ไมโครซอฟท์เดินหน้าตามแผนเดิมที่จะยกเลิกการสนับสนุนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ท่ามกลางจำนวนผู้ใช้งานที่ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ข้อกังวลก็คือ ครึ่งปีแรกของปีหน้าอาจมีการโจมตี Windows 10 มากเป็นพิเศษ
ไมโครซอฟท์เดินหน้าตามกำหนดการหยุดอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยให้กับระบบปฏิบัติการ Windows 10 แม้ปัจจุบันยังมีการใช้งานเป็นจำนวนมากทั่วโลก
ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า จำนวนพีซีอย่างน้อย 25 เปอร์เซ็นต์ในภาคธุรกิจยังทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ขณะที่ตัวเลขฝั่งผู้บริโภคที่อ้างอิงจาก Counterpoint Research และผู้ให้บริการด้านดิจิทัลอย่าง TeamViewer ชี้ว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานยังคงใช้ Windows 10
ดัสติน ชายลด์ส หัวหน้าฝ่ายการตระหนักภัยคุกคามทางไซเบอร์ของเทรนด์ ไมโคร (Trend Micro) และเคยทำงานกับไมโครซอฟท์ ระบุว่า ความน่ากังวลคือความปลอดภัยภายหลังหมดอายุการสนับสนุน และการเจาะช่องโหว่จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าน่าจะได้เห็นการโจมตีที่เฉพาะเจาะจงไปยัง Windows 10 ภายในครึ่งปีแรกของปี 2026
ไมโครซอฟท์เน้นย้ำว่าความปลอดภัยคือเหตุผลที่ผู้ใช้งานควรย้ายไประบบปฏิบัติการ Windows 11 ทว่าเงื่อนไขฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำของระบบปฏิบัติการใหม่ทำให้พีซีจำนวนมากอัปเกรดไม่ได้ แม้สภาพเครื่องยังใช้งานได้ดี ประเด็นนี้จุดกระแสวิจารณ์เรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์จากการเปลี่ยนเครื่องจำนวนมหาศาล
สาเหตุหนึ่งที่ผู้ใช้จำนวนมากยังไม่ย้ายไประบบปฏิบัติการ Windows 11 คือยังไม่เห็นแรงจูงใจที่ชัดเจน หลายเสียงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรต่อการใช้งานอยู่แล้ว
สำหรับผู้ที่ยังต้องใช้ Windows 10 ต่อไป ผู้เชี่ยวชาญทางไซเบอร์แนะนำให้เตรียมแผนอัปเกรดเมื่อเป็นไปได้ หรือพิจารณาการใช้ Extended Security Updates แบบเสียเงิน เพื่อยืดอายุแพตช์ด้านความปลอดภัยออกไป แต่ต้องมาพร้อมกับมาตรการเสริมด้านความปลอดภัยไปพร้อมกัน
...
ที่มา: Bloomberg