เด็กๆลูกหลานชาวประมงพื้นบ้านยิ้มเริงร่าขณะมุ่งหน้าไปยังป่าชายเลนทอดตัวเป็นแนวยาวเขียวครึ้มเบื้องหลัง.
ถึง ใครจะขยาดหวาดผวาไม่กล้าลงมา “ปัตตานี” แต่ “โลกหลากวิถี” เมื่อรับปากแล้ว ไม่คืนคำ ดังนั้นเมื่อปะหน้ากับตัวแทนสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี คำต้อนรับจึงกลายเป็นคำขอบคุณตั้งแต่นาทีแรก
“ขอบคุณพี่สุภาภรณ์ที่ลงมาพบพวกเรา” แทนคำกล่าวสวัสดีโดยทั่วไปที่คนมักมีให้แก่กันยามพบหน้า
มาหะมะสุกรี (สุกรี) มะสะนิง นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดปัตตานี ร่วมทางมากับเจ้าหน้าที่สมาคมอีกหนึ่งคน มารับที่สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ข่าวระเบิดจังหวัดข้างเคียงยังคงมีอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละวัน เลยพลันทำให้กำหนดการของคณะเดินทางส่วนใหญ่ที่จัดเตรียมไว้ถูกยกเลิก แต่ก็ยังมีผู้สื่อข่าวบางคนที่ยังยืนยันมาเยือน เป็นหนังสือพิมพ์หนึ่งกับโทรทัศน์อีกหนึ่ง
ถามว่าสถานการณ์ความไม่สงบกระทบชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านอย่างไรบ้าง “สุกรี” บอกว่า“ไม่กระทบ เพราะช่วงนี้น้ำมันราคาถูกลง และในหลายพื้นที่ของเครือข่ายเรามีทรัพยากรดีขึ้น อย่างที่อำเภอหนองจิกตอนนี้ก็ได้ปูม้า ที่ไม้แก่นก็มีปลาหมึก ส่วนที่ยะหริ่งก็มีกุ้งกับปลากระบอกเยอะที่เป็นอย่างนี้เพราะที่ยะหริ่งมีพื้นที่อ่าวขนาบสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นอ่าวปัตตานี ส่วนอีกด้านเป็นอ่าวไทย และเป็นผลมาจากการทำงานอนุรักษ์ฐานทรัพยากรอย่างต่อเนื่องของพวกเรา”
...
หากยังนึกภาพไม่ออกลองเปิดแผนที่ดูจะเห็นว่าจังหวัดปัตตานีมีส่วนของแผ่นดิน ด้านหนึ่งที่ยื่นเป็นติ่งลงไปสุดทางที่แหลมตาชีนั้น ก็จะเห็นว่ามีอ่าวขนาบสองด้าน
อ่าวปัตตานี มีน้ำนิ่งกว่าและตื้นกว่า อ่าวไทย ซึ่งเป็นทะเลด้านนอก ที่น้ำใสกว่าและคลื่นลมแรงกว่า เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปล่องเรือในอ่าวปัตตานี พร้อมกับกลุ่มเยาวชนประมงพื้นบ้าน ที่ส่วนใหญ่อายุในช่วงชั้นประถมถึงมัธยมต้น สมาชิกเด็กสุดอายุ 6 ขวบ กระโดดลงเรืออย่างเริงร่าท้าแดดท้าลมทะเลอย่างยิ่ง
มุ่งหน้าไปยัง ป่าชายเลนที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำน้อยใหญ่ ระหว่างทางเห็นบ้านใหม่หลายหลังในหมู่บ้านดาโต๊ะที่ได้รับการซ่อมแซม เรียบร้อยแล้วหลังจากเคยได้รับผลกระทบจากลมพายุเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน มา
เรือเล็กของชาวประมงพื้นบ้านไม่อาจฝ่าคลื่นลมไปได้ไกลนัก แต่นั่นก็พอเหมาะแก่การทำมาหากิน หากไม่โลภกวาดทุกสิ่งที่มีในท้องน้ำไปให้สิ้น ปลากระบอกตัวเล็กตัวน้อยโดดล้อคลื่นลม สมกับคำยืนยันของสุกรี เมื่อวันก่อนหน้า ที่บอกว่าตอนนี้ทรัพยากรในทะเลดีขึ้น
วิถีของชาว ประมงพื้นบ้านในการทำมาหากินนั้น มีแบบแผนที่น่าสนใจ พวกเขาคิดก่อนลงมือทำ เห็นได้จากเครื่องไม้เครื่องมือในการจับสัตว์น้ำแต่ละชนิดแยกจากกันชัดเจน จะจับกุ้ง จับปลา หรือออกหาปู แต่ละชนิดมีเครื่องมือเป็นของตนเอง ไม่ปะปนกัน ไม่ได้ใช้อวนลากหรืออวนรุนกวาดขึ้นมาจากท้องทะเลให้ได้มากที่สุด ไม่เกี่ยงชนิด แล้วค่อยคัดเลือก เพราะการทำอย่างนั้น หายนะจะมาเยือนในภายหลัง
