตั้งไว้ใกล้ๆ กับยุ้งฉางข้าว โยงสายสิญจน์จากเครื่องบูชาไปรอบยุ้งฉาง

...

...

เมื่อได้ฤกษ์งามยามดี พราหมณ์จะประกอบพิธีโดยนั่งที่ด้านหน้าเครื่องบูชา หันหน้าไปทางทิศที่เป็นมงคลประจำวัน ไหว้พระรัตนตรัย เรียกรวมเหล่าเทวดา แล้วอ่านถ้อยคำคาถาจากหนังสือใบลานเรื่องคำสูตรขวัญข้าว โดยขณะทำพิธี จะมีคนคอยส่งเสียงร้องเรียกขวัญข้าวเป็นระยะๆ สอดคล้องไปกับบทคาถาที่พราหมณ์อ่าน เมื่ออ่านจบก็เป็นอันเสร็จพิธี ส่วนข้าวในยุ้งฉางที่นำมาประกอบพิธีสู่ขวัญแล้ว เจ้าบ้านห้ามตักข้าวออกจากยุ้งเป็นเวลา 7 วัน ถือเคล็ดว่าจะทำให้มีข้าวพอกินไปตลอดปี

...

จากนั้นชาวบ้านจะรวมตัวกันเพื่อตั้งขบวนเดินลงสู่ผืนนาพร้อมหาบกระบุงใส่ปุ๋ย เพื่อทำพิธีหาบปุ๋ยหว่านใส่ผืนนาเพื่อบำรุงดิน ช่วงนี้จะเห็นบรรดาแม่ป้าน้าอาทั้งหลายนุ่งชุดพื้นบ้าน เดินลงนาเป็นแถวยาวอย่างพร้อมเพรียง เมื่อถึงปลายนาก็แปรขบวนเป็นแถวหน้ากระดาน ก้าวย่างทีละสเต็ปพร้อมโปรยปุ๋ยลงผืนดินอย่างชำนาญ เดินไปโปรยไปจนหมดกระบุง ระหว่างนั้นก็มีวงดนตรีพื้นบ้านอีสานเล่นเพลงพื้นบ้านประกอบไปด้วยอย่างสนุกสนาน

เรียกว่าเป็นวิถีชาวนาอีสานแบบบ้านๆ ที่ยังคงเสน่ห์เปี่ยมล้น สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวหลายคนที่ไม่เคยเห็นพิธีแบบนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่ความแปลกใหม่ในสายตานักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้วพิธีนี้ยังช่วยปลูกความรักในเมล็ดข้าวให้งอกงามขึ้นในใจคนไทยได้อีกมากเลยทีเดียว


*ล้อมกรอบ*
'แม่โพสพ' เทพธิดาแห่งรวงข้าว
คนไทยเชื่อว่า ข้าว เป็นสิ่งที่มีบุญคุณ มีจิตวิญญาณ มีเทพธิดาชื่อว่า “แม่โพสพ” ประจำอยู่ในต้นข้าว แม่โพสพเป็นผู้คอยดูแลต้นข้าวให้เจริญงอกงาม ถ้าผู้ใดได้ทำพิธีตามคติความเชื่อ และบูชากราบไหว้แม่โพสพแล้ว จะทำให้ผู้นั้นร่ำรวยอุดมสมบูรณ์ และข้าวสามารถให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ได้ มนุษย์เราเป็นหนี้บุญคุณแม่โพสพเป็นอันมาก ถ้าวันใดไม่ได้บริโภคเนื้อหนังมังสาของแม่โพสพ วันนั้นแทบจะเอาชีวิตไว้ไม่อยู่ มนุษย์จึงควรเชิดชูบูชาแม่โพสพซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเลี้ยงโลกให้อยู่เย็นเป็นสุข ฉะนั้นหากดูแลเอาใจใส่แม่โพสพให้สุขสบาย แม่โพสพก็จะไม่หลบลี้หนีหายไปจากท้องนา และทำให้ข้าวงอกงามสมบูรณ์ไปตลอดทุกๆ ปี

ขอบคุณข้อมูลแม่โพสพจาก กองวิจัยและพัฒนาข้าว(กวข.)