CMMU เปิดผลวิจัย Silver Age Technology Adoption ชี้ผู้สูงวัย 50+ ไม่ตกยุค ใช้เน็ตเพิ่ม 3 เท่า ฮิตใช้ ChatGPT และ Health Tech
ลืมภาพจำที่เคยคิดว่าผู้สูงอายุตามเทคโนโลยีไม่ทันไปได้เลย เพราะผลวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อกลุ่ม “Silver Age” หรือวัย 50 ปีขึ้นไป กลายเป็นผู้บริโภคดิจิทัลเต็มตัว พบยอดใช้อินเทอร์เน็ตพุ่งกว่า 3 เท่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา แถม 94% เคยลองใช้ AI อย่าง ChatGPT มาแล้ว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของไลฟ์สไตล์ แต่คือสัญญาณเตือนให้ภาคธุรกิจต้องรีบปรับตัวรับ “Silver Economy” ขุมทรัพย์ใหม่ที่มีมูลค่าคาดการณ์สูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท
เปิดโลก “Silver Age” สูงวัยยุคใหม่ ไฮเทคกว่าที่คิด
จากการเปิดเผยข้อมูลของ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ในงานวิจัย “Silver Age Technology Adoption” พบข้อมูลสุดเซอร์ไพรส์ที่ชี้ว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้
...
- ใช้เน็ตกระฉูด: อัตราการใช้อินเทอร์เน็ตในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป พุ่งจาก 18.20% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 69.30% ในปี 2567 หรือโตกว่า 3 เท่า
- อุปกรณ์ครบมือ: 95% ของกลุ่ม Silver Age มีสมาร์ตโฟน และ 61% ใช้แท็บเล็ต
- ออนไลน์วันละ 4 ชม.: มีผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไปกว่า 19.6 ล้านคน ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลและออนไลน์เฉลี่ย 4 ชั่วโมงต่อวัน
- แพลตฟอร์มยอดฮิต: ใช้ LINE (93%) และ Facebook (83%) เป็นหลักในการสื่อสาร ส่วนความบันเทิงยกให้ YouTube (90%) และ Netflix (56%)
ไม่ตกเทรนด์ AI “ChatGPT” ครองใจวัยเก๋า
ที่น่าทึ่งคือ กลุ่ม Silver Age ไม่ได้ใช้แค่แอปฯ พื้นฐาน แต่ยังก้าวเข้าสู่โลกของ AI โดยผลวิจัยระบุว่า 94% เคยใช้งาน AI แล้ว โดยเครื่องมือยอดนิยม 3 อันดับแรกคือ:
- ChatGPT (72%)
- Google Gemini (49%)
- Microsoft Copilot (25%)
- ส่วนใหญ่นำมาใช้เพื่อค้นหาข้อมูล (82%) เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ (62%) และช่วยทำงาน (37%)
เจาะอินไซต์ ผู้ชายสาย Health Tech - คนรวยห่วงสุขภาพ
พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อและใช้เทคโนโลยีมีความแตกต่างกันตามเพศและรายได้
ผู้ชายวัย 50+ มีความเป็น “Early Adopter” ในกลุ่มเทคโนโลยีสุขภาพ (Health Tech) มากกว่าผู้หญิง สนใจเครื่องมือที่ช่วยควบคุมและดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยแบ่งความกังวลตามระดับรายได้ เช่น
- กลุ่มรายได้ 80,001–150,000 บาท กังวลเรื่อง “ความปลอดภัย” มากที่สุด
- กลุ่มรายได้มากกว่า 150,000 บาท กังวลเรื่อง “สุขภาพและร่างกาย” มากที่สุด (เมื่อเงินพร้อม ก็หันมาโฟกัสคุณภาพชีวิต)
โดยเทคโนโลยีที่กลุ่มนี้พร้อมจ่าย 3 อันดับแรกคือ อุปกรณ์แจ้งเตือนฉุกเฉิน, แอปฯ ปรึกษาแพทย์ทางไกล (TeleMed), และอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพ
อุปสรรคคือ “ความยุ่งยาก” แนะกลยุทธ์ 5A มัดใจรุ่นใหญ่
แม้จะเปิดรับเทคโนโลยี แต่สิ่งที่ฉุดรั้งคนกลุ่มนี้คือ “ความกังวล” โดยเฉพาะความซับซ้อนของระบบ (69%) ปัญหาตัวหนังสือเล็ก (67%) และกลัวข้อมูลรั่วไหล (57%) นางสาวธนาวรรณ กล่อมจิตร์ หัวหน้าทีมวิจัย CMMU จึงเสนอกลยุทธ์ “5A Star metrix Framework” เพื่อให้แบรนด์นำไปปรับใช้มัดใจลูกค้ากลุ่มนี้
- Accessibility (เข้าถึงง่าย): ออกแบบให้เป็นมิตร ตัวหนังสือใหญ่ ไม่ซับซ้อน
- Assurance (ความมั่นใจ): มีการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ หรือรีวิวจากคนในครอบครัว
- Autonomy (อิสระ): เทคโนโลยีต้องช่วยให้เขาดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา
- Affordability (คุ้มค่า): ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด แต่ต้องสมเหตุสมผลและยืดหยุ่น
- Affinity (ผูกพัน): เชื่อมโยงกับครอบครัวได้ เช่น แอปฯ ที่ลูกหลานช่วยดูข้อมูลสุขภาพได้ จะตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
อาจารย์ประเสริฐ ธวัชโชคทวี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ CMMU ทิ้งท้ายว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรครั้งนี้คือโอกาสทางธุรกิจมหาศาลในตลาด Silver Economy ที่คาดว่าจะโตถึง 3.5 ล้านล้านบาทในปี 2576 แบรนด์ที่ชนะใจคนกลุ่มนี้ได้ คือแบรนด์ที่มอบทั้งความ “ง่าย” และ “ความเชื่อมั่น” ไปพร้อมกัน