นอกจากแปลงร่างตัวเองให้เป็น Art Toy ได้แล้ว ล่าสุด ChatGPT ยังเสกให้เรากลายเป็นการ์ตูน Pixel 8 bit แบบย้อนยุคได้อีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการทำก็แสนง่าย เรารวมวิธีทำมาให้แล้ว

วิธีแปลงร่างตัวเองเป็นการ์ตูน Pixel 8 bit ด้วย ChatGPT

1. โหลดแอป ChatGPT

2. เลือกรูปที่ต้องการเปลี่ยนเป็นการ์ตูน Pixel 8 bit

3. ใส่คำสั่ง Prompt ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาจีน ดังนี้

  • everskies的像素畫風,模仿形體, 臉部五官表情,服飾和髮型的面法。 用附件圖中人物的髮型,衣服和配件 來畫一張人物插圖。背景白底,只要 一個完整的人物
  • ช่วยสร้างภาพสไตล์ pixel 8-bit จากรูปนี้ ขอฉากหลังสีขาว ตัวละครเต็มตัว ทรงผม เสื้อผ้าเหมือนในภาพ

4. ได้ภาพที่ต้องการแล้วก็โหลดเก็บไว้ในมือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้เลย หรือจะนำไปแต่งคู่กับภาพต้นฉบับเทียบกันสนุกๆ เก๋ๆ ก็ยังได้

สำหรับที่มาของเทรนด์แปลงรูปตัวเองเป็นการ์ตูน Pixel 8 bit มาจากกลุ่มวัยรุ่นชาวจีนและแน่นอนว่าวัยรุ่น Gen Z ไทยก็ไม่ตกกระแสนี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ทดลองเล่นพบว่าหากใช้งาน ChatGPT ในมือถือ การใช้คำสั่ง Prompt ภาษาจีนจะสามารถแปลงภาพออกมาได้เร็วกว่าใช้ภาษาไทย แต่เมื่อลองใช้ ChatGPT ในคอมพิวเตอร์ ก็สามารถแปลงภาพออกมาได้รวดเร็วเท่าๆ กันทั้ง 2 ภาษา จึงขึ้นอยู่กับว่าสะดวกใช้ช่องทางไหนมากกว่ากัน

...

การ์ตูน Pixel 8 bit คืออะไร

การ์ตูน Pixel 8 bit เป็นศิลปะดิจิทัลที่ต่อยอดมาจาก “พิกเซลอาร์ต” (Pixel Art) ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ Creative Thailand ได้อธิบายว่าเป็นศิลปะดิจิทัลรูปแบบหนึ่งที่นำจุดสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ หรือที่เราเรียกกันว่า ‘พิกเซล’ มาร้อยเรียงกันเป็นรูปภาพ ซึ่งเกิดจากยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์กราฟิก ที่การแสดงผลบนคอมพิวเตอร์ หรือวิดีโอเกมยุคบุกเบิก ต่างก็ถูกจำกัดด้วยระบบแสดงผลแบบพิกเซล

คำว่า “พิกเซลอาร์ต” โด่งดังขึ้นและกลายเป็นที่รู้จักเมื่อประมาณช่วงปลายยุค 1970s จนถึงช่วงต้น 1980s เมื่อครั้งที่นักออกแบบวิดีโอเกมจำเป็นต้องใช้จุดพิกเซลเหล่านี้ในการสร้างตัวละคร ฉากหลัง และสิ่งของต่างๆ ภายในเกม เพราะถูกจำกัดด้วยประสิทธิภาพและความจุของเครื่องคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้น ศิลปินเหล่านี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการโอบรับพิกเซลอาร์ตเพื่อถ่ายทอดศิลปะในรูปแบบดิจิทัล เกมในตำนานอย่าง Pac-Man หรือ Space Invaders จึงเป็นไอคอนของพิกเซลอาร์ตในยุคแรกเริ่ม

อีกหนึ่งคำที่มาควบคู่กับคำว่าพิกเซล (pixel) ก็คือคำว่าบิต (bit) ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินคำว่าเกม 8-bit เกม 16-bit หรือว่าเกม 32-bit โดยทั้ง “พิกเซล” และ “บิต” ต่างก็เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างสื่อดิจิทัล พิกเซลคือจุดหนึ่งจุดในภาพหรือวิดีโอ ในขณะที่บิตคือสีหรือความเข้มของจุดนั้น เมื่อเราเอาพิกเซลหลายๆ จุดมารวมกัน ก็จะสามารถสร้างรูปภาพหรือวิดีโอที่มีความละเอียดสูงขึ้นมาได้ จำนวนบิตจะสัมพันธ์กันกับจำนวนพิกเซล

ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนสีที่ใช้ หรือระดับความเข้มอ่อนของสี ซึ่งเรียกกันว่า ‘bit-depth’ ยิ่งมี bit-depth มากเท่าไร รูปภาพก็จะยิ่งดูมีรายละเอียดมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันหมายความว่าจะมีการใช้เฉดสีที่มากขึ้น ทำให้สามารถใช้สีที่ใกล้เคียงกันมาเกลี่ยระหว่างพิกเซลให้ดูสมูธขึ้นได้ ซึ่งทำให้รูปภาพมีความสมจริงมากกว่าภาพที่มี bit-depth น้อย

สรุปสั้นๆ คือ พิกเซลนำมาสร้างเป็นภาพที่มีรูปร่างที่ต้องการได้ ในขณะที่บิตจะบอกว่าภาพนั้นใช้สีได้กี่เฉด