OpenAI ประกาศให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงเครื่องมือสร้างภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้ฟรีแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา โดยเครื่องมือนี้ขับเคลื่อนด้วยโมเดลรุ่นล่าสุด GPT–4oเครื่องมือที่ใช้โมเดล Image Gene ration 4.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการสร้างภาพสมจริงและมีคุณภาพสูง โดยใช้โมเดลหลายโหมด (Multimodal Model) ทำให้เข้าใจคำอธิบายได้หลากหลายบริบท เช่น ศิลปะ, การออกแบบ, อินโฟกราฟิก และภาพสไตล์อนิเมะ ทำให้ความต้องการใช้งานเพิ่มสูงเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะสร้างภาพในสไตล์ต่างๆ เช่น อนิเมะญี่ปุ่นแบบ Studio Ghibl (สตูดิโอ ลิบลิ) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโซเชียลมีเดีย ความต้องการที่ถาโถมทำให้ระบบประมวลผลกราฟิก (GPU) ของบริษัททำงานหนักจนเกือบล่มมีตัวเลขการใช้งานบริษัทยังเผยอีกว่า Chat GPT มีผู้ใช้งานประจำ 500 ล้านรายต่อสัปดาห์ และมากกว่า 700 ล้านรายต่อเดือน สะท้อนการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ขณะเดียวกัน OpenAI ก็กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้านโครงสร้างองค์กร เมื่อ ซอฟต์แบงก์ (Soft Bank) กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น เตรียมลงทุนสูงสุดถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมประเมินมูลค่าบริษัทไว้สูงที่ 300,000 ล้านดอลลาร์อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนส่วนใหญ่จะถูกปล่อยก็ต่อเมื่อ OpenAI สามารถปรับสถานะจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ไปสู่การเป็นบริษัทเชิงพาณิชย์ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเปลี่ยนรูปแบบองค์กรเป็น Dela ware Public Benefit Corporation ซึ่งเป็นโครงสร้างทางกฎหมายของบริษัทในสหรัฐ อเมริกา ที่ผสมผสานระหว่างการดำเนินธุรกิจเพื่อการพาณิชย์ และการส่งเสริมประโยชน์ต่อสาธารณชน เพื่อตอบสนองต่อกระแสวิจารณ์ และความกังวลเรื่องทิศทางขององค์กร OpenAI ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษด้านองค์กรไม่แสวงหากำไรขึ้น เพื่อออกแบบโครงสร้างใหม่ที่ยังคงรักษาอุดมการณ์เดิม แต่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา สุขภาพ และการเงิน เพื่อวางแนวทางในการสร้างมูลนิธิที่ทรงพลังที่สุดในโลกให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ คณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่ให้ คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ในการผสานทรัพยากรทางการเงินเข้ากับเทคโนโลยี AI ที่สามารถยกระดับขีดความสามารถของมนุษย์ได้อย่างแท้จริงไม่ตกอยู่ในมือของกลุ่มผลประโยชน์เพียงบางกลุ่มโดยให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเด็นด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ การศึกษา และบริการสาธารณะ จะเริ่มต้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียก่อน ซึ่ง AI ไม่ได้แค่ตอบคำถามหรือวาดภาพน่ารักๆ ได้เท่านั้น แต่สามารถใช้ช่วยเรื่องใหญ่ๆได้มากมายตัวอย่างการใช้งาน AI เพื่อสังคม ด้านการศึกษา ในโรงเรียนห่างไกลที่ขาดครูเฉพาะทาง AI สามารถทำหน้าที่เป็นครูผู้สอนผ่านแท็บเล็ต เช่น วิชาภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์ โดยมีรูปแบบการเรียนที่พูดคุยโต้ตอบได้อย่างสนุกสนาน เด็กนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทั้งในห้องเรียนและที่บ้านผ่านสมาร์ทโฟนของผู้ปกครองด้านการเกษตรเกษตรกรสามารถใช้แอปพลิเคชัน “AI เกษตรอัจฉริยะ” ถ่ายภาพต้นไม้หรือพืชผล เพื่อให้ระบบวิเคราะห์สภาพดิน การขาดธาตุอาหาร เช่น โปแตสเซียม หรือแจ้งเตือนการระบาดของแมลงศัตรูพืช พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลอย่างแม่นยำและตรงจุด ด้านสุขภาพผู้สูงอายุ AI ช่วยดูแลผู้สูงวัยที่อยู่บ้านลำพังได้ เช่น ผู้ป่วยเบาหวานสามารถวัดระดับน้ำตาลหรือความดันโลหิตด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกับกล่อง AI ซึ่งมีระบบพูดตอบโต้ และจะส่งสัญญาณเตือนไปยังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันทีหากพบค่าที่ผิดปกติแม้เส้นทางของ OpenAI จะดูเหมือนเดินสวนกัน ระหว่างการรับเงินลงทุนระดับประวัติการณ์กับการผลักดันองค์กรไม่แสวงหากำไร แต่ภาพรวมกลับสะท้อนแนวคิดใหม่ที่ชัดเจน เทคโนโลยีขั้นสูงสามารถสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้ หากได้รับการสนับสนุนจากระบบที่ออกแบบมาอย่างรับผิดชอบ พร้อมกับพิสูจน์ว่า AI ไม่จำเป็นต้องเป็นของคนส่วนน้อย แต่สามารถเป็นพลังที่ขับเคลื่อนโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้จริง.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม