- เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้พื้นที่แห่งการเล่นที่ แปลนทอยส์ (PlanToys) เปิดให้เด็กๆ ได้เข้าไปเล่นและเรียนรู้ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว แต่เพื่อไม่ให้เด็กๆ ต้องหยุดการเล่นไปด้วย แปลนทอยส์จึงเปิดห้องสมุดเช่าของเล่น เพื่อให้เด็กๆ ได้ยืมของเล่นโดยส่งผ่านไปรษณีย์ได้
- นอกจากออกแบบของเล่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สอดแทรกความเข้าใจเรื่องนี้ให้กับเด็ก แปลนทอยส์กำลังออกแบบของเล่นสำหรับผู้สูงวัย เพื่อให้ผู้สูงวัยได้ขยับนิ้วมือและใช้สมอง เป็นการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่มีโอกาสเกิดขึ้น
Forest of Play หรือ ‘ป่าแห่งการเล่น’ ได้ถูกปลูกขึ้นที่กลางกรุงในสาทร ซอย 10 ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของ PlanToys มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว
อย่างที่ทราบกันว่า แปลนทอยส์ คือผู้ผลิตของเล่นไม้สัญชาติไทย ที่วางแก่นขององค์กรอยู่บนหลักของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อ 40 ปีก่อน ในวันที่คำว่า ‘ความยั่งยืน’ หรือ ‘sustanability’ ยังไม่มีบทบาทในโลกอย่างทุกวันนี้ โดยเฉพาะของเล่นจากไม้ยางพาราที่หมดการผลิตน้ำยางตามธรรมชาติ ทำให้ไม้เหล่านี้ปราศจากการใส่ปุ๋ยเคมี และค่อยๆ ล้างสารพิษออกจากตัวก่อนจะล้มต้นมาใช้งาน ตลอดจนการใช้กาวที่ปลอดสารฟอร์มัลดีไฮด์ สีอินทรีย์ปลอดสารตะกั่วหรือโลหะหนัก ที่ล้วนปลอดภัยต่อเด็กและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ และการนำขี้เลื่อยไม้ยางพารากลับมาเป็นวัสดุในการทำของเล่นที่พัฒนาจนสามารถกันน้ำและใช้เป็นของเล่นน้ำได้
ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการคิดนวัตกรรมที่เบียดเบียนโลกน้อยที่สุด ของเล่นของแปลนทอยส์จึงมีแบรนด์ที่แข็งแรงและทำตลาดไปได้ไกลในต่างประเทศตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
...
และป่าแห่งการเล่นผืนนี้เอง ที่ทำให้เด็กๆ มีพื้นที่การเล่นใหม่ขึ้นอีกแห่ง กระทั่งต่อยอดมาสู่ห้องสมุดที่ชื่อว่า PlanToys Toy Library ที่สำนักงานสาทร และโรงงานแปลนทอยส์ในจังหวัดตรัง หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเปิดบริการให้ยืมทั่วประเทศด้วยการส่งผ่านไปรษณีย์
ของเล่นให้ยืม บริการที่เกิดขึ้นเพราะวิกฤติเป็นสาเหตุ
หากย้อนกลับไปมอง Forest of Play เกิดจากการที่แปลนทอยส์ได้รับคำชวนจากสำนักศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้จัดนิทรรศการที่เด็กได้มาเล่น และผู้ใหญ่ได้มาเรียนรู้ ผ่านอาณาจักรของเล่นขนาดมหึมาที่เล่นด้วยกันได้ทั้งครอบครัว ทั้งบ้านตุ๊กตาหลังโตที่มีข้าวของให้เด็กๆ ได้เล่นบทบาทสมมติ, เครื่องเล่นรังผึ้งที่ฝึกให้เด็กจำแนกแยกแยะความแตกต่าง ไปจนถึงของเล่นที่ออกแบบด้วยหลักกลศาสตร์ เมื่อนิทรรศการชุดนั้นจบลง Forest of Play จึงได้ย้ายนำมาติดตั้งที่สำนักงาน เพื่อเปิดให้เด็กๆ ได้เข้ามาเล่นสนุกกัน
