ในยุคที่คลื่นแห่งปัญญาประดิษฐ์ กำลังถาโถมเข้าใส่ทุกอุตสาหกรรม แต่หลังจากนี้จะมีสิ่งที่ยิ่งกว่านั้นในชื่อ “Agentic AI” ซึ่งมันได้ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้ามาปฏิวัติโลกการทำงานรุนแรงไม่แพ้การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19
เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้ ไทยรัฐออนไลน์ได้สนทนากับ คุณแณช จรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Alisa AI ถึงแก่นแท้ ผลกระทบ และแนวทางการปรับตัวสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทย
การปฏิวัติครั้งใหม่ ที่ไม่ได้ขยายกำลัง "แรงงาน" แต่มาขยายขีดความสามารถของ “สมอง”
คุณแณชเริ่มต้นด้วยการให้คำจำกัดความว่า หากการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือการใช้เครื่องจักรมาช่วยเพิ่มศักยภาพของแรงงานกายภาพ แต่การมาถึงของ Agentic AI เปรียบได้กับการปฏิวัติครั้งใหม่ ที่ทำให้เราสามารถขยายขีดความสามารถของ 'สติปัญญา'
“ลองนึกภาพว่าพนักงานหนึ่งคนที่อาจมีเวลาทำงาน 8 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมง แต่ถ้าเรามี Agentic AI มาช่วย ซึ่งมันทำงานได้ 24 ชั่วโมง กลายเป็นว่ามนุษย์หนึ่งคนอาจมี AI มาช่วยงานเทียบกับจำนวนคนเป็นสิบๆ คนพร้อมกัน ซึ่ง Agentic AI มีระบบ สามารถคิดเอง ตัดสินใจเองได้ คล้ายกับคนคนหนึ่ง ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล”
นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาและปรับใช้เทคโนโลยี Agentic AI ซึ่งสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้ที่ยังไม่พร้อม
“ผมกังวลว่าถ้าต่างชาติใช้เทคโนโลยีนี้ แต่ประเทศไทยไม่ได้ใช้ มันจะเกิดช่องว่างทางการแข่งขันที่ใหญ่มากจนตามไม่ทัน” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จากความกลัว สู่การสร้าง AI ของคนไทย
สิ่งที่น่าสนใจก็คือจุดเริ่มต้นของคุณแณชในแนวคิดและมุมมองที่มีต่อ AI ไม่ได้มาจากห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ แต่มาจากความหลงใหลในโลกวรรณกรรมผ่านแพลตฟอร์มนิยายออนไลน์ “กวีบุ๊ค” ที่เขาสร้างขึ้น กระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อ AlphaGo ของกูเกิล สร้างประวัติศาสตร์เอาชนะแชมป์โลกหมากล้อม
“เมื่อทำสตาร์ทอัพไปถึงจุดหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าในอนาคตมันจะมีเทคโนโลยี AI กับ Quantum Computer เข้ามา และรู้สึกว่ามันอาจเกิดความผันผวนซึ่งมันอาจเปลี่ยนโลกทั้งในด้านการทำงานและวิทยาศาสตร์ ทางเดียวคือต้องกระโดดเข้าไปในสนามแข่ง AI ด้วยตัวเอง”
จากความกังวลนั้นได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังผลักดันให้เขาตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุน มารองรับการการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในอนาคต โดยมีเป้าหมายหลักคือ เพื่อให้ผู้คน โดยเฉพาะคนไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างทั่วถึง และปลอดภัย
AI จะ "ช่วย" หรือ "แย่งงาน"
คุณแณชเชื่อว่าอนาคตอาจมาถึงเร็วกว่าที่คาด โดยเฉพาะอนาคตของสิ่งที่เรียกว่า AGI (Artificial General Intelligence) หรือ AI ที่ฉลาดเทียบเท่ามนุษย์
“ผมคิดว่าเรามีโอกาสจะได้เห็น AGI ภายใน 2-5 ปีนี้” เขาให้เหตุผลว่าโลกเทคโนโลยีตอนนี้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดโดยเฉพาะจากฝั่งของชาติมหาอำนาจของโลกเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
เมื่ออนาคตอยู่ใกล้แค่เอื้อม คำถามสำคัญที่ทุกคนกังวลคือ AI จะมา “ช่วย” หรือ “แย่งงาน” กันแน่?
