เขาคือ ช่างภาพสัตว์ป่าชั้นนำของเมืองไทย มีผลงานตีพิมพ์ต่อเนื่องกว่า 18 ปีที่ผ่านมา อาทิ อนุสาร อสท., นิตยสาร Advanced Thailand Geographic, นิตยสารสารคดี, นิตยสาร Nature Explorer, นิตยสาร เที่ยวรอบโลก และหนังสือหัวธรรมชาติอีกมากมาย

เขาเดินทางท่องเที่ยวถ่ายภาพสัตว์ป่าและธรรมชาติในหลายประเทศ แต่เมื่อเขาจะจัดนิทรรศการ เขากลับมองมาที่สัตว์สัญชาติไทย เพื่อให้คนไทยได้ร่วมรับรู้ว่า ไทยยังคงมีธรรมชาติที่งดงาม ยังมีที่ที่สัตว์ป่ายังอยู่ได้อย่างมีอิสระเสรี

"แม้ว่าคนในเมืองอาจจะไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนั้นตัวเป็นๆ แต่กับการได้เห็นภาพถ่ายของพวกมัน ได้อ่านเรื่องราวของพวกมันเท่านี้ ก็อาจทำให้คนรู้จัก และเมื่อรู้จักก็จะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้อง ความรักและพร้อมที่จะปกป้องพวกมันและถิ่นอาศัยของพวกมัน บางครั้งอาจไม่ต้องเห็น แต่ขอให้ได้ร่วมรับรู้ว่าบ้านเรายังมีป่า และในป่ายังมีพวกมันอาศัยอยู่ก็พอ'

ในโอกาสการจัดนิทรรศการสุดเจ๋ง ชื่อว่า "จากขุนเขาจรดแนวปะการัง" จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชั้น 3-5  ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มี.ค. ไทยรัฐออนไลน์เปิดใจ "ก้อง-บารมี เต็มบุญเกียรติ" ช่างภาพสารคดี ที่ว่ากันว่าครบเครื่องคนหนึ่งในประเทศไทย

...

Q : นี่คือการจัดนิทรรศการแรกของคุณ?

ใช่ครับ อย่างเป็นทางการ คือมีร่วมนิทรรศการกับคนอื่นบ้าง แจมกับคนนู้นคนนี้บ้าง อ.ศศิน เฉลิมลาภสื่อติดต่อไปใช้ภาพบ้าง นอกนั้นก็มีงานอื่นๆ อีกมากมาย นิทรรศการครั้งนี้ ชื่อว่า "จากขุนเขาจรดแนวปะการัง" อย่างที่บอก บนเขาแล้วก็ใต้น้ำ เป็นความชื่นชอบในการถ่ายภาพของผม

Q : เดาว่าคุณอยากเป็นช่างภาพมาตั้งแต่เด็กๆ?

ตอนเด็กๆ ชอบเที่ยว แล้วเรารู้สึกว่าอยากจะเก็บเรื่องราวต่างๆ ของการเที่ยว จริงๆ แรกๆ ผมชอบเขียนบันทึกไดอารี่ วาดรูปอะไร สถานที่ที่เราชอบเที่ยวกับเพื่อน พอโตขึ้นวันหนึ่งเราได้รู้จักกล้องถ่ายภาพ เราก็อยากจะถ่ายภาพความทรงจำดีๆ ในรูปแบบภาพถ่าย เลยเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากภาพท่องเที่ยว เมื่อก่อนผมเป็นช่างภาพประจำนิตยสารฉบับหนึ่ง ตอนนี้ผมกับนักเขียนไปลุยต่างจังหวัดกันเป็นเดือนๆ นานๆ จะกลับกรุงเทพฯ สักที ผมมีหน้าที่ถ่ายรูปตามคอนเซปต์ที่ได้รับ ทำอยู่ได้ 5 ปีแล้ว ก็ออกมาถ่ายเอง

Q : ตามสูตรออกมาเพราะเบื่อ?

ไม่เชิงเบื่อ มันยังเป็นงานที่ชอบอยู่ แต่งานที่ผมชอบถ่าย พวกนี้ที่เราอยากจะเก็บ อยากจะทำ ซึ่งหนังสือเขาไม่อยากได้ ประจวบผมอยากทำเองด้วย เลยออกมาทำเอง แล้วก็พัฒนาฝีมือด้วยการศึกษาการถ่ายใต้น้ำอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็พัฒนามาถ่ายป่า สัตว์ป่า

Q : ความยากง่ายระหว่างใต้น้ำกับป่าอยู่ตรงไหน?

