เมื่อมีโอกาสได้ไป 'ฮ่องกง' เป็นครั้งแรกในชีวิต ความเชื่อที่ว่า ช็อปปิ้งของราคาถูกต้อง "ฮ่องกง" เท่านั้นแล่นปรื๊ดเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการหาข้อมูลในอากู๋ (Google) และตามบล็อกเกอร์ต่างๆ หาลายแทงให้ตัวเอง ว่าฉันจะต้องไปซื้ออะไรบ้าง และต้องเตรียมงบไปเท่าไหร่ถึงจะพอ

ว่าแล้วก็พุ่งตัวไปแลกเงินติดกระเป๋าไว้ 2,500 เหรียญฮ่องกง (ค่าเงินขณะที่แลกคือ 4.16 บาท/1 ดอลลาร์ฮ่องกง) ซึ่งมันคงไม่มากมายอะไร เพราะว่ามีงบประมาณในกระเป๋าอย่างจำกัด แต่ก็มโนเอาเองว่า น่าจะได้ของกลับมาเยอะพอควร


ในช่วงเดือนที่เดินทางไปนั้น คือ พฤษภาคม ซึ่งยังไม่อยู่ในช่วง ลดทั้งเกาะ ดังนั้น การช็อปปิ้งของเรา เลยเน้นไปตามดิวตี้ฟรี ย่านช็อปปิ้งอย่าง มงก๊ก ซึ่งเป็นถนนคนเดินยอดนิยม ร้านค้าที่ติดป้ายลดราคา 50% ขึ้นไป


เริ่มต้นช็อปปิ้งกันที่ย่านถนน "นาธาน" บนฝั่งเกาลูน ซึ่งเราใช้โอกาสในช่วงเย็น หลังจากเสร็จจากภารกิจ เดินชิล ดูแสงสียามค่ำคืน และถือโอกาสช็อปปิ้งไปในตัว เพราะร้านค้าที่นี่ ส่วนใหญ่จะเปิดสาย ประมาณ 10 - 11 โมงเช้า และปิดเอาดึกดื่น ประมาณ 4-5 ทุ่ม ร้านค้าส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งแบรนด์เนม และโลคัลแบรนด์ อย่าง Bossini และ Giordano หรือจะเป็นแบรนด์นำเข้าอย่าง Superdry ส่วนราคานั้น หากเป็นโลคัลแบรนด์ ก็จะถูกหน่อย แต่หากซื้อได้ยอดตามเป้า ก็จะมีของแถมชิ้นโตติดมือกลับไปด้วย แต่ถ้าเป็นแบรนด์นำเข้าแล้ว คูณ 4 เข้าไป ส่วนใหญ่ราคาจะเท่าๆ กันกับในเมืองไทย ต่างกันไม่กี่ร้อย หรือบางชิ้นแค่หลักสิบ แต่บางชิ้นก็แพงหูฉี่จนน่าตกใจ



สาวๆ อย่างเราก็ไม่พลาดที่จะเดินเข้าร้าน 'Sasa' ร้านที่รวบรวมเครื่องสำอางนำเข้า น้ำหอม มาขายในราคาที่ถูกกว่าดิวตี้ฟรี ส่วนเรื่องของแท้ 100% หรือไม่นั้น ไม่อาจรับประกันได้ เพราะร้านเองก็การันตีว่าของแท้แน่นอน ส่วนบางคนก็ว่า เคยซื้อน้ำหอมมาใช้แล้วกลิ่นติดไม่ทน เหมือนที่ซื้อตามห้าง อันนี้ก็ต้องแล้วแต่วิจารณญาณในการช็อป และการคุมสติเมื่อเห็นของราคาถูกของแต่ละคน ส่วนมาส์กหน้า บางยี่ห้อถูกกว่าไทยมาก ซื้อกลับมาตุนไว้ไม่เสียหาย


ไปต่อกันที่ย่านถนนคนเดินอย่าง "มงก๊ก" ที่ถนนแห่งนี้ เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงอีกแห่งหนึ่ง หากลองเสิร์ชจากอากู๋ดูแล้ว แทบจะทุกบล็อก ทุกรีวิว ต้องพาไปย่านถนนคนเดินแห่งนี้ คนสมัยนิยมอย่างเราจะแหกกฎ ก็กะไรอยู่ ไปซะหน่อย เดี๋ยวจะมีคนพูดได้ว่ามาไม่ถึง

โผล่จากสถานีรถไฟฟ้าขึ้นมา ก็ดูตื่นตาตื่นใจไม่น้อยกับร้านรวง ซึ่งทำป้ายชื่อร้านติดไฟสีต่างๆ กะพริบแข่งกัน มองนานๆ ก็ทำให้หน้ามืดได้เหมือนกัน 


ที่ "มงก๊ก" นี้ นอกจากจะมีร้านขายสินค้าทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้เบ็ดเตล็ดแล้ว ยังมีการแสดงเปิดหมวกมากมายจริงๆ เรียกว่าห่างกันไม่ถึง 10 เมตร โชว์ใครเจ๋ง ของใครเด็ด ก็จะมีคนมามุงดู และให้กำลังใจเยอะ

