Google เปิดตัวฟีเจอร์ Deep Research บน Gemini สำหรับ Android เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และล่าสุดผู้ใช้ iPhone ที่เป็นสมาชิก Gemini Advanced สามารถใช้งานได้แล้วเช่นกัน

Deep Research เป็นฟีเจอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงและความสามารถในการจัดการบริบทขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัย ค้นคว้าหัวข้อที่ซับซ้อน และสรุปรายงานให้โดยอัตโนมัติ นี่ถือเป็นฟีเจอร์แรกของ Gemini ที่มีลักษณะ "agentic" ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกบน gemini.google.com เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

การใช้งานเริ่มต้นจากการตั้งคำถามวิจัยที่สามารถมีความยาวเท่าใดก็ได้และประกอบด้วยหลายส่วน จากนั้น Gemini จะเสนอแผนการค้นคว้าเป็นขั้นตอน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับแก้หรือลบส่วนที่ไม่ต้องการได้

เมื่อกด "Start research" ระบบจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ และทำการค้นหาเพิ่มเติมตามบริบทที่ได้รับ โดยกระบวนการนี้จะดำเนินซ้ำหลายครั้งจนได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วน

สำหรับหัวข้อที่มีความซับซ้อนสูงอาจใช้เวลานานขึ้น แต่ผู้ใช้สามารถปิดแอปพลิเคชันระหว่างรอได้ และจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อกระบวนการเสร็จสิ้น หรือสามารถเข้าดูผลลัพธ์ผ่านประวัติแชตได้โดยตรง

ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในรูปแบบรายงานที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ พร้อมตารางข้อมูล และแหล่งที่มาแสดงไว้ด้านล่าง อีกทั้งยังสามารถส่งออกไปยัง Google Docs ได้อีกด้วย

พร้อมกันนี้ กูเกิลได้กำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนคำขอวิจัยต่อวัน รวมถึงจำนวนการวิจัยที่สามารถทำงานพร้อมกันได้ โดยแอปพลิเคชันจะคอยแจ้งเตือนจำนวนคำขอที่เหลือให้ผู้ใช้ทราบ

ปัจจุบัน Deep Research ขับเคลื่อนโดย Gemini 1.5 Pro ซึ่งคาดว่า กูเกิลจะเปลี่ยนไปใช้ 2.0 Pro หลังจากผ่านช่วงทดสอบแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศกำหนดเวลาที่แน่ชัดออกมา

...

ในแอปพลิเคชัน Gemini บน iPhone ผู้ใช้สามารถเลือก "1.5 Pro with Deep Research" จากเมนูโมเดลที่อยู่ด้านบน ซึ่งอยู่ใกล้กับ Gemini 2.0 Flash และโมเดลทดลองใหม่ 2.0 รวมถึงตระกูล 1.5 ที่กำลังจะเลิกใช้งานในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่มา: 9to5Google