คนละทักษะครับ แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินจะทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องมีความชอบเป็นตัวนำ

Q : ช่างภาพสารคดีแนวนี้เสน่ห์มันอยู่ตรงไหน

สารคดีจะบอกเล่าเรื่องราวที่เราได้พบ ผ่านด้วยมุมมองที่สวยงาม เพื่อที่จะให้ดึงดูดสายตาให้กับคนที่เขาพบเห็น พอเห็นภาพก็ทำให้เค้าอยากอ่าน เช่น เวลาเห็นเสือสักตัวอาจจะเอามาอ่านเอามาเขียนแคปชั่นว่า พื้นที่หากินมันถูกทำลายมันโดนล่า โดนอะไรเริ่มสนใจพัฒนาขึ้นให้รู้จัก จากไม่รู้จักเป็นรู้จัก เสือเมืองไทยยังเหลือกันอยู่กี่ตัว

ทั้งหมดนี้อย่างที่ผมบอก มันต้องใช้ความชอบ ผมชอบใช้ชีวิตกลางแจ้งและก็ชอบการท่องเที่ยว ทีนี้พอเราถ่ายเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้ข้อมูลของสัตว์ว่า สัตว์ตัวนี้เป็นยังไง ตัวนี้ต้องเจอได้ตอนไหน เริ่มรู้ฤดูกาล เริ่มทำตารางว่าเราต้องไปถ่ายอะไรที่ไหนยังไง

...

Q : อย่างภาพเสือไปถ่ายมาได้อย่างไร?

อันดับแรกเราต้องรู้จุดต่างๆ ของมันก่อนว่า ควระลงไปเฝ้าเมื่อไร ตอนไหน ฤดูไหน ลงไปก็อาจจะไม่เจอก็เป็นได้ แต่ถ้าศึกษาข้อมูล โอกาสเจอมันเยอะกว่าไม่เจอ จริงๆ พูดได้ว่า การเจอสัตว์ที่เราอยากถ่ายนั้น มันแล้วแต่โชคชะตา แต่ทั้งหมดนี้ ถ้าอยากจะถ่ายรูปสัตว์ตัวนี้ๆ ให้ได้ พื้นฐานขั้นแรกคุณต้องศึกษาให้รู้ก่อนว่า มันมีสัตว์ชนิดนี้อยู่พอเราลงไปในพื้นที่ไหม หรือพอลงพื้นที่ไปแล้ว เราต้องดูรอยเสือมีไหม ถ้ามีโอกาสที่จะเจอก็มี หรือว่าถ้าเจอว่ารอยนี้มันเก่าและอาจจะ 2 เดือนมากแล้ว อาจจะไม่อยู่ที่นั่นก็ได้ หรือการศึกษาว่าป่าที่สมบูรณ์ต้องมีสัตว์อยู่ ที่นี่โอกาสที่เราจะเจอหรือไม่ก็อยู่ที่ความถี่ในการเข้าไป

Q : ครั้งแรกที่เข้าป่าเจอสัตว์อะไรจำได้ไหม?

ครั้งแรกที่เจอก็เจอ "สมเสร็จ" เลย ครั้งแรกที่นั่งถ่ายได้ "สมเสร็จ" เลย มันก็สอนเราเลยว่า มันรู้ว่าเราอยู่ที่นั่น 70-80 เมตร มันชูจมูกมาดมแล้วมันก็หนีไป เราก็รู้แล้วว่าเราไม่เนียนพอ มันทำให้เราต้องพัฒนาเพิ่มขึ้น เพราะเรื่องทักษะมันไม่ได้ติดตัวเรามา แต่พอเราชอบเราก็เอาออกไปใช้ เราก็ได้เรียนรู้ว่าวิธีนี้ได้ผล วิธีนี้ต้องทำแบบนู่น นี่ ถึงจะได้ผล

Q : เป็นหนึ่งเดียวกับป่าเมื่อไหร่?