“ผมมองว่ามันเหมือนกับตอนที่คอมพิวเตอร์เข้ามาใหม่ๆ เราจะบอกว่าคอมพิวเตอร์เข้ามาแย่งงานไหม ถ้าเราเป็นประเทศที่ผู้คนใช้ AI ได้ AI ก็เป็นผู้ช่วย แล้วเราก็จะเป็นหนึ่งในประเทศที่อย่างน้อยที่สุดจะใช้ AI เป็น ใช้ AI เก่ง และตามทัน เรามีเวลาที่จะเรียนรู้มัน มีเวลาที่จะปรับตัว กว่าที่มันจะไปถึงยุคของ AGI ดังนั้น ควรให้ความสำคัญและศึกษา AI เอาไว้ก่อน อย่างน้อยเทียบเท่ากับความสำคัญที่เราเรียนรู้คอมพิวเตอร์
คำแนะนำสำหรับคนทำงานและธุรกิจ
สำหรับคนทำงาน คุณแณชได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจโดยแบ่งตามระดับประสบการณ์ คนระดับ Senior ที่เข้าใจแก่นของงานอยู่แล้ว ควรมอง AI และ Agentic AI เป็น "ลูกมือ" ที่ทรงพลังเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงาน
ขณะที่ระดับ Junior ต้องรีบเรียนรู้และหา "แก่น" ของสายงาน ที่นำไปสู่ผลลัพธ์ให้เจอโดยเร็วที่สุด เพราะทักษะการทำงานตามคำสั่งคือสิ่งที่ AI ทำได้ดีมากอยู่แล้ว
ในภาคธุรกิจ แม้แต่กลุ่มที่ไม่ใช่เทคโนโลยีโดยตรงก็สามารถนำ Agentic AI มาใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตน้ำปลาก็สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในด้านการลดต้นทุนในงานหลังบ้าน การวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ หรือที่สำคัญที่สุดคือการมองว่าการลงทุนใน AI วันนี้คือการ “ประกันความเสี่ยง” เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดในวันข้างหน้า
ความเสี่ยงที่แท้จริง และบทบาทใหม่ของมนุษยชาติ
เมื่อถามถึงความกลัวเรื่อง AI ครองโลกแบบในหนัง Terminator ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์กังวลว่า AI จะเป็นภัยคุกคามมนุษยชาติ คุณแณชกลับมองว่าความเสี่ยงที่แท้จริงนั้นลึกซึ้งกว่า นั่นคือมุมของวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมไม่ได้ อาจเป็นยาพิษ หรือสิ่งที่แย่กว่านิวเคลียร์ ซึ่ง AI อาจเร่งให้เกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่คาด นี่คือเหตุผลที่นักพัฒนาทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ AI จะฉลาดล้ำหน้าเพียงใดก็ตาม คุณแณชยังเชื่อว่ามันจะยังคงเป็นเพียงเครื่องมือ และบทบาทของมนุษย์จะเปลี่ยนไปสู่การเป็นผู้ใช้ AI ที่เก่ง สามารถควบคุมและดึงศักยภาพสูงสุดของ AI ออกมาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ และเมื่อ AI เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงานที่หนักอึ้งของมนุษย์ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงได้เห็นมนุษย์ที่มีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการ “ค้นหาความสุข” และเติมเต็มชีวิตในมิติอื่นๆ ที่ไม่ใช่มิติของการทำงานเพียงอย่างเดียว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ ขอคำปรึกษาเพื่อพัฒนา Agentic Ai ให้กับองค์กรของท่าน ได้ที่
Email: solution@agiautowork.com
โทร: 098-765-4300
ลงทะเบียนรับคำปรึกษาเพื่อพัฒนา Agentic Ai ให้กับองค์กรของท่าน: คลิกที่นี่