รูปปั้นนายโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ หน้าสำนักงานใหญ่พานาโซนิค
พลันที่ต้องเก็บกระเป๋าลัดฟ้าจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ด้วยภารกิจร่วมชมความเก่าแก่ของแหล่งกำเนิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ "เนชั่นแนลพานาโซนิค" ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยมานาน แม้การเดินทางต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ เหลือเชื่อ ทันทีที่มาถึงสนามบินนานาชาติคันไซ ในโอซากา ที่ตั้งอยู่บนเกาะซึ่งสร้างขึ้นมาจากขยะที่ถูกนำมาบีบอัดจนแน่นก่อนถมจนกลาย เป็นแผ่นดิน ความรู้สึกดีๆไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารที่ลงเครื่องมา ที่มีรถรางไฟฟ้าไปส่งถึงในอาคาร ไม่ต้องเดินยาวให้เมื่อยขา
มาถึง ปุ๊บก็ทำงานปั๊บ จุดแรกที่ไปเยือนคือโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ มิวเซียม ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่พานาโซนิค คอปอร์เรชั่น ที่จัดแสดงเครื่องใช้ ไฟฟ้ารุ่นคุณปู่ยี่ห้อเนชั่นแนล ที่คนไทยคุ้นเคย ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น พานาโซนิค ที่มีความหมายว่า แหล่งรวมเสียง เตารีด พัดลม วิทยุเทป บางชิ้นเห็นแล้วยังจำได้ว่าสมัยเด็กเคยเห็นปู่ย่าใช้กันอยู่ แต่บางชิ้นนี่สิ มองแทบไม่ออกว่า ไม่บอกไม่รู้หรอกว่าคือ ฮีตเตอร์ หรือเครื่องทำความร้อน ในปี 1927 ที่เวลาใช้งานต้องตั้งไว้ใต้โต๊ะแล้วเอาผ้าคลุมเพื่อให้ความร้อนกระจายออกมา นอกจากนี้ ยังมีวิทยุเครื่องแรกปี 1931 ทีวีขาวดำ ปี 1952 ทีวีสี ปี 1960 และเครื่องซักผ้าหน้าตาแปลกๆ ที่เผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี 1952
...
ท่า นภัณฑารักษ์ยังเล่าผ่านล่าม ถึงประวัติของ นายโคโนสุเกะ มัตสึชิตะ ผู้ก่อตั้งเนชั่นแนลและพานาโซนิค สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวประสบปัญหาทางธุรกิจ จึงได้เรียนแค่ ป.4 ก็ต้องทำงานตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนอายุ 23 ปี ใน ค.ศ.1918 เริ่มเปิดบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้า ในชื่อ "มัตสึชิตะ อิเล็คทริก" ผลิตขั้วหลอดไฟฟ้า 2 หัว และไฟหน้ารถจักรยาน ตลอดช่วงชีวิตของนายโคโนสุเกะ ได้สรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และใน ค.ศ.1961 มีการก่อตั้งโรงงานเป็นครั้งแรกในไทย ผลิตแบตเตอรี่ ทีวี วิทยุเนชั่นแนล ในย่านสำโรง จ.สมุทรปราการ ที่คนไทยคุ้นเคยชื่อนี้เป็นอย่างดี กระทั่ง นายโคโนสุเกะเสียชีวิตในปี 1989 รวมอายุได้ 94 ปี
ชมพิพิธภัณฑ์ เสร็จ ก็เป็นช่วงชมเมือง โอซากา ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งสายธาร เพราะเต็มไปด้วยแม่น้ำลำคลอง เป็นนครพันสะพาน เนื่องจากมีสะพานเกือบพันแห่ง แม่น้ำและสะพานเหล่านี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและวัตถุดิบเข้าออกโอซากา ซึ่งเป็นประตูส่งออก ขณะที่เมืองโกเบ ห่างจากโอซากาไปทางทิศตะวันตกราว 33 กม. ยังคงความงามในฐานะเมืองท่าเก่าแก่ แสงไฟบนหอคอยอ่าวโกเบยามค่ำคืนสวยสะดุดตา ความสูงถึง 108 เมตร นับเป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่ดีมาก เพราะเห็นวิวได้ทั้งแม่น้ำและภูเขา
จาก นั้น คณะก็มุ่งหน้าหาอนาคต นั่งรถไฟหัวกระสุนชินกันเซ็นจากโอซากามุ่งสู่มหานครโตเกียว ค่าโดยสารหากคิดเป็นเงินไทยประมาณคนละกว่า 4 พันบาท รถวิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชม. ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ถึง พานาโซนิค เซ็นเตอร์ ศูนย์แสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม มีการสาธิตระบบทำงานของนวัตกรรมแห่งอนาคต eco Ideas House บ้านในอนาคต ผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ ควบคุมพลังงาน อุณหภูมิ และแสงสว่างอัตโนมัติ ทำให้ได้เห็นถึงความสุขสบาย Future Life Wall ทีวีในอนาคต จอภาพ 310 นิ้ว มีเซ็นเซอร์บนจอภาพรับคำสั่งจากการยื่นมือสั่งงานไปข้างหน้า เพื่อเข้าเมนูต่างๆ ซึ่งเท่าที่ได้ทดลอง รู้สึกถึงความแปลกใหม่ดีเหมือนกัน
...
