สารคดีสัปดาห์นี้เล่าเรื่องมาร์แซย์ นครหลากวัฒนธรรม คุณจะทึ่งไปกับเรื่องราวที่รับประกันได้ว่าจะสนุกจนไม่อาจจะวางตาได้เช่นเคย...

ประโยคที่ว่า ไม่มีกฎหมายข้อใดของฝรั่งเศส ที่รอดพ้นจากการถูกท้าทายในมาร์แซย์นั้น ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะเมืองหลวงของแคว้นโปรวองซ์แห่งนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นแดนเถื่อนและไร้ระเบียบ เป็นเมืองท่าที่ดึงดูดสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดและคนทุกประเภท ซึ่งบางกลุ่มก็ผิดกฎหมายจริงๆ เสียด้วย ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ผู้คนส่วนใหญ่เหล่านี้อพยพเข้ามาทางทะเล โดยคบค้าสมาคม ทะเลาะวิวาท จับคู่ สังสรรค์ และดื่มกินกันอย่างไม่ละอาย หรือเกรงใจใคร เมืองนี้เป็นเสมือนแหล่งพักพิงของผู้คนที่หลบหนีจากการถูกเบียดเบียนบีฑา โรคระบาด และความยากจน

เมื่อไม่นานมานี้ คลื่นผู้อพยพส่วนใหญ่ที่ไหลทะลักเข้ามาเป็นชาวมุสลิม และทุกวันนี้ยามที่มองหาดทรายสักแห่งจากที่มีอยู่มากมายในมาร์แซย์ ข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังชายฝั่งแอฟริกาเหนือที่อยู่ไกลลิบ คุณอาจนึกเห็นภาพภาพคลื่นมนุษย์ระลอกใหม่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา อันเป็นผลมาจากความระส่ำระสายทางการเมืองในโลกอาหรับ ที่กำลังลุกลามขยายตัวและผลักดันผู้อพยพ ตลอดจนผู้แสวงหางานให้ข้ามน้ำข้ามทะเลมายังชายฝั่งยุโรป

...

หากคุณฟังคำพูดกรอกหูของพวกนักการเมืองขวาจัด ก็อาจพาลคิดไปว่าคลื่นผู้อพยพเหล่านี้หมายถึงการรุกคืบคุกคามของศาสนาอิสลาม ซึ่งท้าทายวิถีแบบยุโรป และลงเอยด้วยการบังคับกะเกณฑ์ให้ผู้หญิงทุกคนต้องแต่งกายมิดชิดราวเจ้าสาวตอลิบาน แต่แล้วคุณก็ตระหนักว่า หญิงชายที่กระโดดโลดเต้นรายรอบตัวคุณบนหาดทรายในมาร์แซย์นั้น ล้วนแต่มีพื้นเพมาจากแอฟริกาและอาหรับ อีกทั้งบรรดาสาวรุ่นก็ใส่บิกินี่เฉิดฉาย ไม่ใช่ชุดคลุมศีรษะ ตลอดหลายเดือนในแต่ละปี ผู้คนทั้งยากดีมีจน ผิวขาวและผิวสี แอฟริกันและอาหรับ ทั้งมุสลิม คริสต์ และยิว ต่างพากันจับจองที่นั่งบนหาดทราย ปลดเปลื้องเสื้อผ้าจนเหลือเพียงน้อยชิ้น และจับกลุ่มพูดคุยพบปะสังสรรค์ใต้แสงแดดร้อนระอุแห่งโปรวองซ์ ลองถามพวกเขาว่ามาจากไหนดูสิ รับรองว่าคุณจะไม่ได้ยินคำว่า แอลจีเรีย หรือโมร็อกโก หมู่เกาะคอโมโรส หรือแม้แต่ฝรั่งเศส เพราะพวกเขามักตอบสั้นๆ ว่ามาจากมาร์แซย์

ขณะที่หลายประเทศในยุโรปกลายเป็นประเทศของผู้อพยพ มาร์แซย์อาจเป็นตัวแทนวิสัยทัศน์แห่งอนาคต หรือแม้แต่ต้นแบบของความหลากหลายทางวัฒนธรรม (multiculturalism) แต่ใช่ว่าการรักษาสมดุล หรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมจะทำได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งที่ยังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง มักส่งแรงกระเพื่อมแห่งความกลัวมาถึงเมืองในฝรั่งเศสแห่งนี้เป็นระลอกๆ 

