พระ 89 รูป ลาสิกขา ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์

มีเกิด มีแก่ เจ็บ และตาย มีเริ่มต้น มีสุดท้าย เป็นอนิงจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่แน่นอน ขออย่ายึดมั่นถือมั่น จิตจะเบา สบาย ตามรอยพระศาสดา ของผู้เขียนพอเรียกน้ำย่อยได้สมควรแก่เวลา ทั้งหมด 8 ตอน เท่ากับมรรค 8 ถือเป็นมงคล สุดยอดที่ผมและท่านต้องทำในชีวิตนี้คือการทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน...และมาถึงตอนจบที่ 8 ท่านคงได้คำตอบจากเรื่องนี้ได้บ้าง แล้วคุณจะเปลี่ยนจิต พบความสุข สงบ สว่าง สบาย... อธิษฐานตั้งจิตอนุโมทนาบุญดั่งที่ทำด้วยนะครับ ตามอ่านไปเลยดีกว่าครับ โดยการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาจิต ตอนจบ


ความเดิมตอนที่ 1-7 .... ผมพาไปเที่ยวสถานที่ตรัสรู้ เราได้ปัญญาเป็นอาวุธ รู้แจ้งแทงตลอด ได้ชัยชนะด้วยบารมีไม่มีแพ้ ที่เมืองพุทธคยา ตอน 2 พาเที่ยวสุขใจได้บรรลุธรรมในชาตินี้ เพราะไปยังสถานที่พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ได้บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ฟังธรรมะจากพุทธองค์ ได้บรรลุธรรมทันที ตอน 3 พบทางสว่าง ได้บริวาร เปิดมิตร ปิดศัตรู พัฒนาจิตสู่อริยะ สำเร็จสมปรารถนา เพราะพบสถานที่แสดงปฐมเทศนา ได้ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ตอน 4 พาไปพิสูจน์การล้างบาป ละลายกรรม พบปัญญาวิมุติ (หลุดพ้น) ตอน 5 พาไปตามรอย "เป็นผู้เลิศ ผู้เจริญ ผู้ประเสริฐ ได้ชีวิตดี มีหลักประกัน" ตอน 6 ผมพาค้นหาสถานที่ปรินิพพาน และหาคำตอบว่า "ตายแล้วไปไหน" ตอน 7 พบเคล็ดลับได้อายุยืนยาว ป่วยหาย สำหรับตอนนี้ตอนจบจากประเทศอินเดีย เนปาล ผมพาไป คุยบทสรุป พร้อมพิธีลาสิกขา ตามอ่านได้เลยครับ..

...


ความสุขปีติตลอดราตรีเกิดขึ้นกับทุกท่านที่ได้บวช เช้าวันใหม่ ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น อิ่มบุญ อิ่มธรรมะ ที่ได้กระทำบำเพ็ญเพียรมาตลอดทั้งคืน ได้ล้างจิตตนเองที่สะสมของเน่าเสียมาเนิ่นนาน ที่บริเวณรอบ ๆ พระมหาเจดีย์พระมหาธาตุเฉลิมราชย์ จากนั้นทำวัตร เจริญพระพุทธมนต์ สวดพระอิติปิโส ๑๐๘ จบ เจริญสมาธิภาวนา ปฏิบัติธรรม ถวายเป็นพระราชกุศล ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ วันนี้เป็นวันที่ต้องเตรียมความพร้อมพิธีลาสิกขา เอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ถวายเกียรติบัตรประกอบพิธีลาสิกขาบท ณ พระอุโบสถ และถ่ายภาพหมู่ไว้เป็นอนุสรณ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ฉลองอุบาสก (ทิดใหม่) ทำบุญตักบาตรพระอาจารย์  คณะบำเพ็ญกุศลวัตร (ปัดกวาด) บริเวณวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พวกเราจัดเก็บสัมภาระ จากนั้นคณะออกเดินทางกลับประเทศไทย


สรุป สังเวชนียสถาน 4 แห่ง ได้แก่ 1. ลุมพินี สถานที่ประสูติ 2. พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ 3. พาราณสี สถานที่แสดงปฐมเทศนา และ 4. กุสินาราสถานที่ปรินิพพาน เปรียบเสมือนวัฏสงสาร คือการเวียนว่ายตายเกิด หรือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกสิ่งทุกอย่าง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปทั้งสิ้น ได้ข้อคิดการดำเนินชีวิตให้สมดุลทั้งทางโลกทางธรรม ปรับมาใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี

สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ลุมพินี เราทราบแล้วว่ามนุษย์เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม เพื่ออะไร ? (ตอนที่ 5) หากใครไปเยือน ลองตั้งคำอธิษฐานนี้ดูคือ อธิษฐานตายก่อน (ดูคำอธิษฐานตาย) แล้วจึงอธิษฐานเกิดใหม่ทันทีว่า ข้าพเจ้าขออธิษฐานเกิดใหม่ ขอเกิดเป็นคนใหม่ ปรารถนาให้ตนเป็นผู้เลิศ ผู้เจริญ ผู้ประเสริฐ ได้ชีวิตดี มีหลักประกัน ได้ความเป็นเลิศ ประเสริฐสุด ได้ความก้าวหน้า ยอดเจริญ เป็นคนอยู่ในศีลในธรรม ได้บรรลุธรรมในชาตินี้ หากยังไม่ถึงเวลา หรือกลับมาเวียนว่ายตายเกิด ขอข้าพเจ้าเกิดใหม่ ที่มีพร้อมปัจจัยสี่ และปัญญา พบพระพุทธเจ้าในทุกภพทุกชาติ เป็นผู้สว่างมา แล้วสว่างไป เป็นบุคคลที่อุบัตเกิดในตระกูลสูง มีผิวพรรณงาม เพรียบพร้อมทุกอย่างในชาตินี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ รูปงามทั้งใบหน้า จิตใจ และในภพนี้ ประพฤติสุจริต ทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปขอเข้าถึงสุขติโลกสวรรค์ สู่ 31 ภพภูมิสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกว่าจะกราบเท้าเข้าสู่ประตูพระนิพพาน และเพิ่มเติมตามความประสงค์ของแต่ละคน อย่าลืม คติธรรมจาก "พระเบบี้บุดด้า" พระพุทธปฏิมาปางประสูติ (ตอนที่ 5)

...


สถานที่ตรัสรู้ เราได้ปัญญาเป็นอาวุธ รู้แจ้งแทงตลอด ได้ชัยชนะด้วยบารมีไม่มีแพ้ ที่เมืองพุทธคยา เพราะเป็นสถานที่ตรัสรู้ รู้แจ้งตามความเป็นจริง ในมรรค 8 ของการออกจากอาสวะกิเลส ของอกุศลมูล 3 อย่างคือความโลภ ความโกรธ ความหลง

สถานที่แสดงปฐมเทศนา พบทางสว่าง ได้บริวาร เปิดมิตร ปิดศัตรู พัฒนาจิตสู่อริยะ สำเร็จสมปรารถนา เพราะพบสถานที่แสดงปฐมเทศนา ได้ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ได้ปัญญาวิมุติหลุดพ้น ได้พบกัลยาณมิตรที่ดี พาสนทนาธรรมแล้วไปสู่พระนิพพาน เป็นข้อหนึ่งในมงคล 38 ประการของพระพุทธเจ้า ที่ใครอยากประสบความสำเร็จในชีวิตต้องอ่าน

สถานที่ปรินิพพาน และพบคำตอบว่า "ตายแล้วไปไหน" ใครไปเยือนถึงที่นี้ ลองตั้งคำอธิษฐานนี้ดูคือ ขออธิษฐานตายก่อน แล้วจึงอธิษฐานเกิดใหม่ทันที (ดูคำอธิษฐานเกิด) ว่า ข้าพเจ้าขออธิษฐานตาย ขอให้สิ่งไม่ดีในตัวข้าพเจ้า รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เป็นหนี้เวรกรรมกันในทุกภพทุกชาติ ขอให้สิ่งเหล่านี้ตายไปพร้อมกับ ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ด้วยเทอญ เมื่อเสร็จจงตั้งจิตอธิษฐานเกิดทันที

...


