ทิวทัศน์งดงามของแผ่นดินอีสาน.

ที่รับรองว่างานบุญออกพรรษาของแดนอีสานนี้ดูอย่างไรก็มีสีสันและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้มากที่สุด...

ตามประเพณีไทย เมื่อสิ้นสุดช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน เกือบทุกท้องถิ่นจะมีงานบุญออกพรรษาตามคติความเชื่อและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน ช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้เรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมจากงานบุญดังกล่าว แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่รู้จะไปไหนดี เพราะทุกท้องถิ่นต่างก็มีของดีมาอวดกันทั้งนั้น ถึงอย่างไรคงต้องยอมรับว่า งานบุญออกพรรษาแดนอีสานดูจะมีสีสันและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้มากที่สุด ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครพนม ซึ่งดูแลพื้นที่นครพนม สกลนครและมุกดาหาร จึงนำคณะสื่อมวลชนออกสำรวจ "เส้นทางมหัศจรรย์งานบุญออกพรรษาลุ่มน้ำโขง" เพื่อดูว่าออก พรรษาปีนี้ 3 จังหวัดที่ว่าจะมีอะไรดีๆมาโชว์บ้าง

เริ่มที่ จ.สกลนคร คน ที่นี่ฉลองเทศกาลออกพรรษา ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากจังหวัดอื่น ด้วยการสร้าง ปราสาทผึ้ง ถวายเป็นพุทธบูชา ตามคติโบราณเชื่อกันว่า หากใครได้ ร่วมงานบุญแห่ปราสาทผึ้ง หากตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ และมีปราสาทราชมณเฑียรเป็นที่อาศัย การทำปราสาทผึ้งสมัยก่อนจะแยกเป็นคุ้มวัดต่างๆ มีการรวบรวมช่างฝีมือพื้นบ้านมาไว้ด้วยกัน ช่างจะใช้ไม้ไผ่สานขึ้นเป็นรูปตัวปราสาท จากนั้นจะประดับประดาด้วยสีผึ้งที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง ก่อนแห่แหนเป็นขบวนนำไปถวายวัด



วัดพระธาตุเชิงชุม จ.สกลนคร.


แม้วิถีชีวิตผู้คนจะเปลี่ยนไป แต่ชาวสกลนครยังคงยึดถือปฏิบัติและช่วยกันสืบสานประเพณีที่ดีงามนี้ไว้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ในปีนี้จะมี งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งเรือยาวสกลนคร ระหว่างวันที่ 30 ก.ย.-4 ต.ค. 52 ณ สนามมิ่งเมืองและสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ สิ่งที่พิเศษของปีนี้คือ จะมีการจัดเตรียม ดอกไม้สำมะลี หรือสิมลี ที่ทำจากขี้ผึ้งไว้ให้นักท่องเที่ยวและผู้มาร่วมงานนำไปติดที่ตัวปราสาทผึ้ง เพื่อเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน จากนั้นจะแห่ปราสาทผึ้งไปถวายที่วัดพระธาตุเชิงชุม วัดคู่บ้านคู่เมืองสกลนคร



ช่างกำลังตกแต่งปราสาทผึ้ง.


ไปต่อกันที่ จ.นครพนม จังหวัดริมแม่น้ำโขง งานใหญ่ในช่วงออกพรรษาของที่นี่คือ พิธีไหลเรือไฟ บางที่เรียกว่า ล่องเรือไฟ ลอยเรือไฟ หรือปล่อยเรือไฟ เป็นลักษณะที่เรือไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ตามตำนานกล่าวว่า สมัยพุทธกาล พญานาคได้ทูลอาราธนาพระพุทธองค์เสด็จฯไปแสดงธรรมในเมืองบาดาล เมื่อเสด็จฯกลับ พญานาคทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระบาทไว้ ณ หาดทรายแห่งแม่น้ำนัมมทานที พระพุทธองค์จึงประทับรอยพระบาทไว้ตามประสงค์ของพญานาค รอยพระบาทที่ทรงประทับไว้นี้ เป็นที่เคารพสักการะของเทวดา มนุษย์และสรรพสัตว์ ทั้งหลาย เหตุนี้การไหลเรือไฟ จึงถือเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าตามความเชื่อดังกล่าว



เรือไฟโบราณของชาวนครพนม.