ผมมองว่ายังไงมันก็ไม่มีทาง ยังไงเราก็แตกแยก แต่ว่าบางช่วงบางตอนเราจะเป็นส่วนหนึ่งได้โดยที่ป่าไม่รู้สัตว์ไม่รู้ อย่างนั้นอาจจะมีแค่เป็นบางเวลา แต่ถ้าเราทำได้มากเท่าไร เราก็ได้พฤติกรรมที่ธรรมชาติของเขามากที่สุด

...

Q : ยิ่งเลียนแบบใกล้เคียงธรรมชาติเท่าไรเราก็ใกล้ตัวเขามากที่สุด?

เราไม่ได้เลียนแบบ แต่ทำให้ตัวเนียนไปกับธรรมชาติ อย่างเข้าไปมีกลิ่นโรออน เราก็แตกต่างแล้ว คุยกันเสียงดังเกินไป หักกิ่งไม้ เอามีดฟันต้นไม้ไป ทุกอย่างที่แปลกปลอมจากธรรมชาติ ทำให้เราไม่เนียนทั้งนั้น เดินไปในช่วงที่สัตว์บางชนิดอยู่ และสัตว์บางชนิดก็ไปเตือนสัตว์กลุ่มอื่นเข้า ครั้งต่อมามันก็ทำให้เราเรียนรู้เพิ่มขึ้น จริงๆ เราพยายาม แต่ที่สุดทำยังไงก็ไม่เนียน ซึ่งเราไม่มีทางที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับป่าได้ ถ้าแบบเป็นหนึ่งเดียว คือ กระทิงเดินอยู่เราเป็นเก้ง กระทิงก็จะไม่สนใจเรา แต่ถ้าตราบใดที่เรายังเป็นเรา เราเดินไปมันก็ตื่นตกใจหนี เราต้องใช้เครื่องมือที่เป็นอุปกรณ์บางอย่าง เช่น ซุ้มบังภัย ที่เก็บกลิ่นที่เก็บเสียง ช่วยกันสิ่งแปลกแยกในตัวเราออกไปสู่ข้างนอก แล้วจะทำให้เราอยู่ได้นาน

จริงๆ ผมถ่ายภาพใต้น้ำมาก่อนถ่ายภาพสัตว์ป่า เสน่ห์ของภาพใต้น้ำ ก็คือ ความเงียบ พอเวลาเราลงไปแล้ว มันมีความเป็นส่วนตัวสูง ลงไปแล้วเรารู้สึกเป็นอิสระ เรามีความสุขที่เราได้ลงไป ผมดำน้ำตั้งแต่ปี 2000 ครับ จนถึงปัจจุบัน

Q : ลำบากไหมถ่ายรูปใต้น้ำ?

จริงๆ ถ้าตัดเรื่องอุปกรณ์ไปมันเป็นแขนงแยกย่อย มันไม่เหมือนอยู่แล้ว มันต้องตั้งใจศึกษาเป็นพิเศษ พอเราตั้งใจศึกษามันก็ไม่ได้ยาก ทุกคนทำได้ครับ มันอยู่ที่ความตั้งใจของคนคนนั้นว่าเป็นอย่างไร บอกไม่ได้ ไม่ยากสำหรับอีกคนหนึ่ง แต่อาจจะยากมากสำหรับอีกคนหนึ่ง ฉะนั้น ต้องใช้ตัวเองเป็นตัวตัดสินว่า เรากลัวความสูง เรากลัวความลึก เราไม่ชอบนะ ยากมาก เรากลัวป่า เราไม่ชอบเห็ด เราเกลียดทาก ก็ยากมากที่จะเข้าป่า

"เราออกำลังกายไม่ไหว วันๆ นั่งอยู่แต่ออฟฟิศ เดินโต๊ะนี้ไปโต๊ะนั้น เดินเข้าห้องเจ้านาย แต่พอเดินขึ้นสะพานลอยเหนื่อยก็ไปเดินป่าแบบเชียงดาวไม่ได้ ไปปุ๊บทรมาน ลงมาเล็บหลุด ไปนอนก็ไม่ถนัด จะไปเข้าห้องน้ำก็ไม่รู้จะไปเข้าตรงไหน เดี๋ยวคนเห็น นู่น นี่ นั่นแมลง มันก็เลยยากไปหมด แต่ถ้าเกิดมันเริ่มจากความชอบ เราก็ไปพัฒนาทักษะก็จะไม่ยาก"

...

