หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เกิดมาทำไม ? คงได้คำตอบแล้ว มาตอนนี้สงสัยว่า "ตายแล้วไปไหน" ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาพอดี เป็นวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ตามหาคำตอบเรื่องตายได้ที่นี้ แล้วคุณจะเปลี่ยนจิต พบความสุข สนุก สงบ สว่าง สบาย ได้ในขณะนี้ วันนี้วันพระ ผู้เขียนตั้งสัจจะอธิษฐานรักษาศีล 8 ทุกวันพระเหมือนเดิม ... อธิษฐานตั้งจิตอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ตามอ่านไปเลยดีกว่าครับ โดยการท่องเที่ยวเชิงพัฒนาจิต ณ สถานที่ปรินิพพาน
ความเดิมตอนที่ 1-5 .... ผมพาไปเที่ยวสถานที่ตรัสรู้ เราได้ปัญญาเป็นอาวุธ รู้แจ้งแทงตลอด ได้ชัยชนะด้วยบารมีไม่มีแพ้ ที่เมืองพุทธคยา ตอน 2 พาเที่ยวสุขใจได้บรรลุธรรมในชาตินี้ เพราะไปยังสถานที่พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวา ได้บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ฟังธรรมะจากพุทธองค์ ได้บรรลุธรรมทันที ตอน 3 พบทางสว่าง ได้บริวาร เปิดมิตร ปิดศัตรู พัฒนาจิตสู่อริยะ สำเร็จสมปรารถนา เพราะพบสถานที่แสดงปฐมเทศนา ได้ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ตอน 4 พาไปพิสูจน์การล้างบาป ละลายกรรม พบปัญญาวิมุติ (หลุดพ้น) ตอน 5 พาไปตามรอย "เป็นผู้เลิศ ผู้เจริญ ผู้ประเสริฐ ได้ชีวิตดี มีหลักประกัน" สำหรับตอนนี้ผมพาไป สถานที่ปรินิพพาน หรือว่าภาษาพื้น ๆ ชาวบ้านพูดเรื่องตายเป็นความรู้กันหน่อย ตามอ่านได้เลยครับ..
...
ปีนี้วันวิสาขบูชา หรือวันเพ็ญเดือน 6 ตรงกับวันที่ 17 พฤษภาคม 2554 นับเป็นวันสำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญของพระพุทธศาสนามากถึง 3 เหตุการณ์ คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งเรากำลังพูดถึงเรื่องนี้พอดี คณะออกเดินทางจาก ลุมพินีตอนเช้า ไปเมืองกุสินารา สถานที่ปรินิพพาน ระยะทาง 180 กม. ใช้เวลา 6 ชม. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเนปาล - อินเดีย ตลอดเส้นทางฟังธรรมบรรยาย และแวะที่พุทธวิหาร "สุขาวดีที่ปลดทุกข์ เห็นสุขทันตา" ซึ่งคณะชาวไทยที่ศรัทธาร่วมกันสร้างขึ้นมาเพื่อชาวไทยโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าห้องน้ำสะอาดหายากมาก และขาดแคลน ท่านพระราชรัตนรังสี จึงรวมกับชาวไทย จัดสร้างขึ้นมาสะอาดที่สุดในย่านนั้น ตลอดเส้นทางฟังธรรมบรรยาย ท่านเคยคิดมั้ยว่า ตายแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน ? การเวียน ว่าย ตาย เกิด (วัฏสงสาร) มีจริงมั้ย ? ตายแล้วไปไหน ?
