ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี แห่ขนส่งสินค้าทางอากาศล็อตใหญ่ หวั่นภาษีใหม่กระทบราคา ในส่วนแอปเปิลคาดขนส่ง iPhone ไปแล้วกว่า 1.5 ล้านเครื่อง หวังตรึงราคาได้ชั่วคราว

แม้ว่าการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะถูกระงับชั่วคราว แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นก็ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นรวมถึง iPhone ผลิตภัณฑ์สำคัญของแอปเปิลด้วย

สำนักข่าวรอยเตอร์สเปิดเผยว่า แอปเปิลได้ดำเนินการขนส่ง iPhone จำนวนมหาศาลถึง 600 ตันทางอากาศจากอินเดียไปยังสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าที่กำแพงภาษีใหม่ของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ 

ขณะเดียวกันยังมีรายงานของนิกเกอิ เอเชีย เปิดเผยว่า ไม่ได้มีแต่เพียงแอปเปิลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเดลล์ (Dell), ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเลอโนโว (Lenovo) ต่างก็พยายามเร่งส่งออกอุปกรณ์ระดับพรีเมียมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ราคาสูงกว่า 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 แสนบาท) ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านราคามากที่สุดหากมีการขึ้นภาษีจริง

รอยเตอร์สอธิบายว่า แอปเปิลได้ล็อบบี้เจ้าหน้าที่เพื่อให้กระบวนการทางศุลกากรเร็วขึ้น มีการเพิ่มจำนวนพนักงาน และถึงกับเปิดโรงงานในอินเดียทำงานในวันอาทิตย์เป็นการชั่วคราว เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ มีการประเมินว่า ด้วยความจุของเครื่องบินขนส่งและน้ำหนักของ iPhone โดยรวมบรรจุภัณฑ์ ทำให้คาดว่ามีการขนส่งอุปกรณ์ไปแล้วราว 1.5 ล้านเครื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งอาจช่วยให้แอปเปิลสามารถตรึงราคาจำหน่าย iPhone ไว้ได้อีกระยะหนึ่งโดยไม่ต้องปรับขึ้นราคาในทันที

ทั้งนี้ นิกเกอิ เอเชีย ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงรายหนึ่งซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ให้กับทั้งแอปเปิล, ไมโครซอฟท์ รวมถึงกูเกิล กล่าวว่า ได้รับการติดต่อให้เร่งขนส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคทางอากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ยอมรับว่า มีข้อจำกัดว่าสามารถขนส่งได้ทันก่อนเส้นตายภาษีเพียงใด ในขณะที่เอชพี (HP) ตอนแรกแจ้งให้ซัพพลายเออร์ดำเนินการตามแผนการขนส่งเดิม แต่ภายใน 24 ชั่วโมงก็เปลี่ยนท่าทีและต้องการให้มีการขนส่งอุปกรณ์ไปยังสหรัฐฯ ให้มากที่สุด พร้อมทั้งมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในเม็กซิโกด้วย

...

ในขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ซัมซุงกำลังลดคำสั่งซื้อชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนสำหรับช่วงกลางปี 2025 ส่วนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลบางราย เช่น เลอโนโว และเอเซอร์ (Acer) เริ่มส่งสัญญาณว่าจะหันไปให้ความสำคัญกับการผลิตเพื่อป้อนตลาดนอกสหรัฐอเมริกามากขึ้น 

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทเทคโนโลยีในการปรับตัวและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา: ReutersThe Verge