นอกจากย่างกุ้งที่เป็นอดีตเมืองหลวงของเมียนมาแล้ว ยังมีอีกหลายเมืองที่มีความสวยงาม น่าหลงใหล เชื้อเชิญให้ผู้คนจากที่ต่างๆ เดินทางเข้าไปท่องเที่ยว แม้ว่าจะต้องเสี่ยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในหลายๆรัฐของเมียนมาก็ตาม
รัฐฉาน หรือ Shan Stage เป็นหนึ่งใน 7 รัฐ 7 มณฑลของเมียนมาที่มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ และเป็นรัฐที่มีพื้นที่มากที่สุดในบรรดาเขตการปกครอง 14 เขตของประเทศเมียนมา โดยครอบครองพื้นที่เกือบ 1 ใน 4 ของทั้งประเทศ
เสน่ห์ของรัฐฉานคือ ความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตชนบทอันเรียบง่ายของชาติพันธุ์หลากหลายกลุ่ม หากไม่นับรวมชาวไต หรือไทใหญ่ ที่เป็นชนพื้นถิ่นดั้งเดิม ที่นี่มีทั้งชาวเขา ชาวเนปาล อินเดีย กุนข่า ซึ่งเคยเป็นทหารรับจ้างสมัยที่ประเทศตกเป็นอาณานิคมในการปกครองของอังกฤษ

นอกเหนือจากเมืองใหญ่ๆอย่างล่าเสี้ยว เชียงตุง และตองจีแล้ว อีกเมืองที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันก็คือเมืองกะลอ ที่อยู่ระหว่างเขตรอยต่อของเมืองพินอูลวิน หรือเมย์เมียว กับอินเล และปินดะยา
...
อนุสรณ์ที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้ให้ในกะลอ และเป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรหาโอกาสเดินทางไปสักครั้ง นั่นก็คือการนั่งรถไฟข้ามสะพานก๊อกเต๊ก Gokteik Viaduct ซึ่งถือว่าเป็นสะพานรถไฟที่ยาวที่สุด สูงที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในประเทศเมียนมา


เสียงล้อเหล็กของรถไฟบดกับรางเหล็กบนสะพานสูงที่ตัดผ่านภูเขา ดังกึงกัง กึงกัง เป็นอีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นของการนั่งรถไฟสายนี้ ชื่อของสะพานก๊อกเต๊ก หรือก๊กเต๊ก มาจากชื่อของหุบเขาก๊อกเต็ก (Gokteik Valley) เป็นเส้นทางรถไฟสายล่าเสี้ยว (Lashio) เมืองหลวงทางภาคเหนือของรัฐฉาน ค่อนไปทางเมืองพินอูลวิน (Pyin Oo Lwin)
ความสูงของสะพานทางรถไฟแห่งนี้ วัดจากที่ต่ำที่สุดของพื้นดิน พบว่ามีความสูงถึง 102 เมตร ระยะทางยาว 689 เมตร นับเป็นสะพานรถไฟที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และสูงที่สุดในอาเซียน


สะพานก๊อกเต๊กสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1899 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1900 เท่ากับว่าสะพานแห่งนี้มีอายุมากกว่า 100 ปี แต่ด้วยเทคนิคการสร้าง และนายช่างจากตะวันตกเป็นผู้ควบคุมงาน ทำให้สะพานรถไฟแห่งนี้ยังแข็งแรงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน
...
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะส่วนประกอบหลักของสะพานทำจากเหล็กกล้า ออกแบบโดยวิศวกรชาวอังกฤษชื่อ Sir A.M. Rendel ร่วมกับ Pennsylvania Steel Company of London ส่วนเหล็กและบริษัทผู้รับเหมานั้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยส่งชิ้นส่วนทั้งหมดจากท่าเรืออเมริกาสู่ท่าเรือย่างกุ้ง แล้วมาประกอบในเมียนมา ใช้เวลา 9 เดือนในการสร้าง จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในวิศวกรรมที่น่าทึ่งแห่งศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว โดยค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสะพานอยู่ที่ 111,200 ปอนด์


