แม่น้ำเทมส์ จากมุมสูงบนลอนดอน อายส์.
เพราะได้ติดคณะบริษัทบุญรอดฯมากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในฐานะผู้สนับสนุนร่วมของงานเลี้ยงหลังงานประกาศผลรางวัลบริท อะวอร์ดส รางวัลสำหรับคนวงการเพลงในแดนผู้ดี ซึ่งถือเป็นปีแรกของบริษัทฯ และถือเป็นการมาเยือนก่อนที่จะมีงานสำคัญระดับชาติ ที่ทางการอังกฤษประกาศต้องให้เป็นวันหยุดเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง กับงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยม รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ กับนางสาวแคทเธอรีน มิดเดิลตัน
หลัง ผ่านค่ำคืนที่หนาวเหน็บกับภารกิจร่วมเป็นสักขีพยานในงานเลี้ยง เหล่าศิลปินมาได้ เวลาที่เหลืออีก 1 วันครึ่ง ก็คือการเที่ยวชมนครหลวงของราช อาณาจักรบริเทน ที่กำลังมีงานใหญ่ และเพราะได้มัคคุเทศก์ที่เก่งอย่าง พี่หมึกคนไทยที่ตั้งรกราก อยู่ในอังกฤษมายาวนาน พาตระเวนชมสถานที่ต่างๆในเวลาอันจำกัด แต่กลับทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของมหานครลอนดอน ที่นอกจากเป็นเมืองฮิตของนักช็อปจากเมืองไทยแล้ว
...
เมือง หลวงของอังกฤษ ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารเก่า ด้วยว่าเขามีกฎหมายในการอนุรักษ์รักษาอาคารโบราณที่มีความโดด เด่นทางสถาปัตยกรรมไว้ ไม่ทุบทำลาย จึงไม่แปลกที่เห็นถนนบางสายไม่มีการขยับขยาย เพราะสองฟากคืออาคารที่มีอายุนับร้อยปี และเป็นที่น่าสังเกตอยู่ว่า...
บางถนนของเมืองนี้ “บาทวิถี” สำหรับคนเดิน มีความกว้างกว่าถนนให้รถวิ่งด้วยซ้ำ
และที่เขากำลังรณรงค์มากในขณะนี้ ก็คือ การจอดรถไว้บ้านแล้วขี่จักรยานไปทำงานแทน
นอกจาก นี้ พี่ไกด์ยังนำชมเส้นทางขบวนรถม้าพระที่นั่ง ที่จะนำพาเจ้าบ่าวจากพระราชวังบั๊กกิ้งแฮม ไปตามถนนสีแดงสู่ วิหารเวสต์มินสเตอร์ หรือ เวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ที่ปัจจุบันคืออาคารรัฐสภาอังกฤษ
ตามเส้นทางดังกล่าว ที่ผ่านมาถือว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาถ่ายภาพ และเชื่อว่าหลังจากสัปดาห์นี้ไป ความสนใจของคนที่จะมาเยือนกรุงลอนดอน จะยิ่งมุ่งสู่สถานที่จัดงานอภิเษก สมรสของเจ้าชายวิลเลี่ยม มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว ทั้งที่ วิหารเวสต์มินสเตอร์ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของมหานครลอนดอนมาอย่าง ยาวนาน ไม่ใช่แค่เพราะมีอายุกว่า 700 ปี และมีความโดดเด่นงดงามในด้านสถาปัตยกรรม จัดเป็นหนึ่งในตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สำคัญที่สุด ของประเทศเท่านั้น
เวสต์มินสเตอร์ แอบบีย์ ยังเป็นสถานที่สำหรับพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ที่จัดพิธีเษกสมรสของเจ้านายแห่งอังกฤษมาแล้วหลายพระองค์ นอกจากนี้ ก็ยังเป็นสถานที่ฝังพระศพกษัตริย์อังกฤษถึง 17 พระองค์ และศพบุคคลสำคัญ ทั้งนักบวช การเมือง ทหาร รวมถึงร่างของกวีเอกของโลกหลายคน จนมีการบอกต่อๆกันไว้ว่า หากได้มาเยือนวิหารแห่งนี้แล้ว จุดหนึ่งที่น่าไปชมก็คือ มุมกวี ที่อยู่บริเวณทางเดินทางทิศใต้ ซึ่งมีรูปทรงเหมือนไม้กางเขนในแบบสถาปัตยกรรมโกธิค
...
