ในปี ค.ศ. 2010 นักแสดงตลก Jimmy Kimmel เป็นผู้ก่อตั้งวันเลิกเป็นเพื่อนสากล ภาษาอังกฤษคือ Unfriend Day ตรงกับวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยเขาได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้คนออกมาเลิกเป็นเพื่อนผ่าน Social Media ซึ่งขณะนั้นมีเพียง Facebook ที่โด่งดังและนิยมใช้ เพราะมองว่าการที่เรามีเพื่อนใน Facebook มากเกินไป โดยที่ไม่ใช่เพื่อนที่แท้จริงในชีวิต อาจจะลดทอนความรู้สึกบางอย่างที่ควรจะมีต่อเพื่อนไป

17 พ.ย. วันเลิกเป็นเพื่อน Unfriend Day

ปี 2014 มีผลสำรวจจาก Pew Research Center Poll ระบุว่า ผู้ใหญ่มีเพื่อนใน Facebook เฉลี่ย 338 คนเท่านั้น คุณคิดว่าในชีวิตจริงเราจะมีเพื่อนถึงขนาดนี้จริงหรือเปล่า?

ในปี 2016 มีสถิติจากโพลล์ในอเมริกา ระบุว่า เพียงวันเดียว มีคนกดปุ่มเลิกเป็นเพื่อนไปราว 13% เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน และมีเหตุผลขัดแย้งในทัศนคติทางการเมือง

Unfriend คืออะไร

อันเฟรนด์ (Unfriend) เป็นพฤติกรรมทาง Social Media อย่างหนึ่ง ที่ปิดกั้นไม่ให้คนที่เราไม่ต้องการให้มาเห็นความเคลื่อนไหวของเราผ่านทางออนไลน์ โดยมีไทม์ไลน์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ดังนี้

ก่อนปี 2000

รูปแบบการใช้ Social Media รุ่นแรกๆ คือ Blog เมื่อเราเขียน Blog ถ้าไม่นับพวก Spam เราสามารถปิดกั้นไม่ให้เพื่อนบางคนเข้ามาอ่านหรือแสดงความคิดเห็นบน Blog ของเราได้

ปี 2003

MSN เป็นโปรแกรมแชตที่นิยมมากจากทาง Microsoft และได้ออกผลิตภัณฑ์ Blog ที่นิยม คือ Myspace เราจะเข้าไปอ่าน Myspace ของคนอื่นได้ ต้องเป็นเพื่อนกันก่อน และได้รับอนุญาตให้เข้าไปแสดงความคิดเห็น

...

ปี 2004

Social Media ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบคนทั้งโลก คือการก่อตั้ง Facebook โดย Mark Zuckerberg ภายหลังกลายเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด และการเป็นแอปที่โหลดมาให้คู่กับการซื้อโทรศัพท์มือถือหลายยี่ห้อเลยทีเดียว

ปี 2020 เป็นต้นมา

ปัจจุบันนี้มีทั้ง Tiktok, Instagram, Weibo และอีกหลากหลาย Social Media ซึ่งล้วนแต่มีการเชิญชวนเพื่อนมาใช้ร่วมกัน และก็มีช่องทางให้เลิกเป็นเพื่อนเช่นกัน

การเป็นเพื่อนใน Social Media ทำให้เกิดพฤติกรรมอันเฟรนด์ อยากเลิกเป็นเพื่อนกับบางคน เพราะเราไม่อยากให้คนนั้นเข้ามาเห็นสิ่งที่เราโพสต์หรือแสดงความคิดเห็น หรือบางทีเขาโพสต์อะไร เรามองผ่านก็ดูจะเป็นมลพิษทางอารมณ์ การ Unfriend จึงเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตใน Social Media อย่างสงบสุข

ที่มา nationaltoday.com

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :