สนามบินพาโร ถ่ายโดย Douglas J. McLaughlin ที่มา วิกิพีเดีย

มาชมความอันตรายในการนำเครื่องลงจอดที่สนามบินที่อันตรายที่สุดในโลก 'ท่าอากาศยานพาโร' ประเทศภูฏาน เมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ภูเขา กับการลงจอดที่ไม่มีระบบนำทาง อาศัยประสบการณ์และความชำนาญของกัปตันล้วนๆ...

เว็บไซต์ Mashable รายงานอ้างรายงานพิเศษ "Pilot’s eye view of ‘dangerous’ airport landing" สำนักข่าวบีบีซี เกี่ยวกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพื่อลงจอดในสนามบินที่ถือว่าอันตรายที่สุดในโลก โดยทีมข่าวบีบีซีเดินทางไปกับสายการบิน "Druk Air" สายการบินแห่งชาติภูฏาน เพื่อลงจอดยังสนามบินพาโร ของราชอาณาจักรภูฏาน (Paro Airport in Bhutan) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำ พาโร ชูชู ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,230 เมตร หรือ 7,300 ฟุต เป็นสนามบินที่มีรันเวย์เดียวยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และเป็นฐานบินหลักของของสายการบิน Druk Air ที่เป็นสายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศ รวมทั้งเที่ยวบินประจำ ไป-กลับ จากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ด้วยเครื่องบินโดยสารไอพ่นแบบ แอร์บัส เอ-319

...


สาเหตุที่พาโรเป็นสนามบินที่อันตรายที่สุด เพราะเส้นทางเข้าสู่สนามบิน ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูง 18,000 ฟุต และทุ่งนา นักบินที่จะทำการบินมาลงที่สนามบินพาโร ต้องสอบและได้รับใบอนุญาตให้ทำการบินจากทางการของภูฏานก่อนเท่านั้น เที่ยวบินนี้มีต้นทางจากสนามบินชางงี ที่สิงคโปร์ สนามบินที่ถูกจัดอันดับว่าดีที่สุดในโลก ด้วยการที่เป็นเที่ยวบินออกแต่เช้าตรู่ ผู้โดยสารส่วนมากจะหลับด้วยความอ่อนเพลีย ต่อจากนั้นเครื่องบินแวะพักที่กรุงดาร์กา ประเทศบังกลาเทศ ก่อนจะบินตรงเข้าสู่สนามบินพาโร จากจุดนี้บนเครื่องบินจะเห็นภูเขาเอเวอเรสต์ทางด้านซ้าย บนเส้นทางการบินสู่พาโร ก่อนจะลงจอดอย่างปลอดภัย บนสนามบินที่คุณแทบจะแตะก้อนเมฆได้ และทิวทัศน์ของธรรมชาติและบ้านเมืองที่สวยงาม

ชมคลิป 

กัปตัน โซนาม โชเดีย นักบินพาโร ของเที่ยวบินนี้ ระบุว่า ในช่วงที่เข้าใกล้สนามบินระบบนำร่องจะไม่สามารถใช้งานได้ นักบินจะปิดระบบออโต้ไพล็อต นับจากนี้ต้องใช้การบินด้วยสายตา และประสบการณ์เท่านั้น สาเหตุที่ไม่สามารถใช้ระบบนำร่องได้ เพราะที่พาโรยังไม่มีการติดตั้งระบบ ILS เนื่องจากอุปกรณ์แจ้งเตือนมีราคาแพง นักบินที่จะบินมายังพาโรต้องอาศัยประสบการณ์ และความรู้ที่มีในการนำเครื่องลงจอด เพราะมองไปข้างหน้าก็มีแต่ภูเขา และสนามบินอยู่หลังเทือกเขาด้านหน้า เราไม่มีระบบนำทางเข้าสนามบิน นักบินจึงต้องใช้ประสบการณ์และการสังเกตเพื่อพาเครื่องเข้าสู่สนามบิน

 

ทุกครั้งต้องพยายามสังเกตไม่ให้ปีกเครื่องบินเข้าใกล้ภูเขา เมื่อเข้าสู่ระยะไฟนอลแอพโพรช จะเห็นสนามบินเพียง 5-10 วินาที ก่อนจะหักขวาเพื่อหลบภูเขาและเลี้ยวซ้ายเข้าปลายสนามบิน ช่วงใกล้สนามบินยังต้องระวังหลังคาบ้านคนด้วย และต้องลงจอดเลยบนรันเวย์ที่มีระยะ 2 กม.จากตรงนี้คุณจะเห็นเหมือนถนนที่เล็กนิดเดียวเท่านั้น

ใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์การเดินทางที่แสนระทึกใจ เพื่อท่องเที่ยวประเทศภูฏานในดินแดนที่สวยงาม เงียบสงบ และธรรมชาติสวยงาม จากเมืองไทยไปไม่ยาก มีคณะทัวร์หลายบริษัทให้เลือก แต่ขอวีซ่าไปเที่ยวยากกว่าเท่านั้นเอง.

ที่มา : mashable