“แต่ทำได้สักพักก็เจอโควิด เด็กเล่นไม่ได้ เราเลยคิดว่าแทนที่จะรอให้เด็กมาเล่นที่นี่ ทำไมเราไม่สร้างความสุขให้เด็ก โดยเอากลับไปเล่นที่บ้านเลยล่ะ” โกสินทร์ วิระพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ ทายาทรุ่นสองของแปลนทอยส์ เล่าให้เราฟังในวันที่ทุกครอบครัวต่างเก็บตัวอยู่กับบ้าน แต่ห้องสมุดของเล่นแห่งนี้ยังดำเนินต่อ เมื่อวันที่โควิดระบาดในปี 2563 และยังล่วงเลยมาถึงตอนนี้
“เราเอาของเล่นชิ้นเล็กๆ มาลองให้ยืมก่อน ว่าด้วยกระบวนการนี้ วิธีการแบบนี้ คนจะตอบรับยังไงบ้าง ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี พอโควิดซาจากรอบแรก เราก็เปิดให้เข้ามาเล่นใหม่ และมีมุมเล็กๆ ให้ยืมกลับบ้านได้ แต่พอโควิดรอบสองกลับมาปุ๊บ เราก็ต้องปิดอีก คราวนี้เด็กมาเล่นไม่ได้ เราเลยนำโปรเจกต์นี้กลับมาปัดฝุ่น และเปิดเป็นบริการให้ยืมของเล่น”
บริการให้ยืมของเล่นนี้ตอบโจทย์พอดีกับแนวทางธุรกิจของแปลนทอยส์ ในการสร้างสังคมการเล่นอย่างยั่งยืน หรือ Sustainable Play เพราะของเล่นนั้นเป็นสิ่งที่แทบทุกบ้านที่มีเด็ก จะมีอยู่เยอะจนล้น เมื่อถึงวัยที่เด็กโตเกินจะเล่นหรือสนใจ หรือของเล่นนั้นเกิดชำรุดเสียหาย ปลายทางของของเล่นเหล่านี้คือบ่อฝังกลบขยะ และหลายครั้งก็หลุดรอดออกมากลายเป็นไมโครพลาสติก ที่ย้อนกลับมาสู่สิ่งแวดล้อมและวงจรชีวิตมนุษย์อยู่ดี
การให้ยืมของเล่นจึงเป็นบริการที่ทำให้เด็กเล่นได้หลากหลาย พ่อแม่ได้ประหยัดค่าใช้จ่าย รวมถึงสร้างขยะจากของเล่นให้ลดน้อยลงด้วย
...
“เราอยากให้มันเป็นต้นแบบหนึ่งของธุรกิจเพื่อสังคมด้วย ธุรกิจบริการเป็นอะไรที่น่าสนใจ และตอบรับกับบริษัทเราในเรื่อง circular economy เรื่อง sharing เรื่อง sustainability เราเลยลองคิดโมเดลของการยืม ซึ่งก็ได้ทำเซอร์เวย์ว่า พ่อแม่บางคนซื้อของเล่นไปให้ แต่เด็กเล่นแค่แป๊บเดียว และพ่อแม่เองก็อาจจะไม่รู้วิธีเล่นกับเด็ก เลยนำมาสู่การทำชุดของเล่น ขยายสเกลเป็นบ้านตุ๊กตา ชุดทำครัว เพื่อให้พ่อแม่ได้ยืมไปให้ลูกเล่นในราคาถูก และสามารถหมุนเวียนกันเล่นได้”
รูปแบบการยืมของเล่นนี้ ตอบสนองวิถีชีวิตในช่วงที่ทุกคนยังต้องระแวดระวังตัวเอง เด็กเองก็ได้เล่นอยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย ด้วยการเข้าไปเช่ายืมผ่านระบบออนไลน์ที่ @planneramit โดยในนั้นจะมีของเล่นที่จัดเป็นเซตให้เลือกอย่างเหมาะสม ตามพัฒนาการของวัยและความสนใจของเด็ก มากกว่า 20 เซต ในราคาค่าเช่า 10% ของราคาของเล่น ซึ่งเริ่มต้นประมาณ 100 บาทขึ้นไป
โดยในการยืมแต่ละครั้งสามารถยืมได้ 21 วัน แต่หากเด็กยังสนุกและอยากยืดเวลาออกไปสักหน่อยก็สามารถต่ออายุได้ตามเงื่อนไข ของเล่นทุกชิ้นก่อนส่งให้เช่าและหลังได้รับกลับมา จะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดด้วยแสง UV สำหรับฆ่าเชื้อโรค และเช็ดล้างด้วยแอลกอฮอล์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ก่อนจะบรรจุลงกล่องที่ผลิตขึ้นใหม่เพื่อความทนทานในการส่งไปและส่งกลับ หากของเล่นชำรุดก็มีศูนย์ซ่อม เพื่อยืดอายุของเล่นให้ได้นานที่สุด
...