นอกจากนั้น ที่ถนนสายนี้ เราเจออีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ และเห็นว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากวัยรุ่นฮ่องกง รวมถึงนักท่องเที่ยว นั่นคือ การถ่ายภาพด่วน เป็นที่ระลึก สนนราคา 20 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อ 1 ภาพ หากคิดเป็นเงินไทยแล้ว ก็แพงเหมือนกันนะ แต่รูปที่ออกมาก็สวยสมราคา ใครอยากมีรูปสวยๆ ที่มงก๊กเป็นที่ระลึก ก็ลองไปดู มีให้เลือกหลายร้านทีเดียว


ส่วนอาหารการกิน ที่มงก๊ก มีให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารทานเล่นอย่างไก่ทอด ลูกชิ้นทอด วาฟเฟิลฮ่องกง ปลาหมึกย่าง น้ำผลไม้ ส่วนราคาพอคิดเป็นเงินไทยแล้ว แพงกว่าเมืองไทยมาก ถ้าเทียบกับรสชาติ ที่ไม่ได้อร่อยล้ำกว่าสักเท่าไหร่ อย่างน้ำผลไม้ปั่น แก้วเล็ก 15 ดอลลาร์ฮ่องกง แก้วใหญ่ 20 ดอลลาร์ฮ่องกง ในบ้านเราอย่างแพง แก้วเล็กก็จะอยู่ที่ประมาณ 20 บาท ส่วนแก้วใหญ่ก็ 25 บาท


พาเที่ยวถนนคนเดินแบบพื้นๆ กันไป 2 สายแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศไปช็อปปิ้งย่านแบรนด์เนมกันบ้าง ที่โอเชียล เทอร์มินอล ซึ่งเป็นย่านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมากว่า 700 ร้านค้า ตั้งเป็น Shop เรียงรายกันทั่วทั้งถนน อาทิ Hermes, Dior, Chanel, Louis Vuitton และอื่นๆ อีกมากมาย สินค้าส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งรุ่นใหม่ล่าสุด ลิมิเต็ดอิดิชั่น และมุมที่เป็นสินค้าลดราคา ส่วนราคานั้นหากคูณ 4 กว่าๆ ตามค่าเงินที่อ่อนลงทุกวันๆ เข้าไปแล้ว ถือว่าแพงกว่าไทยอยู่หลายช่วงตัว เดาว่าที่คนนิยมไปช็อปที่ฮ่องกงนั้น น่าจะเป็นเพราะว่าสินค้าบางยี่ห้อ บางรุ่น ไม่มีการนำเข้ามาในไทยมากกว่า

เดินช็อปปิ้งมา 3 ที่ นิ้วหงิกกับการกดเครื่องคิดเลข คิดราคาสินค้า สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาสักชิ้น อาจเพราะว่าของที่ลดราคาไม่ใช่ของที่อยากได้ ส่วนไอ้ที่ต้องการก็ดันไม่ลดซะนี่ สุดท้าย เงินที่พกมาก็มีอันต้องนอนหง่าวอยู่ในกระเป๋าเช่นเดิม

ก่อนลากลับเมืองไทย ไม่ลืมแวะ City Gate Outlet Mall ห้างที่จำหน่ายสินค้ามากมาย มีทั้งแบรนด์เนม และโลคัลแบรนด์ ลดราคาตั้งแต่ 30-50% แต่สินค้าที่นำมาลดนั้น ก็จะเป็นสินค้าที่ตกรุ่นแล้ว ถ้าไม่ซีเรียสว่าไม่ได้ถือ ไม่ได้ใส่รุ่นใหม่ล่าสุด ก็ไปแวะชมกันได้ นอกจากนั้น ชั้นใต้ดินของ City Gate ยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่เราค้นพบว่า สตรอเบอรี่นำเข้า ลูกใหญ่บิ๊กเบิ้ม ที่นี่ถูกมว๊ากกก กล่องใหญ่นอกห้างขาย 100 ดอลลาร์ฮ่องกง ในซุปเปอร์ขายเพียง 55 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเมื่อเทียบเป็นเงินไทยแล้ว ถูกกว่าซุปเปอร์ในเมืองไทยมากพอสมควร เลยขนกลับมาเป็นของฝากซะเลย


สรุป นอกจากสตรอเบอรี่ที่ขนกลับมาประมาณ 8 กล่อง ช็อกโกแลตอีกประมาณ 10 ห่อ และมาส์กหน้าจากร้าน Sasa แล้ว ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยสักชิ้น แม้จะเสียชื่อสาวนักช็อปไปบ้าง แต่ถ้าเทียบราคาแล้ว มั่นใจว่า ฉันคือคนที่ใช้เงินเป็น เพราะสินค้าบางชิ้น หากรอช่วงลดราคาในไทยแล้ว ถูกกว่ามากจริงๆ 

สุดท้ายแล้วเชื่อว่า การเดินทางครั้งนี้ ถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์ มากกว่าช็อปปิ้ง.

...