รูปแบบของเรือไฟสมัยโบราณจะนำไม้ไผ่มาจักสานเป็นลำเรือขนาดเล็กๆ ประดับประดาด้วยดอกไม้สด ภายในลำเรือชาวบ้านจะนำธูปเทียน ขนมต้ม ผลไม้ และขนมหวานใส่ลงไปด้วย บางคนยังตัดเล็บ ตัดผม หรือนำเสื้อผ้าเก่าๆใส่ไปในลำเรือ เชื่อกันว่าเป็นการลอยเคราะห์ลอยทุกข์โศกไปกับเรือ ปัจจุบันประเพณีไหลเรือไฟเปลี่ยนไป เพราะมีการทำเรือไฟขนาดยักษ์สารพัดรูปแบบประกวดประชันกัน โดยช่างจะนำลำไม้ไผ่มาสานบนแพ ประดับด้วยดวงไฟจากแบตเตอรี่ หรือบางลำอาจมีการจุดพลุไฟ แต่บางลำยังใช้การจุดไฟแบบเดิมๆ โดยใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังหรือกระป๋องน้ำอัดลม มีไส้ควั้นด้วยผ้าดิบบรรจุน้ำมันก๊าดเป็นตะเกียงนำมาผูกติดกับลำไม้ไผ่ เมื่อถึงเวลาไหลเรือก็จะจุดไฟให้สวยงาม แล้วลอยเรือไปตามลำน้ำโขง ในปีนี้ งานไหลเรือไฟและงานกาชาดจะจัดขึ้นพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-5 ต.ค. 52 ณ ริมแม่น้ำโขงและศาลากลางจังหวัดนครพนม



การไหลเรือไฟในช่วงค่ำคืน.


ส่วนที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงเช่นกัน นอกจากจะมีพิธีตักบาตรเทโวฯหลังเทศกาลออกพรรษาเหมือนสถานที่อื่นทั่วไปแล้ว ประเพณีสำคัญของที่นี่คือ ส่วงเฮือ หรือการแข่งเรือยาว เชื่อมสัมพันธไมตรีเมืองคู่แฝด ระหว่าง จ.มุกดาหาร กับแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค. 52 ณ ท่าน้ำเขื่อนริมฝั่งโขงตลาดอินโดจีน โดยก่อนการแข่งขันเรือยาวทุกครั้ง คนที่นี่จะมีพิธี "เบิกน่านน้ำ" เป็นพิธีบวงสรวงพระแม่คงคาและพญานาค เพื่อขออนุญาตใช้แม่น้ำโขงทำการแข่งขันเรือยาว โดยพราหมณ์ จะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญและคนทรงเจ้าจะทำพิธีบวงสรวงด้วยอาหารคาวหวาน 7 อย่าง และอัญเชิญเจ้าพ่อฟ้ามุงเมืองและเจ้าแม่สองนางสถิต จากศาลประจำเมืองลงมาประทับเรือเจ้าฟ้ามุกดาสวรรค์ จากนั้นเจ้าเมืองจาก 2 ฝั่งโขง คือผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและเจ้าแขวงสะหวันนะเขต พร้อมด้วยคนทรงเจ้าจะลงเรือไปกระทำพิธีเบิกน่านน้ำ บริเวณกลางแม่น้ำโขง



เรือยาวเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ลาว.




ขบวนแห่เรือไปทำพิธีตีช้างน้ำนอง จ.มุกดาหาร.


และจะมี พิธีตีช้างน้ำนอง ซึ่งเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของผู้เข้าร่วมแข่งขันเรือยาวจะจัดขบวนเรือแห่อัญเชิญถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และตามด้วยเรือที่เข้าร่วมแข่งขันอีกกว่า 50 ลำ บรรดาฝีพายจะจ้วงพายลงในแม่น้ำอย่างแรงให้น้ำสาดกระเซ็นเป็นฝอยขึ้นบนอากาศ พร้อมตีกลองตีฆ้องโห่ร้องเอาฤกษ์เอาชัย การกระทำลักษณะดังกล่าวโบราณเปรียบเสมือนโขลงช้างเล่นน้ำ เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเองและเป็นการขอขมาพญานาคและเจ้าผู้ดูแลรักษาแม่น้ำโขง เนื่อง จากการแข่งขันเรือยาวอาจสร้างความแตกตื่นด้วยเสียงดัง ทำให้พญานาคและเจ้าผู้ดูแลรักษาแม่น้ำเกิดความรำคาญ พิธีนี้จึงถือเป็นการบอกกล่าวและคารวะให้ท่านคุ้มครองดูแลไม่พิโรธ



ฝีพายจ้วงน้ำให้สาดกระเซ็นคล้ายช้างเล่นน้ำ.


นายวิชุกร กุหลาบศรี ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานนครพนม กล่าวว่า นักท่องเที่ยวสามารถจัดโปรแกรมการเดินทางตามเส้นทางท่องเที่ยวมหัศจรรย์งานบุญออกพรรษาลุ่มน้ำโขง ประจำปี 2552 ได้ดังนี้ วันที่ 3 ต.ค. ช่วงเช้าชมการแข่งขันเรือยาวและพิธีตีช้างน้ำนองที่ จ.มุกดาหาร เสร็จแล้วเดินทางไป จ.สกลนคร ช่วงเย็นชมประเพณีแห่ปราสาทผึ้งของชาวสกลนคร รุ่งขึ้นวันที่ 4 ต.ค. เดินทางเข้า จ.นครพนม เพื่อรอชมงานประเพณีไหลเรือไฟในช่วงค่ำ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงาน ททท. นครพนม โทร. 0-4251-3490-2 หรือไปเยี่ยมชมเว็บไซต์กลุ่มจังหวัดสนุก (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) www.tatsanuk.com

...