ในเวลานี้เราจะได้เริ่มเห็นหูฟังสไตล์ Open-Ear มากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในแบรนด์ที่กระโดดเข้ามาเล่นตลาดนี้ด้วยก็คือ Huawei ในรุ่น FreeArc

หูฟังสไตล์ Open-Ear จะแตกต่างจากหูฟังที่เราคุ้นเคยกันในอดีตพอสมควร โดยเฉพาะหูฟัง In-Ear หูฟังแบบ Open-Ear จะวางหูฟังเอาไว้เหนือช่องหูไม่ได้ใส่เข้าไปรูหูแบบตรงๆ นั่นหมายความว่าระหว่างการใช้งาน Huawei FreeArc ก็จะยังได้ยินเสียงภายนอก แต่ก็อาจทำให้ผู้สวมใส่ไม่ได้ยินเสียงอย่างละเอียดมากนัก

การออกแบบ


เคสของ Huawei FreeArc ออกแบบมาในลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส น้ำหนัก 67 กรัม ด้านในหูฟังหนักข้างละ 8.9 กรัม ทำให้การสวมใส่ค่อนข้างสบาย ไม่มีปัญหาหรือรู้สึกหนักหูเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้งานหูฟังสไตล์นี้มาก่อน อาจต้องใช้เวลาสร้างความคุ้นเคย เพราะถึงแม้จะใส่กระชับดี แต่ความรู้สึกที่ไม่ได้มีอะไรเข้าไปในรูหู อาจสร้างความกังวลว่าจะเผลอทำหลุดร่วงในระหว่างการใช้งาน

...

ฟีเจอร์การใช้งาน


ควรต้องกล่าวว่า Huawei FreeArc ไม่มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน หรือ Active Noise Cancellation ไม่มีโหมดความหน่วงต่ำ Low Latency Mode รวมถึงไม่มีฟีเจอร์เกี่ยวกับ AI แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจนัก เพราะหูฟัง Open-Ear ก็ยังไม่มีฟีเจอร์ด้าน AI ให้เห็น ซึ่งนั่นเป็นเพราะ Huawei FreeArc ไม่ได้มีระดับราคาที่สูงมากนั่นเอง

ในด้านฟีเจอร์การใช้งานของ Huawei FreeArc รองรับการสั่งการด้วยท่าทาง สามารถปัดเพื่อเพิ่มเสียง แตะสองครั้งเพื่อเล่นหรือหยุดเพลง แตะสามครั้งสำหรับข้ามไปเพลงต่อไป แต่จากการทดลองการใช้งานจริง พบว่าการตอบสนองยังไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควร บางครั้งมีอาการหน่วงหรือต้องแตะซ้ำเพื่อให้คำสั่งทำงาน

นอกจากนี้ Huawei FreeArc รองรับการกันน้ำ-กันฝุ่นตามค่ามาตรฐาน IP57 ทำให้กันน้ำลึกสูงสุด 1 เมตร นาน 30 นาที นั่นแปลว่า สามารถทนต่อเหงื่อ ละอองน้ำ และเหมาะใส่ออกกำลังกาย

คุณภาพเสียง


หัวใจสำคัญของหูฟังแบบ Open-Ear คือการสร้างสมดุลระหว่างเสียงเพลงและเสียงภายนอก Huawei FreeArc ทำได้ดีในแง่ของการสร้างเวทีเสียงที่กว้าง และให้เสียงกลาง-แหลมที่คมชัด แต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือ ย่านเสียงเบสจะค่อนข้างบางเบามาก

จุดเด่นของ Huawei FreeArc จะแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบ เช่น ในบ้านหรือที่ที่คนไม่พลุกพล่าน แต่หากนำไปใช้งานในสถานที่กลางแจ้งที่มีเสียงดังรบกวน เช่น ริมถนนหรือบนรถไฟฟ้า รายละเอียดของเสียงเพลงจะถูกกลบไปจนแทบไม่ได้ยินเลย

แบตเตอรี่


ด้านการใช้งานพบว่า Huawei FreeArc ใช้งานได้นานต่อเนื่องประมาณ 6-7 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ากลางๆ เป็นเกณฑ์มาตรนฐานไม่ดีแต่ก็ไม่แย่ ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 เปอร์เซ็นต์ จนถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลาประมาณ 60 นาที

ข้อเสียสำหรับผู้ใช้งาน Huawei FreeArc บนระบบปฏิบัติการ Android นั่นคือจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแบบ side-load ไม่สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store โดยตรง ซึ่งทำให้การติดตั้งค่อนข้างยุ่งยาก ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วก็อาจไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอปของหัวเว่ยก็ได้ ถ้าหากคุณไม่ได้คิดจะใช้งานฟีเจอร์ติดตามหูฟังกรณีสูญหาย การเปลี่ยนคำสั่งด้วยท่าทาง และการตั้งค่า EQ

...

สรุป


Huawei FreeArc เป็นหนึ่งในหูฟัง Open-Ear ที่น่าสนใจของตลาด มีระดับราคาที่ไม่แพงมาก ให้คุณภาพเสียงที่ดี แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก สวมใส่ได้กระชับ เหมาะกับการใส่ออกกำลังกายที่คนไม่พลุกพล่าน ในออฟฟิศ อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ไม่ชินกับหูฟัง Open-Ear จึงทำให้เกิดการกลัวหลุดออกจากหูไปบ้าง

นอกจากนี้แล้ว ถ้าหากเป็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android อาจต้องเจอความยุ่งยากในการติดตั้งแอปพลิเคชันของหัวเว่ยพอสมควร

สำหรับ Huawei FreeArc วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียว สีดำ และสีเทา