Q : เห็นว่าคุณมีประสบการณ์การดำน้ำแล้วเจอฉลาม ตื่นเต้นหลายครั้ง เล่าประสบการณ์หน่อย?

ครั้งแรกก็ไปดำที่เกาะสุรินทร์ ก็ไปเจอปะการังใหญ่ ซึ่งสวยมาก ผมก็มองขึ้นมา อีกแป๊บนึงก็ไปเจอฉลามครีบเงิน ซึ่งจะสูญพันธ์ุหมดแล้ว ยาวเมตรกว่าๆ ตื่นเต้นมากๆ

Q : ระหว่างถ่ายรูปสัตว์ป่ากับถ่ายรูปใต้น้ำ อันไหนยากง่ายกว่ากัน?

มันคนละแบบ ของผมว่ามันไม่ยาก มันเป็นแบบ มันเป็นสิ่งที่เราทำแล้วเรามีความสุข ทำให้เราได้รู้สึกว่าเราพยายาม

Q : จากที่ดำน้ำและเข้าป่า สิ่งแวดล้อมระหว่างเมื่อก่อนกับปัจจุบันเป็นไงบ้าง?

มีทั้งดีขึ้นและทั้งแย่ลง ในป่าก็มีทั้งดีขึ้นและก็แย่ลง เพราะว่าป่ามันมีหลายป่าบางผืนป่าก็แย่ลงอย่างชัดเจน บางผืนป่าก็ดีขึ้น สัตว์บางตัวก็โดนรุกราน บางตัวก็ขยายตัวมากขึ้น เสือเมื่อก่อนเจอน้อย เดี๋ยวนี้เจอเยอะขึ้น ป่ากว้างขึ้น พื้นที่หากินกกว้างขึ้น มีพืชเยอะขั้น แต่บางที่ก็อันตรายมากขึ้น "อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา" โอกาสที่มันจะเจอ สมเสร็จ ก็มีสูง มันคงเหลือไม่กี่ตัวในนั้น และมันก็ไม่รู้จะข้ามไปผสมพันธุ์กับใคร มันก็จะผสมกันเองในเครือญาติ ซึ่งมันก็มีทั้งดีขึ้นและแย่ลง

Q  : มันดีขึ้นและแย่ลงเป็นเพราะวัฏจักรของมนุษย์?

มันก็มีทั้ง 2 อย่าง คนทำให้มันดีขึ้นก็มี อย่างเนื้อทราย ไปเพาะพันธุ์คืนสู่ธรรมชาติ ขยายพันธุ์ได้ 200-300 ตัว หรืออย่างปะการังที่เกาะสุรินทร์ โดนสึนามิไปแทบจะตายร้อยเปอร์เซ็นต์จึงต้องปิด ไปเที่ยวเราก็ไม่เห็นพวกนี้ ในขณะที่อันดามันใต้ไม่สวย แต่ขณะนี้สวยมากๆ "ปลากระเบนแมนต้า" ช่วงนี้เข้ามาเยอะมาก เมื่อก่อนดำไปเป็นร้อยๆ ไดร์ฟไม่เจอ ตอนนี้ดำไปเจอทีละประมาณ 6-7 ตัว มันมีโอกาสสูงขึ้นที่จะได้ภาพสูง ฉะนั้น กำลังจะบอกว่าถามว่าดีขึ้นหรือเลวลงก็ไม่ได้

Q : กล่าวหาว่ามนุษย์ทำลายธรรมชาติอย่างเดียวก็พูดไม่ได้?