...
ทัศนียภาพ 2 ฟากฝั่งของสะพานก๊อกเต๊กเต็มไปด้วยป่าไม้ หุบเขา และแม่น้ำ ซึ่งถ้าไม่นับรวมประวัติศาสตร์สะพานข้ามแม่น้ำแควของประเทศไทย ที่ชาวตะวันตกนิยมเดินทางมาเพื่อตามรอยประวัติศาสตร์แห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วล่ะก็ รถไฟสายล่าเสี้ยวที่แล่นผ่านสะพานก๊กเต๊กในเมืองกะลอ ก็น่าจะเป็นเส้นทางรถไฟอีกสายที่เป็นสายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว รถไฟสายนี้ตั้งต้นจากเมืองพินอูลวิน เมืองที่มีอากาศเย็น 25 องศาตลอดทั้งปี แต่ละวันมีรอบรถไฟประมาณ 2 รอบ คือรอบเช้าเวลา 07.52 น. และรอบบ่ายเวลาประมาณ 16.05 น. เรียกว่าเป็นรถไฟสายท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นสายหนึ่ง แม้จะไม่ใช่การนั่งรถไฟความเร็วสูงเหมือนในยุโรป จีน หรือญี่ปุ่นก็ตาม

ส่วนเมืองกะลอ ก็อย่างที่บอก ความน่ารักของผู้คน ชีวิตสโลว์ไลฟ์ คือมนต์เสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหล ภายในเมืองมีตลาดสดแบบบ้านๆขายกันบนพื้น ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ภายในเมืองก็มีที่เดินเล่นมากมาย ทั้งมัสยิด โบสถ์ และวัด ที่สะท้อนถึงความหลากหลายของเชื้อชาติและชาติพันธุ์ของผู้คนที่นี่
และด้วยความที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ที่นี่จึงมีอาคารสไตล์โคโลเนียลสลับกับบ้านไม้เก่าๆ ที่เป็นเสน่ห์เฉพาะในแบบที่เมืองอื่นไม่มี ที่สำคัญคือ อากาศที่เย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศา เพราะลักษณะภูมิประเทศตั้งอยู่บนพื้นที่ภูเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,300 เมตร คล้ายๆกับเมืองเหนือบ้านเรา จึงไม่แปลกที่จะมีพืชพรรณไม้ดอกไม้หลากสีสัน ที่เป็นพืชเมืองหนาว และร้อนชื้นให้ได้ชื่นชมตลอดทั้งปี
...

ออกไปนอกใจกลางเมืองไม่ไกล มีป่าสน ไร่ชา สวนส้ม กาแฟ อะโวคาโด พื้นที่ราบจะมีทุ่งข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพดและพืชพักชนิดต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นเดือนพฤศจิกายนจะมีดอกไม้บานอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะดอกบัวตอง
วัดสำคัญของเมืองกะลอคือวัด Nhee Paya มีพระที่สำคัญสร้างด้วยไม้ไผ่ลงแล็กเกอร์ปิดทองคำเปลวมีอายุมากกว่า 500 ปีที่ผู้คนมากราบนมัสการ ทางวัดมียำใบชา หรือละแพะ และชาร้อนต้อนรับ เรียกว่าฟินสุดๆ
การเดินทางไปกะลอไม่ยากอย่างที่คิด สามารถนั่งเครื่องบินลงมัณฑะเลย์แล้วต่อไปสนามบิน Heho ที่ตองจี แล้วนั่งรถต่อไปพินอูลวิน และกะลอ รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในการเที่ยวเมียนมา
เคยอ่านหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับรัฐฉาน ไม่ว่าจะเป็นฉานในม่านหมอก หรือสิ้นแสงฉาน แต่ก็ไม่อิ่มใจเท่ากับได้ไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติในรัฐฉาน ที่ต้องบอกเลยว่า ถ้าต้องหลงรักสถานที่สักแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน กะลอก็น่าจะเป็นที่หนึ่งในดวงใจได้โดยปราศจากเงื่อนไข.