“ลูกค้าที่มาซื้อของที่หน้าร้านทุกคนจะรู้ว่าของเล่นที่เล่นพัง เอากลับมาให้เราซ่อมได้ เราไม่อยากให้มันพังแล้วไปสู่บ่อฝังกลบ ซ่อมดูก่อน ถ้าซ่อมได้หรือเปลี่ยนอะไหล่ได้ เราก็สนับสนุนให้ทำโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ส่วนในการจัดชุดของเล่น เรามีนักวิชาการเด็กและดีไซเนอร์ของเล่นทำงานด้วยกัน ตอนที่เราทำเซอร์เวย์ เราเจอว่า ถ้าเราทำแต่ของเล่นอย่างเดียว พ่อแม่ไม่ได้มีไอเดียในการเล่นกับเด็ก เขาอาจจะเล่นไม่เป็น เราเลยพยายามที่จะสอดแทรกหนังสือนิทาน หรืออะไรที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับของเล่นชิ้นนั้นลงไปด้วย อย่างเช่น เรามีของเล่นเป็นจระเข้ เราก็มีหนังสือนิทานจระเข้ให้พ่อแม่ได้อ่านให้ลูกฟัง เพื่อส่งเสริมประสาทสัมผัสทั้งห้าให้ครบด้าน ให้เด็กได้ฟัง ได้ลองเล่น”
“และเรามีการแยกเซตของเล่น เพราะของเล่นของเราทุกชิ้นออกแบบตามพัฒนาการเด็กอยู่แล้ว เช่น หกเดือนถึงหนึ่งขวบ เด็กทารกยังใช้นิ้วไม่เป็น เขาจะใช้อุ้งมือ ดังนั้น ของเล่นเราก็ต้องช่วยฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก หรือเด็กเริ่มโตแล้ว มีจินตนาการ ก็จะเป็นชุด pretend play เช่น ชุดพ่อครัว ชุดยูทูบเบอร์ เป็นการเล่นบทบาทสมมติเพื่อส่งเสริมจินตนาการ ฉะนั้น พ่อแม่จะเลือกได้ว่าเด็กชอบแบบไหนหรือกำลังสนใจอะไร ซึ่งเด็กที่สนใจของเล่นแบบนี้จะเป็นวัยก่อนขึ้นชั้นประถม หลังจากนั้น พอเขาได้สัมผัสหน้าจอ ความสนใจเขาจะถูกดึงไปแล้ว ยกเว้นแต่เกมบางเกมที่มีความชาเลนจ์ ก็จะดึงความสนใจเขาได้อยู่”
...