ใช่ครับ มันเป็นบางกรณีอย่าง เช่น สมมติกรณีที่กระทิงตายเยอะ พอตายเยอะข่าวที่ออกมาเรายังไม่รู้เพราะอะไร แต่ที่รู้คือ มันแย่ลงแน่ๆ เพราะว่ากระทิงตายเป็นฝูงใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันอีกซีกหนึ่ง ทาง "คลองปลากั้ง" มันเยอะขึ้น มันบอกไม่ได้ มันมีบาลานซ์ของมันอยู่ แต่ว่าบาลานซ์ที่หายไปมันเกิดจากคนหรือไม่ใช่คน เพราะฉะนั้น ต้องแบบแยกเป็นเคส กระทิงที่ผมถ่าย บางคนอาจคิดว่าเดี๋ยวไปถ่ายแบบนี้ก็ได้ ได้แต่ถ้าที่ทุ่งใหญ่ไม่ได้ ที่คลองปลากั้ง เขาแผงม้า ก็จะง่าย ช้างที่เขาใหญ่อาจจะถ่ายยากเพราะดุ คนที่ไปเจอดุ คนที่ไปเจอไม่ดุ ก็บอกไม่ดุ ธรรมชาติก็คือธรรมชาติ คาดเดาไม่ได้ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทางผมทำอย่างนี้ไปเจออาจทำเหมือนผมแต่พลาดก็มี

Q : กว่าสิบปีที่ถ่ายรูปเจออะไรที่ประทับใจจากการถ่ายภาพบ้าง?

อย่างในป่า จริงๆ ผมถ่ายจะครบแล้ว เหลือแต่พวกหายากๆ เสือโคร่ง เสือดาว กระทิง วัวแดง ควายป่า สมเสร็จ ชะนีมงกุฎ ชะนีมือขาว ชะนีมือดำ ค่างแว่นหินใต้ ค่างแว่นหินเหนือ นกอีกมากมาย แล้วก็สัตว์เลื้อยคลานอีกเยอะ ช้างมันก็เกือบจะครบ เหลือแต่ตัวฮาร์ดคอร์ เช่น ชะมดแผงสันหางดำ ตัวหายากมากใกล้สูญพันธุ์ เสือลายเมฆ แมวลายหินอ่อน และกลุ่มสัตว์หากินกลางคืน เป็นต้น

รูปที่ได้มันเกิดจากการวางแผนคาดเดาและติดตาม อย่างรูปที่ได้รางวัลสมเด็จพระเทพฯ ผมใช้การหามาสามปี สามปีผมก็ยังไปถ่ายใหม่ อีกปีหนึ่งก็ได้รางวัล ก่อนหน้านั้นอีกปีหนึ่งไปถ่ายอีกก็ได้รูปนี้ แต่มันก็เกิดจากการวางแผนที่มันได้จากโจทย์นี้ บนผาก็ต้องถ่ายบนผา ไปถ่ายในหุบไม่ได้ ทั้งทั้งที่ในหุบวันที่ 1 2 3 ที่ผมไปเฝ้า มันก็มี แต่ที่ผมอยากได้จะเอาจุดนี้เลย เราก็ไปเฝ้า แล้วการไปเฝ้าก็ไม่ได้ไปแค่เดือนเดียว เดือนนี้ไปเดือนหน้าก็ไปอีก แม้จะได้รูปนี้มาแล้ว เราก็ต้องไปอีก เพื่อที่มันมีดอกกุหลาบอยากให้กุหลาบมันบานแบบไหน

Q : มันจินตนาการเอาได้ไหม อยากให้รูปออกมาสมบูรณ์เท่าที่องค์ประกอบตรงนั้นมากที่สุด?


ใช่ครับ ก็เข้าไปในธรรมชาติให้มากที่สุด โอกาสก็มากขึ้น แต่อยู่บ้านก็ไม่ได้รูปแน่นอน

Q : แล้วเข้าไปนานที่สุด เคสที่ยากที่สุดมีประสบการณ์ไหม?

ยากที่สุดในความรู้สึกผม ก็คือ พวกอย่าง "สมเสร็จ" คือ สัตว์ที่หากินกลางคืน กลางคืนไม่มีใครไปเฝ้าอยู่แล้วมันอันตรายเจอช้างเจอช่วงเวลาของเขาก็คือ หากินกลางคืน เราไปเฝ้ากลางวันโอกาสมันจะน้อยมากที่จะเจอ บางอันใช้เวลาเป็นปีๆ อย่างกวางผา 8-9 ปีมาแล้ว มันไม่มีสูตรสำเร็จว่าไปตรงนี้อีก 5 วันจะต้องได้ ไม่มีๆ ต้องใช้เวลาเข้าไปเรื่อยๆ

ซึ่งการเข้าไปต้องมีการวางแผน ในน้ำ จริงๆ ตอนนี้ผมควรจะอยู่ในน้ำ เพราะปลากระเบนแมนต้า เข้าเยอะมาก ฉลามวาฬนี่ ทริปที่แล้วเพื่อนเจอ 3-4 ครั้ง โอกาสเจอมันน้อย บางคนดำเป็นร้อยๆ ไดร์ฟไม่เจอ แต่ช่วงนี้มันเหมือนกับว่าน้ำมันเย็น เป็นช่วงทอง เดี๋ยวพอน้ำมันร้อนเหมือนเดิม โอกาสเจอมันก็จะน้อยลง

Q : ในน้ำถ่ายอะไรได้แปลกๆ บ้างไหม?

