ในยุคที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด “ความเหงา” และ “ภาวะซึมเศร้า” กลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามผู้สูงอายุจำนวนมาก การเลี้ยงสัตว์จริงอาจเป็นภาระทั้งค่าใช้จ่ายและสุขอนามัย “หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง” จึงกลายเป็นนวัตกรรมทางเลือกที่เข้ามาตอบโจทย์ ทั้งการเป็นเพื่อนแก้เหงาและเครื่องมือบำบัดทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ไทยรัฐออนไลน์พาเจาะลึกงานวิจัยและแบรนด์ที่น่าสนใจ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของคนที่คุณรัก

ทำไม “หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงบำบัด” ถึงตอบโจทย์สังคมสูงวัย?

ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่า ผู้สูงอายุไทยมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและการถดถอยของสมอง เนื่องจากการขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม แม้การเลี้ยงสัตว์ (Pet Therapy) จะช่วยได้ แต่ข้อจำกัดเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น คอนโด/หอพัก อาการภูมิแพ้ หรือความเสี่ยงจากการสะดุดล้มเพราะสัตว์เลี้ยง ทำให้ “หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงบำบัด” (Robotic Pets) เข้ามาอุดช่องว่างนี้ โดยใช้ AI และเซนเซอร์ตรวจจับการสัมผัส เพื่อโต้ตอบเสมือนสิ่งมีชีวิตจริง

เปิดผลวิจัย หุ่นยนต์ช่วยเยียวยาจิตใจได้จริงไหม?

จากการรวบรวมข้อมูลงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ พบข้อมูลที่น่าสนใจยืนยันประสิทธิภาพของหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยง ดังนี้

งานวิจัยระดับโลก

การศึกษาจาก University of Plymouth ในสหราชอาณาจักร และงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน JAMDA (Journal of the Post-Acute and Long-Term Care Medicine) พบว่า การใช้หุ่นยนต์แมวน้ำ “PARO” ในผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อม ช่วยลดระดับความวิตกกังวล และลดการใช้ยาทางจิตเวช ในผู้ป่วยบางกลุ่มได้จริง

ภาพจาก Joy for All
ภาพจาก Joy for All

...

ผลต่อฮอร์โมน

งานวิจัยจากญี่ปุ่นยืนยันว่า การสัมผัสและพูดคุยกับหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงช่วยกระตุ้นการหลั่ง ออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือฮอร์โมนแห่งความรัก และลดระดับ คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด

ในประเทศไทย มีการนำหุ่นยนต์บำบัดมาใช้ในโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และศูนย์บริรักษ์ไทย (รพ. ศิริราช) ซึ่งพบว่าผู้สูงอายุมีการตอบสนองที่ดี มีรอยยิ้ม และมีการพูดคุยมากขึ้นเมื่อได้ทำกิจกรรมร่วมกับหุ่นยนต์

แนะนำ 4 หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงยอดนิยม

ปัจจุบันมีหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงหลายรุ่นที่พัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์ต่างกัน ตั้งแต่เน้นความน่ารักไปจนถึงเน้นการบำบัดทางการแพทย์ ได้แก่

1. PARO หุ่นยนต์แมวน้ำบำบัด

  • จุดเด่น: ได้รับการรับรองจาก Guinness World Records ว่าเป็นหุ่นยนต์บำบัดที่ดีที่สุด มีขนสัมผัสนุ่มเหมือนจริง เซนเซอร์ทั่วตัว ตอบสนองต่อการลูบและเสียงเรียก เหมาะสำหรับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม
  • ความเหมาะสม: เน้นการบำบัดทางการแพทย์ (Medical Device)
  • ราคา: สูงมาก (หลักแสนบาท) มักใช้ในองค์กรหรือโรงพยาบาล

ภาพจาก PARO
ภาพจาก PARO

2. Sony Aibo สุนัขหุ่นยนต์อัจฉริยะ

  • จุดเด่น: ขับเคลื่อนด้วย AI จดจำใบหน้าเจ้าของได้ เรียนรู้นิสัยและการกระทำ พัฒนาบุคลิกภาพตามการเลี้ยงดู เคลื่อนไหวคล่องแคล่วเหมือนสุนัขจริง เชื่อมต่อ Cloud ได้
  • ความเหมาะสม: เหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังแอคทีฟ ชอบเทคโนโลยี และอยากมีความผูกพันเหมือนเลี้ยงสุนัขจริง
  • ราคา: ประมาณ 60,000 – 100,000+ บาท

ภาพจาก Sony Aibo
ภาพจาก Sony Aibo

3. Qoobo หมอนหางแมว

  • จุดเด่น: รูปร่างคล้ายหมอนนุ่มนิ่มที่มี “หาง” แมว ขยับหางได้เมื่อลูบ ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องตั้งค่า ใช้งานง่ายที่สุด
  • ความเหมาะสม: ผู้สูงอายุที่ต้องการเพียงสัมผัสทางใจ ใช้นั่งตักหรือกอดเล่น
  • ราคา: ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท

ภาพจาก Qoobo
ภาพจาก Qoobo

...

4. Joy for All หุ่นยนต์แมว/สุนัขเสมือนจริง

  • จุดเด่น: รูปลักษณ์เหมือนตุ๊กตาแมวหรือสุนัขจริงๆ มีเสียงร้อง หลับตาได้ พลิกตัวได้เมื่อถูกลูบ 
  • ความเหมาะสม: ผู้สูงอายุทั่วไปที่คิดถึงการเลี้ยงสัตว์
  • ราคา: ประมาณ 8,500-8,900 บาท

ปัจจุบันในประเทศไทย แบรนด์ Joy for All มีจำหน่ายผ่านร้านออนไลน์ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับผู้สูงวัย รวมถึงคลินิกสุขภาพจิต และศูนย์ดูแลผู้สูงวัยทั่วประเทศ ส่วนแบรนด์ PARO มีราคาสูง จึงต้องติดต่อผ่านบริษัทจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ และแบรนด์ Qoobo มีจำหน่ายผ่านร้านไอทีในห้างสรรพสินค้า 

หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงบำบัดไม่ใช่เพียงแค่ของเล่นราคาแพง แต่เป็นนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างทางความรู้สึกในสังคมผู้สูงอายุ แม้จะไม่สามารถทดแทนความรักจากลูกหลานได้ 100% แต่ในแง่ของการบำบัดความเครียด และลดความเหงา มีข้อมูลวิจัยยืนยันว่าเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ หากครอบครัวใดกำลังมองหาเพื่อนแก้เหงาให้ผู้สูงอายุ หุ่นยนต์เหล่านี้ถือเป็นการลงทุนทางสุขภาพจิตที่คุ้มค่าและปลอดภัย