แล้วเด็กๆ เยาวชนมีเครื่องมืออะไรในการออกไปเที่ยวเล่นป่าชายเลนหนนี้ ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากสองมือเปล่า
แต่ พอเรือเทียบท่าเข้ากับรากไม้โกงกาง พวกเขาก็กระโดดขึ้นไปโลดโผนโจนทะยานดุจใช้วิชาตัวเบาไต่ไปตามรากไม้ที่ยกตัว สูงในป่าชายเลน สองตาเล็งลึกไปในดินเลนที่อยู่ข้างใต้แล้วก็เหยียดแขนไปให้สุดใช้มือน้อยๆ ล้วงลงไประหว่างรากที่สลับซ้อนกันดั่งฟันปลา ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่นานนักต่างคนต่างก็ได้ “หอยตาควาย” ลักษณะคล้ายหอยตลับขนาดใหญ่เท่ากำปั้น ติดไม้ติดมือกันมาคนละถุงสองถุง พร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า
ขากลับออกมาจากป่าโกงกาง เด็กๆยังได้โดดลงเล่นน้ำทะเลและจับหอยกันอีกรอบบริเวณดอนหอย กลางอ่าวปัตตานี ทั้งสนุกและปลอดภัยไร้กังวล ก็เพราะระดับน้ำสูงที่นั่นไม่เกินหัวเข่าแค่นั้นเอง
เยาวชนลูกหลาน ชาวประมงเหล่านี้ เมื่อได้เรียนรู้เรื่องการจับปลา หาหอย หากุ้ง-ปู อย่างรู้ถึงความพอเหมาะพอสม รู้ทิศทางคลื่นลม รู้การอนุรักษ์สัตว์ทะเล ก็จะเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการสืบทอดความรู้ในการทำประมงพื้นบ้านให้ ยั่งยืนสืบไป และน่าจะไม่ละทิ้งถิ่นฐานไปทำงานประเทศเพื่อนบ้านอย่างที่แล้วมา
...
ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูฐานทรัพยากรทางทะเลนั้น สุกรีสรุปว่า ต้องดำเนินการไปพร้อมกัน 3 ปัจจัย คือ 1. อนุรักษ์ฟื้นฟู เพิ่มปริมาณความหลากหลายของชนิดสัตว์ที่อยู่ในทะเลให้มากขึ้น 2. สร้างบ้านให้สัตว์น้ำ อย่างการสร้างปะการังเทียมด้วยโบกี้รถไฟ แท่งคอนกรีต หรือการทำซั้ง ปะการังเทียมแบบพื้นบ้าน 3. มาตรการทางกฎหมาย ทั้งการออกเรือลาดตระเวนไม่ให้เรือใหญ่เข้ามาหากินในเขตทะเลหน้าบ้าน และต้องจับกุมดำเนินคดีผู้ทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
ทั้งสามมาตรการ ที่ต้องทำไปพร้อมกันนั้นจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสภาวะแวดล้อมและสัตว์น้ำใน ท้องทะเลให้สมบูรณ์ และถ้ารู้ใช้รู้รักษาก็จะหาอยู่หากินต่อไปได้อีกนาน
แม้ว่า สมาคมชาวประมงพื้นบ้านฯ ที่เป็นองค์กรภาคประชาชน ร่วมมือจัดการทรัพยากรกันเองจะทำงานกันมานานแล้ว และได้ผลอยู่ในระดับน่าพอใจ แต่สุกรี ในฐานะหนึ่งในแกนนำของสมาคมก็ยังมีความกังวลอยู่ว่าการจะรักษาความอุดม สมบูรณ์ให้ยั่งยืนต่อไปได้นั้นก็เป็นเรื่องยาก เพราะความเปลี่ยนแปลงต่างๆนั้นเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นในช่วงสองสามปีนี้จึงได้ริเริ่มทำโครงการและกิจกรรมอีกหลายด้านเพื่อ เสริมศักยภาพเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านขึ้นมา ซึ่งได้รับความสนับสนุนในระดับหนึ่งจากสหภาพยุโรป แต่ถึงกระนั้นหากวันใดความสนับสนุนนั้นจบลง ก็คงมิได้หมายความว่าโครงการต่างๆจะต้องยุติตามไปด้วย
งานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจากน้ำพักน้ำแรงของชาวบ้านจะยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่อให้มีรอยยิ้มที่อ่าวปัตตานีต่อไปอีกนานเท่านาน.
...