แปลกๆ เขาก็จะไม่รู้จักกัน มันก็จะมี คือ เจอกุ้งบางชนิดที่ไม่เคยเจอในไทยมาก่อน เป็น New Record เป็น New Species ก็มี เคยเจอแต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นสัตว์ที่ว่าโดดเด่นชัดเจน แต่ว่าในทางของทางพวกสายที่เขาทำนิเวศวิทยา พวกศึกษาพวกความหลากหลายมันก็มีประโยชน์ ไม่เคยเจอที่ไหน เจอที่อินโดฯ แล้วมาเจอที่นี

Q : แหล่งที่ประทับใจ สมมติว่ามันเป็นในป่าธรรมชาติที่สวยที่สมบูรณ์?

สวยที่สุด ฮาลา บาลา 3 จังหวัดชายแดนใต้ พื้นที่สีแดง แต่ว่าจะกล้าไปหรือเปล่า แต่มันสมบูรณ์และสวยแน่ๆ บางทีมันสวย มันสมบูรณ์ ไม่จำเป็นว่าต้องมีใครไป โอกาสที่เราจะไปอาจจะกลับมาเล่าว่าสวยก็ดี แต่ถ้าไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับมาเล่าก็ได้ แต่ว่าให้แนะนำอันที่มันใกล้ๆ ดีกว่า เขาใหญ่ แก่งกระจาน 2-3 วัน อย่างนี้ไปได้

Q : ช่างเวลาไหนเขาใหญ่?


ต้องไปดูเองว่าเราชอบแบบไหน บางทีมันบอกไม่ได้ ส่วนใหญ่เขาจะไปช่วงหนาวๆ แต่ถ้าเป็นผม ผมก็จะแนะนำที่ไม่ใช่ช่วงลองวีคเอน คือ คนเยอะ ที่จอดรถเยอะ ไม่มีที่กางเต็นท์กัน ของกินก็แย่งกันกินห้องน้ำก็แย่งกันเข้า แต่ถ้าเราไปช่วงที่ไม่มีคน เราก็จะไม่เสียเวลาต่อห้องน้ำครึ่งชั่วโมง ไปเดินเจอชะนีสองตัวสามตัว ได้ไปดูเก้งดูกวางดีกว่า

Q : คือการเป็นช่างภาพ ถ้าเด็กรุ่นใหม่ อยากเดินตามรอยช่างภาพสารคดีเหมือนคุณ ควรเตรียมตัวและเริ่มต้นอย่างไร?

ต้องเริ่มต้นด้วยใจรักใจมาก่อน สำอางก็ได้ แต่อย่างที่บอก สัตว์มันเกลียดกลิ่นที่แปลกปลอม ต้องลดโรออนซ์ จริงๆ คือ เรียนรู้ มีใจรักธรรมชาติ แล้วต้องถ่ายพฤติกรรมของสัตว์ รู้จักพฤติกรรมของสัตว์ทะเล เพื่อที่กะจังหวะที่จะถ่ายภาพได้ แต่วิธีการที่จะเข้ามาถึงบอกยาก เราต้องทำด้วยตัวเอง เราต้องนำเสนอด้วยตัวเอง มีผลงาน มีโปรไฟล์ที่ทำให้เขาสนใจเรา เพื่อให้เขารู้จักเราและพอเข้าไปเราก็รู้จักพัฒนางานมีรูปท่องเที่ยว ที่นั่นที่นี่สวยงามมาก เลยเข้าไปดูรายการก่อน แต่ถ้าเราไปถ่ายสัตว์ป่าเลยน่าจะยากอยู่ มันก็น่าจะพัฒนามาจากการท่องเที่ยวก่อนศึกษาจากป่า ศึกษาจากงาน