“ในเซตของเล่นที่เราจัดไว้จะมีหนังสือนิทานในนั้น และเวลาออกแบบของเล่น เราจะมีคู่มือเล็กๆ ให้พ่อแม่ไปด้วยว่า ของในเซตนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถทำกิจกรรมอะไรกับน้องๆ ได้ เป้าหมายหนึ่งของเราคือจะสร้างเรื่อง family bonding จัดกิจกรรมที่พ่อแม่ลูกหรือปู่ย่าตายาย ได้กลับมาเล่น มามีปฏิสัมพันธ์กัน”
หลังจากนี้ แม้ว่าสถานการณ์โควิดจะลดความรุนแรงลง จนถึงวันที่ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ บริการให้เช่ายืมก็จะยังคงอยู่ ขณะเดียวกันเด็กๆ ก็สามารถเข้ามาใช้บริการที่สาทรซอย 10 หรือห้องสมุดของเล่นที่ TK Park และห้องสมุดสาธารณะในจังหวัดตรัง ตามแผนธุรกิจของแปลนทอยส์ที่ขยับเข้าสู่ภาคการบริการมากขึ้น เพื่อให้เด็กๆ ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงของเล่นได้อย่างทั่วถึงกัน
ของเล่นกับความยั่งยืน ที่ไม่จำกัดเฉพาะเด็กอีกต่อไป เพราะผู้สูงวัยก็ควรได้เล่น
“ผมมองว่าคนไทยยังให้ความสำคัญต่อการเล่นค่อนข้างน้อย คัลเจอร์ของคนไทยคือเราอยากให้ลูกเรียนเก่ง อ่านออกเขียนได้ตั้งแต่อนุบาล พ่อแม่ก็เลยไปเน้นหนักในแง่ของการอ่านออกเขียนได้เป็นหลัก แต่จริงๆ เด็กเกิดมาเพื่อเรียนรู้ผ่านการเล่น ผมขอยกตัวอย่างลูกสาวผม ซึ่งเรียนในโรงเรียนที่สอนในรูปแบบ Play-Based Learning ถามว่าพ่อแม่กังวลไหม ก็กังวลนะ เพราะไปเปรียบเทียบกับลูกเพื่อนที่วัยเดียวกันแล้ว ลูกเรายังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ขณะที่ลูกเพื่อนท่องอะไรได้หมดแล้ว แต่พอลูกเราได้ขึ้นประถมหนึ่งปั๊บ ภายในเทอมแรกเขาทำทุกอย่างได้หมดเลย อ่าน-เขียนได้ทันเพื่อน ดังนั้น จึงคิดว่าเรื่องนี้อยู่ที่ความพร้อมของเด็กมากกว่า แต่พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจและมีความกล้าในระดับหนึ่งว่า ลูกเราจะยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้นะ ต้องปล่อยให้เขาได้พัฒนาการไปตามช่วงวัย ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับการเปิดประสบการณ์การเล่น”
“ปัจจุบัน เรายังออกแบบของเล่นเพื่อตอบสนองพัฒนาการทั้งสี่ด้าน ร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา แต่เราก็จะดูเทรนด์ความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย เช่น เรื่องวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, คณิตศิลป์ หรือเทรนด์ในแง่การเล่นสี อย่างในต่างประเทศนิยมใช้สีพาสเทล หรือสีอะไร เราก็พยายามนำดีไซน์นั้นมาอยู่ในการออกแบบของเล่นของเรา ทำให้มีความล้ำสมัย แม้จะเป็นของเล่นไม้”
“สิ่งที่เรากำลังวางแผนอยู่คือ ต่อไปจะมีระบบ subscription โดยพ่อแม่ไม่ต้องคิดเลยในอนาคตว่าควรให้ลูกเล่นอะไร คุณสมัครสมาชิกมา เราจัดส่งของเล่นให้ โดยเราจะดีไซน์ให้ตามพัฒนาการของเด็กแต่ละคนว่าของเล่นอะไรที่เหมาะสม เพราะเด็กแต่ละคนมีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดยพ่อแม่จะลงทะเบียนและบันทึกพัฒนาการของเด็กว่า เด็กคนนี้ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ แล้วเราจะมีทีมที่จัดของเล่นที่เหมาะสมให้จากข้อมูลการบันทึก”
สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็น คือความยึดโยงและสอดแทรกเรื่องราวของสิ่งแวดล้อมเข้าไปในตัวของเล่น โกสินทร์อธิบายข้อนี้ว่า “เป็นเป้าหมายหลักที่เราต้องทำเลย คือเราต้องการทำธุรกิจที่ไม่เบียดเบียนสิ่งรอบข้าง เพราะผู้ก่อตั้งเองท่านบอกว่าเมื่อสี่สิบปีที่แล้วโลกและสังคมยังไม่ดีมาก ถ้าอยากเห็นสังคมดีขึ้น เราน่าจะเริ่มต้นกันที่เด็ก เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่องความยั่งยืนหรอก”
“เราใช้วันสิ่งแวดล้อมโลกในเดือนเมษายนของทุกปี เป็นวันจัดกิจกรรมใหญ่ของเรา ซึ่งทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั่วโลก ขึ้นกับว่าแต่ละปีมีเรื่องอะไร สองปีที่แล้วมีกระแสเรื่องผึ้ง เพราะประชากรผึ้งกำลังจะหายไป และถ้ามนุษยชาติไม่มีผึ้ง เราจะอยู่ไม่ได้ เพราะผึ้งมีความสำคัญมากต่อระบบนิเวศ เราก็ทำของเล่นที่ให้เด็กเรียนรู้เรื่องผึ้งขึ้นมา มีเกมให้ระบายสี มีการเล่าเรื่อง บางปีทำเรื่องขยะ ก็พาเด็กไปทำกิจกรรมเก็บขยะ ทำกิจกรรมรีไซเคิล หรือทำเรื่องขยะอาหาร เพื่อสร้างการตระหนักรู้และสร้างความเข้าใจให้กับเขา”
เขายกตัวอย่างการสอดแทรกเรื่องเหล่านี้เข้าไปในทั้งของเล่นและกิจกรรม เช่นเดียวกับปีนี้ที่เขาเตรียมกิจกรรมต่อเนื่องจากที่เคยทำเรื่องขยะอาหารเมื่อปีที่แล้ว โดยเอาขยะเหล่านั้นมาทำเป็นปุ๋ยเพื่อเชื่อมโยงกัน แต่ต้องพับโครงการลงก่อนเพราะโรคระบาด และตั้งใจสานต่อเมื่อกลับสู่ภาวะปกติ
“และอย่างที่บอกว่าเรามีเป้าหมายจะทำเรื่อง family bonding ตอนนี้เรากำลังทำโปรเจกต์ของเล่นให้กับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่ของเล่นที่ผู้สูงวัยเล่นคนเดียว ให้เขาได้เล่นกับลูกหลาน กับคนในครอบครัว เพราะจากที่ได้ศึกษา เราพบว่าคนแก่จะไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่ และคนแก่จะไม่อยากเล่นของเล่นเพราะเขาไม่ใช่เด็ก แต่จากการรีเสิร์ช โรคสมองในผู้สูงวัยจะนำไปสู่อัลไซเมอร์ เป็นแล้วรักษาไม่หาย ทางที่ดีที่สุดคือป้องกันไม่ให้เป็น อันดับแรกในการป้องกันคือ ต้องไม่ให้เกิดการตีตัวออกจากสังคม เพราะถ้าเขามีภาวะที่เอาตัวเองออกจากสังคมเมื่อไร จะเกิดอาการเหล่านี้ได้ง่าย การป้องกันอีกด้านคือ การได้ขยับนิ้วมือ และให้เขาได้ใช้ความคิดตลอดเวลา จะทำให้อัลไซเมอร์เกิดยาก”
“ตอนนี้ของเล่นผู้สูงวัยยังอยู่ในกระบวนการออกแบบ กำหนดเดิมคือตั้งใจออกในช่วงวันแม่ เพราะเราใช้ชื่อโปรเจกต์ว่า Toys for Mom โดยแม่จะเป็นตัวแทนของผู้สูงวัย ตอนนี้ก็ลุ้นอยู่ เพราะโควิดทำให้การทำงานยากขึ้นกว่าเดิม”
ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก PlanToys