มิเชล เตอบูล ประธานองค์กรผู้แทนชาวยิวแห่งฝรั่งเศส หรือซีอาร์ไอเอฟ (CRIF) สาขาโปรวองซ์ เล่าว่า

“ระหว่างสงครามอิรักเมื่อปี 1991 ฉันบอกตัวเองว่า เหตุการณ์ต้องปะทุขึ้นในมาร์แซย์แน่ๆ เพราะภาพต่างๆ ที่ตรงมาถึงห้องนั่งเล่นของชาวมุสลิมผ่านทางจานดาวเทียม เราพูดกันว่าถ้ามันไม่เกิดอะไรขึ้นตอนนี้ ก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ”

และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เหล่าผู้นำมุสลิมในท้องถิ่นสามารถสยบความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้ด้วยการทำงานร่วมกับผู้นำศาสนาอื่นๆ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2005 ขณะที่เพลิงความขัดแย้งจากเหตุจลาจลปะทุขึ้นในย่านผู้อพยพแทบทุกเมืองใหญ่ในฝรั่งเศส แต่ชาวมุสลิมในมาร์แซย์ยังคงสงบอยู่

ชาวบ้านในท้องถิ่นบางส่วนเชื่ออย่างมีเหตุผลว่า ความสงบสุขทางสังคมอันน่าอัศจรรย์ของมาร์แซย์นั้น หลักๆ น่าจะมาจากหาดทรายต่างๆ ซึ่งเป็นเหมือนเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมชั้นดี ฟารูก ยูซูฟา วัย 25 พบกับมีนา ภรรยาวัย 20 ที่ชายหาดกอร์บีแยร์ ยูซูฟาเกิดบนเกาะอาณานิคมของฝรั่งเศสในกลุ่มเกาะคอโมโรสที่อยู่ระหว่างแทนซาเนียกับมาดากัสการ์และมีผิวดำคล้ำไม่ผิดแผกไปจากชาวแอฟริกันคนอื่นๆ ส่วนมีนาที่เกิดในฝรั่งเศสมีผิวขาวและเป็นบุตรของผู้อพยพชาวแอลจีเรีย ยูซูฟาทำงานกับเด็กชายและเด็กหญิงเกือบทุกสีผิวและเชื้อชาติเท่าที่คุณพอจะนึกได้ที่ศูนย์วัฒนธรรมในย่านคนจนแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของมาร์แซย์

เขาบอกผมว่า “คนรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นลูกผสมทั้งนั้นครับ” โดยเฉพาะตามชายหาด “มีชุมชนหลากหลายมาผสมปนเปและคบค้าสมาคมกันนั่นไงล่ะ! เมื่อเวลาผ่านไป เราก็เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันครับ”

แต่ “นั่นแหละ” คำพูดติดปากในบทสนทนาของชาวมาร์แซย์ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดได้ มนตราแห่งแสงอาทิตย์และหาดทรายไม่อาจแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของชีวิตชาวเมืองได้ ทันทีที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหนือชายหาด อคติประดามีก็อาจเผยโฉม มีนา บอกว่า การเหยียดเชื้อชาติยังมีอยู่มากในมาร์แซย์ ซึ่งรวมทั้งระหว่างตระกูลมุสลิมที่ขัดแย้งกัน


เธอเล่าว่า “เวลาอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่านก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่เวลาก้าวเข้าไปในย่านชาวอาหรับ พอเราสองคนเดินผ่าน มีแต่คนจ้องมอง บางทีก็พูดจาดูถูกฉันด้วย”

ถ้าเช่นนั้น อนาคตของมาร์แซย์จะเป็นเช่นไร บางทีอาจเป็นเมืองในยุโรปตะวันตกเมืองแรกที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เมืองใหญ่อื่นๆ คงมีประชากรมุสลิมใกล้เคียงกับที่มาร์แซย์ในขณะนี้ และส่วนมากคงมีประสบการณ์ลองผิดลองถูกกับการผสมผสาน แต่คงยากที่เราจะนึกภาพชายหาดต่างๆ บนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ จะมีผู้คนบางตากว่าที่เป็นอยู่ หรือผู้คนตามชายหาดจะบอกคุณว่าพวกเขาเป็นอะไรอย่างอื่น นอกจากชาวมาร์แซย์

เรื่อง : คริสโตเฟอร์ ดิกกีย์ ภาพถ่าย : เอ็ด กาศี เนื้อหาจาก http://www.ngthai.com/