เหล่านี้ก็ดูว่าเขาทำอย่างไร ดูบทความอ่านข้อมูล แล้วก็หาจากในอินเทอร์เน็ต เดี๋ยวนี้มีเยอะแยะมากมาย แล้วก็ลงมือทำ และนำสิ่งที่ทำไปนำเสนอกับเจ้าของงานที่เราอยากทำ มีฝึกงานมั้ย มีช่องทางที่จะไปทำยังไง หรือว่ามีอบรมช่างภาพ ที่เขาเปิดอบรม มีเวิร์กช็อปฟรี มาฟังมีงานดีๆ งานศิลปะจากเมืองนอกมาโชว์ มีช่างภาพระดับโลก มาดูวิธีคิดของเขา และก็เอาไปปรับใช้กับงานตัวเอง แต่ให้บอกเป็นสเต็ปไม่ได้ บอกให้ไปร่อนใบสมัครอะไรแบบนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเกิดเราทำถึงจุดหนึ่ง เรามีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน งานมันจะเข้ามาหาเองไปถ่ายรูปนี้ให้หน่อย ไปถ่ายงานนี้ให้หน่อย

Q : คือเอกลักษณ์ต้องสร้างมาเอง ลอกเลียนแบบไม่ได้?

ของผมก็น่าจะเป็น จากเขาจรดแนวปะการัง เนี่ย ได้ทั้งสองอย่างไง ช่างภาพไวไรท์ ก็มีอยู่หลายคน แต่เค้าก็ไม่ได้ถ่ายใต้น้ำ ช่างภาพที่ถ่ายใต้น้ำ ก็มีหลายคน แต่เขาก็ไม่ได้ถ่ายไวไรท์ ส่วนที่ถ่ายใต้น้ำทั้งบนบก ก็น่าจะมีไม่เยอะ

Q : ย้ำอีกที เรื่องอุปกรณ์สำคัญไหมในการทำงานแบบคุณ?

จริงๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันสำคัญ แต่ว่าสำหรับมือใหม่ เราก็ใช้ตามที่เรามี แต่สำหรับมืออาชีพ อันนั้นเป็นการตักตวงจังหวะและโอกาสที่มีอยู่น้อยให้ได้ออกมาเป็นภาพที่ดีที่สุด เพราะมันเป็นเงิน แต่สำหรับนักศึกษาไม่ควรมาเน้นตรงนี้เท่าไร ควรจะค่อยๆ ศึกษาจากอุปกรณ์ที่เรามีและใช้มันให้คุ้มก่อน

Q : ทุกวันนี้เรามีอะไรที่อยากจะถ่ายแล้วเราไม่ได้ถ่ายไหม?

มีเยอะเลยหลายตัวเลยตัวพวกตัวหายาก มีสัตว์อีกหลาบชนิดที่เรายังอยากได้ มันต้องมีการวางแผน กวางผานี่ ผมก็จะไปสิ้นปีนี้ ผมก็จะไปอีกมันก็มีช็อตที่ผมอยากได้อยู่

Q : เสน่ห์ระหว่างเมืองกับป่า มันต่างกันอย่างไรในมุมช่างภาพ?


ในเมืองมันคาดเดาได้ไม่จำกัด เราอยากได้แสงสาดตึกตรงนี้ เราก็วางไทม์ไลน์เราเลยว่า เดี๋ยวเราไปตอน 5 โมงเย็น ผมเชื่อว่าเดือนหนึ่งถ้ามาสเตอร์พีทดีๆ มุมนั้นได้หลายรูป แต่ในป่าไม่ใช่ว่ากันที่ระดับเดือน ระดับปี เพราะธรรมชาติบ้านเราไม่ได้อยู่ในระดับเปิด

Q : อีกสัก 5 ปี เราจะเห็นคุณก้องในรูปแบบไหน?