แน่นอน มาถึงกรุงโตเกียวทั้งที ก็ต้องแวะเที่ยวย่านชินจูกุ ถนนคนเดินเพลินกับการช็อปปิ้ง ที่ได้เห็นจริงแล้ว ช่วงนี้มีแต่คนไทยทั้งนั้น เพราะคนทำทัวร์นิยมพาลูกทัวร์มาปล่อยไว้แถวนี้อย่างน้อยครึ่งวัน ให้เดินกันจุใจ คนไทยบางคนก็ดูจะตื่นเต้นตื่นตาไปกับราคาราชาแห่งผลไม้ "ทุเรียน" ที่วางขายอยู่ตรงมุมหนึ่งของถนน โอ้โห ทุเรียนไทยส่งมาขายญี่ปุ่นตกลูกละ 5 พันเยน หรือเกือบ 2 พันบาท ถัดจากร้านทุเรียนไม่เกิน 50 เมตร เห็นว่ามีร้านขายวีซีดี ดีวีดี เปิดทีวีคาราโอเกะเพลงไทยไว้หน้าร้านเสียงดังฟังชัด ก็ว่าจะเดินไปดูผลงานศิลปินให้ชื่นใจสักหน่อย แต่ก็ต้องมาสะดุดกึ๊กอยู่แถวๆนั้น เมื่อรู้ว่ามันเป็นร้านเซ็กซ์ช็อปนี่หว่า อึ้งแต่ไม่ทึ่งเพราะนึกไม่ถึงพี่ยุ่นจะเล่นมุกนี้มาเรียกลูกค้าคนไทย
...
ยัง ดีนะที่นอกจากช็อปแล้ว คนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ยังนิยมเข้าวัดไหว้พระด้วย โดยอารามที่ทัวร์ไทยชอบไปกัน ก็มี วัดอาซากุสะ ที่แขวนโคมไฟสีแดงขนาดยักษ์ไว้หน้าประตู ทัวริสต์ไทยชอบมาไหว้พระขอพร ไกด์บอกว่า เพราะเจ้าแม่กวนอิมที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก คนญี่ปุ่นเองก็เคยแปลกใจที่เห็นคนไทยเข้าวัดแล้วร้องไห้ เพราะไม่นึกว่าจะได้มาเห็นสถานที่ที่เคยเห็นในฝันมาก่อน
แต่เมื่อ ถามว่าทัวร์ไทยไปญี่ปุ่นมากขนาดนี้ แล้วทัวร์ญี่ปุ่นล่ะมาเที่ยวไทยแค่ไหน ฟังคำตอบแล้วอึ้ง คนทำทัวร์บอกว่าทุกวันนี้แทบไม่มีเลย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ คนหนีไปที่อื่นกันหมด เพราะคนญี่ปุ่นจะหยุดเที่ยวเมืองที่เกิดความสูญเสียจากความไม่สงบ เพื่อไว้อาลัยเป็นเวลา 1 ปี
ก่อนกลับเมืองไทย ตั้งใจไว้แน่วแน่ ต้องไม่ลืมขอพรที่วัดอาซากุสะ...ขอให้คนไทยรักกันเถอะ.