เพราะ ที่ตรงนี้เป็นที่ฝังศพกวี-นักประพันธ์คนสำคัญของอังกฤษ อาทิ โรเบิร์ต บราวนิ่ง ชาร์ลส์ ดิคเกนส์ ริชาร์ด คลิปลิง ฯลฯ แต่ก็มีกวีดังหลายคนที่ถึงศพไม่ได้ฝังที่นี่ แต่ก็มีการจารึกชื่อไว้ เช่น วิลเลี่ยม เชกสเปียร์ ที่ศพถูกฝังอยู่ที่เมืองสแตรทฟอร์ด อัพพอน เดวอน บ้านเกิด เมื่อ ค.ศ.1616 กระทั่ง 124 ปีต่อมา จึงมีการสร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่มุมกวีในวิหารแห่งนี้เช่นกัน และภายในวิหารแห่งนี้ ยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อาทิ สุสานพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เดอะ คอนเฟสเซอร์ สุสานของราชวงศ์ โบสถ์คลอยสเตอร์ ฯลฯ ล้วนน่าสนใจเข้าชมทั้งสิ้น เพียงแต่การเข้าชมบางส่วน ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มอีกเล็กน้อย จากค่าผ่านประตูปกติ
กระนั้น หากมาแล้วก็ยังไม่ควร “รีรอ” ที่จะได้เข้าไปชมภายในวิหาร แม้จะต้องใช้เวลาในการชมนานกว่าชั่วโมงก็นับว่าคุ้มค่า เพราะมีเรื่องราวในแต่ละส่วนของวิหารให้ยลอีกมาก มิเช่นนั้นจะถือว่ามาเสียเที่ยวเปล่าๆ
...
อีกสองจุดที่หาก มาถึงลอนดอน ก็ไม่ควรพลาดเข้าชม หนึ่งนั้นก็คือ บริติช มิวเซียม ในฐานะที่เป็นคลังความรู้จากอดีตขนาดใหญ่ของโลก อีกจุดที่อยากให้ไปเยือนก็คือ ฟลีท สตรีท อดีตถนนคนข่าว ที่เคยเป็นที่ตั้งสำนักพิมพ์หลายสำนัก ปัจจุบันทางการยังอนุรักษ์ อาคารและสัญลักษณ์สำคัญของสำนักพิมพ์เก่าแก่ไว้ และแนะให้แวะชมผับเก่าแก่ Ye Olde Cheshire Cheese ที่แม้จะเป็นผับที่สร้างขึ้นใหม่หลังเกิดไฟไหม้ใหญ่ในกรุง ลอนดอน แต่ก็คือเมื่อ ค.ศ.1666 โดยเจ้าของปัจจุบันยังคงรักษาบรรยากาศเก่าๆ ทึมๆ ไว้ได้ อย่างน่าทึ่ง และเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ก็เป็นของเดิมมีมาตั้งแต่การสร้างครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1538
...
ผับ แห่งนี้มีประวัติน่าสนใจเยอะ ทั้งเป็นที่พบปะสังสรรค์ของสมาชิก 07 คลับ ที่ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1907 โดยสมาชิกสภาเมืองลอนดอน และเสน่ห์อีกอย่างก็คือ เป็นฉากในนิยายของนักเขียนดังๆ อย่างโอลิเวอร์ โกลด์สมิธ เซอร์อาร์เธอร์ โคแนน ดอยล์ มาร์ค ทเวน รวมถึง ชาร์ลส์ ดิคเกนส์ ซึ่งล้วนเป็นนักประพันธ์ที่มีอิทธิพลทางความคิด ที่เสมือนเป็นการฝังรากความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบในแบบ “อังกฤษ”...เช่นทุกวันนี้ไง.