ภาพอีก 5 ปี ก็อาจจะมีภาพผมพาลูกไปเดินถ่ายภาพสัตว์ป่าด้วยกล้องตัวเล็กๆ ถ่ายรูปนี่นั่น ก่อนปลูกฝังให้เขารู้จักวิธีการใช้ชีวิตในป่า เพราะว่าป่ามันเป็นที่กล่อมเกลา ทำให้จิตใจของคนดีกว่าเมือง อยู่ในเมืองสิ่งที่เป็นลวงเยอะ แต่ในป่ามันเป็นสัจธรรมจริง เราเจออะไรมา เราบอกได้หมด อันนี้เกิดแบบนี้เพราะแบบนี้กวางมันโดนล่า เพราะอยู่อย่างนี้นกมันทำอย่างนี้ เพราะอะไรทุกเรื่องราวมันเล่าได้หมด

Q : ได้อะไรจากการเป็นช่างภาพมาสิบกว่าปี?

ก็ได้หลายอย่างมัน ก็คือ สอนตอนที่ช่วงแรกที่นั่งบังภัย เงยไปดูมา หรือยังพอสัก 5 ปี วิธีการเปลี่ยนภาพที่ได้ก็เปลี่ยนจากนั่งมั่งนอนมั่ง เป็นดูตลอด มองตลอด เหมือนขับรถต้องคอยดูตลอด จากอีกปีเป็นเปิดประสาทฟังด้วยอะไรด้วยแยกเสียงที่เกิดขึ้น เสียงเดินแบบนี้มันเป็นสัตว์ชนิดนี้ ถ้ามีอาการแบบนี้ไอ้นี่จะมา มันก็เหมือนเราเรียนรู้จากธรมมชาติได้ว่า เงื่อนไขของเราเป็นยังไง และเราก็เอามาปรับใช้ว่า บางทีเราจะทำอะไรแล้วเราเจออุปสรรค บางทีสัตว์ป่ามันอยู่ในป่าไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีเหยี่ยวจะจับนกมากินทีนึง มันต้องจับเป็นสิบๆ รอบ เสือกว่ามันจะได้วัวแดง มันต้องอดอาหาร หิวมาเป็นอาทิตย์ๆ มันก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนเห็นได้เอง

ส่วนเสียอะไรไหม ไม่เคยเสียอะไรเลย ผมคิดว่าตั้งแต่ผมเริ่มทำตั้งแต่วันแรก ผมมีแต่ได้กับได้ แต่ว่าเพียงสิ่งที่ผมคิดไว้ช่วงแรกมันจะนาน เพราะว่าผมเชื่อว่างานที่มันเป็นอะไรที่ต้องทำการพิสูจน์กับงานที่เราทำ มันก็ต้องใช้เวลาเพื่อที่จะได้รับการพิสูจน์

Q : คิดไว้บ้างไหม เมื่อไรจะเกษียณ?

จนกว่าจะเดินไม่ไหว ถ่ายไม่ไหว ก็ต้องดูก่อนแบกเลนส์ไม่ไหว สต๊อกที่เราถ่ายเราก็ขายกินได้ตลอด มีการรวมเล่มมารวมเรื่อง มาอบรมมัน ต่อยอดได้ไม่รู้จบ ถึงบอกว่าสต๊อกเก่ากวางผา แต่อีก 10 ปีขายได้อีกรูปหนึ่งผมก็จะมาพูดได้ว่า รูปนี้ถ่ายมาแล้ว 10 ปีที่ผ่านมา เราก็ต้องเขียนเรื่องให้คล้องกับ อันนี้มีวิธีย่อยได้เยอะ เพราะว่าผมเป็นคนเล่าเรื่อง ไม่ใช่จากภาพอย่างเดียว จากการเขียนด้วย เพราะฉะนั้นเราเก็บมาทั้งหมดย่อยออกมา 1 คือ ให้ทุกคนได้รู้ 2 ก็คือ ทางอ้อมงานกลับมากด้วย

Q : ทุกวันนี้ถูกมองว่าเป็นเศรษฐี?

ไม่ แต่ถ้าเรื่องความสุข ผมว่าผมใช่ ถ้าผมเป็นเศรษฐีในเรื่องเงิน ผมคงไม่มาทำอาชีพนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

**ล้อมกรอบ**

สุดยอดแหล่งถ่ายภาพสัตว์ป่า 5 แห่ง1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 3.อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 4.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร 5.อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง

สุดยอดแหล่งถ่ายภาพในทะเล 5 แห่ง / 1.ทะเลอันดามันเหนือ 2.ทะเลอันดามันใต้ 3.หมู่เกาะชุมพร