ข้อสังเกต คือ เราทราบว่า เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม เพื่ออะไร ? ก่อนจะจากไป ควรบรรลุธรรมได้ในชาตินี้ ตามลำดับขั้นของการหลุดพ้น ด้วยการลงมือปฏิบัติ ในขณะที่เราอยู่ในคนธรรมดาได้ ระหว่างความรับผิดชอบที่ดำเนินอยู่ อาทิ ครอบครัว หน้าที่การงาน เป็นต้น พยายามทำให้สมดุลในตัวเราเอง จนกว่าถึงเวลาของแต่ละคนที่พร้อม ที่เปลี่ยนจิต พบความสุข สงบ สว่าง สบาย แล้วบรรลุธรรมในชาตินี้ ดังพระสารีบุตร ได้บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ทันที เมื่อได้ฟังธรรมะจากพุทธองค์ ประเด็นคือจะหาใครเป็นแบบอย่างพระพุทธเจ้า (Buddha CEO) ให้เราได้ฟัง ขอให้สังเกตหลักเกณฑ์ ตามลำดับขั้นของการหลุดพ้น ท่านใด (เป็นบุคคลธรรมดา) หรือพระรูปใด ละสังโยชน์ 10 อย่างได้มากที่สุด ทั้งในหลักการ และการปฏิบัติตนของพระ เราควรเข้าไปกราบ เข้าไปเรียนรู้รับใช้ ไปเป็นศิษย์มากที่สุดครับ (หายากจัง)

ผู้เขียนตั้งใจจะเขียนหนังสือมาตั้งแต่ปี 2547 ที่เริ่มปฏิบัติธรรม ถึงปัจจุบันหนังสือไม่เสร็จเสียที ใช้เวลาว่าง กลางคืนบ้างค่อย ๆ เขียนไป จนกระทั่งมาเขียนให้ไทยรัฐออนไลน์นี้ ฉบับย่อออกมาก่อนนะครับ ผมได้เปลี่ยนจิตตนเอง และครอบครัวเข้าปฏิบัติพัฒนาจิต เปลี่ยนจิตตนเองได้อย่างอัศจรรย์ และบวชที่อินเดีย ศรัทธาในการพัฒนาจิต พบความสุขที่แท้จริง แรงศรัทธาเป็นกำลังผลักดันให้ช่วงสุดท้ายของชีวิต นำมนุษย์พบความสุข สงบ สว่าง โดยแท้จริง สร้างหัวใจมนุษย์ด้วยการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาจิต

...



หวังว่าข้อเขียนนี้อาจทำให้คนไทยเปลี่ยน CHANGE พฤติกรรมจากวัตถุนิยม (Capitalism) มาเป็น เมตตาธรรมนิยม (compassionesslism) และสนใจมาปฏิบัติพัฒนาจิต (Training the mind : Meditation) มากขึ้น เกิดการเข้าใจเรื่องการพัฒนาจิต นำมาปรับใช้กับโลกปัจจุบันได้อย่างไร และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพื่อยกระดับพัฒนาจิต พัฒนาอริยะทรัพย์ภายใน เพื่อส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปได้ใช้เวลาในวันหยุด หรือวันสุดสัปดาห์  หรือช่วงปิดเทอม มาปฏิบัติธรรมอย่างมีคุณค่า และสามารถนำธรรมะกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม และประเทศโดยรวม เพื่อให้คนอ่านเข้าใจภาพรวม การเกิดมาเป็นมนุษย์ การตายแล้วไปไหน การหลุดพ้นในภพนี้ หากใครสนใจรายละเอียดมากกว่านี้ในหัวข้อนั้นๆ ไปค้นคว้าหารายละเอียดลงลึกด้วยตนเอง หรือสนทนาธรรมได้กับผู้เขียนด้วยความยินดีในโอกาสต่อไป



ท้ายสุดนี้ ขอกล่าวถึง มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก อีกมุมหนึ่งด้านปรัชญา ทางธรรม คือ มหาตมะคานธี กล่าวว่า “ Be the  change you wish to see the world ” : หากเราจะเปลี่ยนแปลงโลก ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองตามแบบที่เราต้องการเปลี่ยนโลก คือหลักอหิงสา สันติ ทำให้อินเดียมีอิสระภาพ จากการปกครองของอังกฤษได้สำเร็จ ตรงกับหลักธรรมคือไม่ต้องเอาชนะใคร ขอให้ชนะกิเลสในใจตนเองเท่านั้น

มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก อีกคนที่ต้องเอ่ย มองมุมหนึ่งด้านปรัชญา ทางโลก คือ John F. Kennedy ประธานาธิบดีอเมริกา กล่าวว่า “ To have the man on the moon by the end of decade ” : John F. Kennedy ปรารถนาให้มนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้ภายใน ศตวรรษที่ 16 ซึ่งไม่มีใครฝันและคิดว่าจะเป็นจริงได้ แต่เป็นไปแล้ว ข้อคิดที่น่าคิดต่อก็คือ หากเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองตามแบบที่เราต้องการเปลี่ยนประเทศ คือ Right Vision, right intention and right action เป็นหลัก 3 ใน 8 ของมรรค 8 นั่นเอง