คำถามมากมายสำหรับคนสมัยใหม่ที่ไม่เข้าถึง ยังอวิชชา คือ ความไม่รู้ ความจริงปัญหาเรื่องตายแล้วไปไหนนี้ ไม่ต้องเป็นที่ข้องใจของท่านทั้งหลายอีก เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว มีทางที่ไปอยู่ 5 ทางเลือก ท่านชอบข้อไหนครับ กล่าวคือ 1. อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน คือเป็นบุคคลที่ละเมิดศีล 5 เป็นประจำ เมื่อตายจากคนแล้วไปสู่อบายภูมิทันที 2. เกิดเป็นมนุษย์ ผู้ที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีกรรมบท 10 เป็นคนรักษาศีล มีศีล 5 เป็นประจำนั่นเอง ทำอยากนะ แต่ต้องเอาชนะกิเลสในใจตนเองให้ได้ 3. เกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ ใครๆ ฟังแล้วอยากไปอยู่นะ เป็นอย่างไร ซึ่งท่านต้องเป็นผู้ที่มีความละอายต่อความชั่ว เกรงผลกรรมของความชั่วทั้งต่อหน้าและลับหลัง (ลองอ่านเรื่องกฎแห่งกรรมดูนะ) ส่วนข้อ 4. อยากเกิดเป็นพรหม ก็จะต้องเป็นนักกรรมฐานชั้นยอด สมถะสมาธิ วิปัสสนา มีอารมณ์จิตเป็นฌาน คือเข้าฌานตาย และสุดท้ายหลายคนปรารถนาคือข้อ 5. ไปนิพพาน แดนนิพพานนี้ คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้นจะต้องมีความบริสุทธิ์ หรือละสังโยชน์ได้ 10 อย่าง (หาเพิ่มเติมได้ทั่วไป) หรือลำดับขั้นของการหลุดพ้นนั้นเอง
กล่าวสั้นๆ บทนี้คือ 1. โสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสธรรม 2. สกทาคามี หรือ สกิทาคามี แปลว่า ผู้กลับมาเพียงครั้งเดียว 3. อนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก หมายความว่าจะไม่กลับมาเกิดในกามาวจรภพอีก แต่จะเกิดในพรหมโลก อีกเพียงครั้งเดียว และ 4. พระอรหันต์ คือ ผู้สำเร็จธรรม ผู้ละสังโยชน์ได้ 10 อย่าง หรือละได้ซึ่งอกุศล 3 อย่าง คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง ได้หมดสิ้น เราจึงต้องมีวิธีการกำจัดอกุศลมูลสามอย่างนี้ ด้วยการทำทาน ศีล สมาธิปัญญา ลองศึกษา และลงเมื่อปฏิบัติดูนะครับ...
การที่คนตายแล้วจะไปเกิดที่ใด พระพุทธเจ้าตรัสบอกเหตุที่จะไปเกิดไว้ครบถ้วนตามกฎของกรรม คือ การกระทำ ได้แก่ ความประพฤติดีหรือชั่ว ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์นี้เอง กฎของกรรม หรือผลของความประพฤติดีชั่ว ที่จะพาตัวไปเกิดในที่ใดที่หนึ่ง ขอพูดถึงเรืองว่าด้วยกฏแห่งกรรมหน่อยครับ นำมาจากพระ และเป็นความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม บอกต่อ ๆ กันมา ตามเหตุและผลลองใช้ดุลยพินิจกันนะครับ 1. เหตุใดชาตินี้คุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์ 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีๆ รับประทานอยู่เสมอ เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน 3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีๆ สวมใส่ เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจนในชาติก่อน 4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน 5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุข มีบริวารมาก เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัด ศาลา ศูนย์ปฏิบัติธรรม สร้างพระในชาติก่อน
6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย คนหล่อ และรูปงาม เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพ และรักษาศีล ในชาติก่อน 7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะ นั่งสมาธิ ภาวนา วิปัสสนา และทานมังสวิรัติในชาติก่อน 8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คน และมีเพื่อนมากมาย เพราะ คุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า เพราะคุณเคารพและช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติ ก่อน 10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลาและพรากสัตว์ในชาติก่อน 11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง เพราะคุณเคยปล่อยนกปล่อยปลาไม่ฆ่าสัตว์สิ่งมีชีวิต ในชาติก่อน 12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตมากมาย 13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน
14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ 15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่ 16. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนบ้า เสียสติ ปัญญาไม่ดีเพราะชาติก่อนคุณเป็นคนกินเหล้า เมามาก เป็นนิจ 17. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ ชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ 18. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย เพราะชาติก่อน คุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์ 19. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณและจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด 20. เหตุใดชาตินี้คุณไม่มีความรักที่แท้จริง เพราะชาติที่แล้วคุณเจ้าชู้ และไม่จริงซื่อสัตย์กับคนรัก ผิดศีล
21. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ ได้รับทุกข์เวทนาเพราะโรคภัยไข้เจ็บอย่างหนัก ทรัพย์สมบัติพินาศย่อยยับ บ้านถูกไฟไหม้ พระราชาลงโทษมีการถอดยศลดตำแหน่ง ถูกกล่าวหาใส่ความอย่างร้ายแรง วงศ์ญาติที่พึ่งพาอาศัยจะได้ย่อยยับ บ้าเสียสติ บ้านแตกไร้คู่ เพราะชาติที่แล้วคุณเป็นคนอิจฉา ริษยาคนอื่น 22. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฎแห่งกรรม และธรรมะคุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมาย และมีปัญญาดี ในชาติหน้า อ่านเสร็จแล้วถ้าบอก ส่งต่อ ก็เหมือนได้ปฏิบัติตามกฎแห่งกรรมในข้อ 22. ทำซะข้อยังดีกว่าไม่ทำเลย อ่านแล้วต้องบอก ส่งต่อ เป็นความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม บอกต่อ ๆ กันมานะครับ ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เขียน
...
จากนั้นเดินทางถึงจุดหมายตอนเย็นๆ คณะเราถึงวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เข้าที่พักและปักกลดปฏิบัติธุดงค์วัตรในป่าสาละ สวดมนต์ ทำวัตรเย็น ณ พระอุโบสถ และฉันน้ำปานะ ค่ำ ๆ สวดพระอิติปิโส 9 จบ เจริญสมาธิภาวนา ปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณพระเจดีย์มหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเส้นพระเจ้า คืนนี้พิเศษผู้เขียนเองตั้งสัจจะอธิษฐาน เดินจงกลม รอบเจดีย์ มากกว่าอายุ 1 ปี เหมือนที่เดินรอบๆ ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองพุทธคยา เดินปฏิบัติกันตลอดทั้งคืน ซึ่งมีพระหลายรูปเดินจงกลม เพื่อสร้างขันติ วิริยะบารมี สร้างบุญกุศลใหญ่พร้อมกัน สถานที่แห่งนี้สวยมาก ไม่อยากนอนตกตอนกลางคืนเราจึงสวดมนต์ ทำวัตรเย็น และนั่งสมาธิ ภาวนา บริเวณพระเจดีย์ มีความสุขปิติตลอดราตรี
ครั้งหน้า ตอนที่ 7 ผมขออีกสัก 2 ตอนจบนะเรื่องอินเดียเนี่ยครับ ผมจะพาไปวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และไปนมัสการมหาปรินิพพานสถูป สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองค์ ติดตามตอนต่อไปนะครับ...โทร. 02-993 7021, 089-925-5022
คติธรรม : “ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้"
Rating : ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปเยือน (Must Go), Travel Note : 006/54
เรื่องและภาพ โดย ธนัช กรองกันภัย (ชื่อเดิมพิษณุ กองกันภัย อดีตพระมหาโพธิ์ ผู้เคยบวชใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่เมืองพุทธคยา อินเดียและเนปาล ปี 2550) อดีตประธานฝ่ายวิชาการ และรองประธาน สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, นายกสมาคมท่องเที่ยวอเมริกาแห่งประเทศไทย (แอสต้า)
http://twitter.com/Tanatonline
http://www.FaceBook.com/TanatPitsanuKongganpai
Email : Tanat.pk@gmail.com
...