หากผมคิดต่อ หากจะฝันว่า เปลี่ยนภาพประเทศไทย (Changing Face of Thailand) โดยการพัฒนาจิต (ผมพูดเรื่องจิตตอนที่ 3) หากเราจะเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองตามแบบที่เราต้องการเปลี่ยนประเทศ คือ แก้วิกฤติประเทศ ด้วยการพัฒนาจิต เปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้สำเร็จ โลกก็จะตามเรา ทั้ง 3 เสาหลัก คือการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เหมือนวิสัยทัศน์ (vision) ของลี กวน ยู (Lee Kuan Yew) ปี 1965 คือ The first world class standard of infrastructure in Singapore และ To change the habits of population to make it compatible with the first – world environment, ปัจจุบันทำได้แล้ว กลับมาที่ไทยล่ะ จะรอดได้อย่างไร ต้องมีผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง เหมือนสิงค์โปร์ที่กล้าเปลี่ยนประเทศ กล้าเปลี่ยนนิสัยของคนทั้งประเทศ โดย "เปลี่ยนภาพประเทศไทย (Change)" โดยการท่องเที่ยวเกิดปรองดองทั่วไทย โดยการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาจิต โดยผู้นำประเทศต้องเป็นตัวอย่างที่ดี มีแรงบันดาลใจ “ Training the mind changes the way we work, live, play and learn ” and “ Could we help to change our country “ ผู้นำ : นายกรัฐมนตรี นำการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาจิต สร้างประเทศใหม่ในปี 2554/2011

ปัจจุบันผมทำบ้านเป็นวัด ปฏิบัติเอง การถ่ายทอดครั้งนี้อาจมีข้อผิดพลาดบกพร่อง หรือข้อความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนของผู้เขียนเอง หากจะได้รับข้อคำทักท้วงและเสนอแนะจากท่านผู้อ่าน ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง เพื่อที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์ต่อไป และคิดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางโลก ทางธรรม และการปฏิบัติพัฒนาจิต ของผู้เขียน เล่าสู่ผู้อ่านผ่านกระแสธรรมะในข้อเขียนนี้ ขอกราบสำนึกพระคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการอ่าน การสอน ตลอดจนพระคุณท่านเจ้าของตำรับตำรา ครูอาจารย์ทั้งหลายข้าพเจ้าขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงอภิบาลให้ท่าน และให้ประเทศไทยสงบสุข เกิดสันติภาพ ด้วยการพัฒนาจิต แล้วคุณจะเปลี่ยนจิต พบความสุข สงบ สว่าง สบาย...”Change & Hope” เปลี่ยนแปลงและมีความหวังร่วมกันครับ..ด้วยจิตคารวะ..

ครั้งหน้า ไปเที่ยวประเทศที่หนาวเย็นหน่อยล่ะกันนะครับ ... ติดตามตอนต่อไปนะครับ... โทร. 02-993 7021, 089-925-5022

คติธรรม : “ ถึงจะรู้ร้อยเรื่องพันเรื่อง ก็ไม่สู้รู้เรื่องดับทุกข์  " ... “ผู้สนใจธรรม สู้ผู้รู้ธรรมไม่ได้ ผู้รู้ธรรม สู้ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ได้ ผู้ปฏิบัติธรรม สู้ผู้ที่เข้าถึงธรรมไม้ได้” …

Rating : ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเยือน (Must Go), Travel Note : 008/54
เรื่องและภาพ โดย ธนัช กรองกันภัย (ชื่อเดิมพิษณุ กองกันภัย อดีตพระมหาโพธิ์ ผู้เคยบวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่เมืองพุทธคยา อินเดียและเนปาล ปี 2550) อดีตประธานฝ่ายวิชาการ และรองประธาน สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, อดีตนายกสมาคมท่องเที่ยวอเมริกาแห่งประเทศไทย (แอสต้า) 
http://twitter.com/Tanatonline
http://www.FaceBook.com/TanatPitsanuKongganpai
Email : Tanat.pk@gmail.com