อาการเวียนหัวในผู้สูงอายุ จำนวนไม่น้อยมักเกิดจากอาการบ้านหมุนในผู้สูงวัย ซึ่งอาจจะดูเหมือนเป็นอาการเล็กน้อย แต่ความจริงแล้วมีอันตรายมากกว่าที่คิด ลูกหลานและคนใกล้ตัวไม่ควรมองข้ามอาการเหล่านี้ เพราะทำให้เสี่ยงต่ออันตรายหรืออุบัติเหตุในอนาคตได้
สาเหตุโรคบ้านหมุนในผู้สูงอายุ
ข้อมูลจากกรมการแพทย์ เผยว่า อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เกิดได้จากหลายสาเหตุตั้งแต่ที่รุนแรงน้อยจนถึงรุนแรงมาก หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในส่วนใดส่วนหนึ่งจะส่งผลต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของร่างกายทันที ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะที่รุนแรงจนรู้สึกว่าบ้านหมุน โรคที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนที่พบบ่อย ได้แก่
...
- โรคทางระบบหู เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด ก้อนเนื้องอกในหู เส้นประสาทในหูอักเสบ พิษต่อระบบประสาทหูจากการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
- โรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โรคพาร์กินสัน โรคไมเกรนบางชนิด
- ปัญหาของอวัยวะบริเวณลำคอของผู้สูงอายุ เช่น โรคกระดูกต้นคอเสื่อม โรคเส้นเลือดที่คอตีบหรือการมีคราบไขมันเกาะบริเวณหลอดเลือดที่คอ ทำให้เวลาหันศีรษะเร็วๆ จะทำให้เกิดการอุดกั้นของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองชั่วคราวจนเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ได้พบบ่อยในผู้สูงอายุ
- โรคความดันโลหิตตกในท่ายืน ปัจจุบันในผู้สูงอายุยังไม่มีการศึกษาวิจัยถึงหลักเกณฑ์การวินิจฉัยที่แน่นอน ดังนั้นในประเทศไทยยังคงใช้หลักการวินิจฉัยเดียวกับกลุ่มอายุอื่น ที่น่าสนใจคือมีรายงานในต่างประเทศระบุว่า ในผู้สูงอายุที่มีความดันโลหิตตกในท่ายืนไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องมีอาการเวียนศีรษะ แสดงว่าอาจมีสาเหตุร่วมอย่างอื่นที่อธิบายการเกิดอาการเวียนศีรษะในผู้สูงวัยที่ไม่ใช่การมีความดันโลหิตตกในท่ายืนก็เป็นได้
- โรคความดันโลหิตตกหลังการรับประทานอาหาร หมายถึง การมีความดันโลหิตตกมากกว่าหรือเท่ากับ 20 mmHg ในท่านั่งหรือยืนภายใน 1-2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร
- โรคทางจิตเวช เช่น โรคเครียด โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคแพนิก หรือโรคย้ำคิดย้ำทำในผู้สูงอายุนั้น โรคทางจิตเวชที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้บ่อยที่สุดก็คือ โรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าสามารถเป็นได้ทั้งสาเหตุและผลลัพธ์ของอาการวิงเวียนได้ทั้งคู่
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาประเภทต่างๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้โดยผ่านกลไกที่แตกต่างกัน เช่น ยาลดความดัน ยาขับปัสสาวะ ยากันชัก ยาปรับอัตราการเต้นของหัวใจ ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ยานอนหลับ และยาทางจิตเวช เป็นต้น
- โรคทางตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม
- โรคอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ โรคซีด โรคเกลือแร่ ไขมันผิดปกติ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
อาการโรคบ้านหมุนในผู้สูงอายุ
- เดินเซ มีการทรงตัวผิดปกติ
- มึนงง เวียนศีรษะ
- สูญเสียการทรงตัว
- คลื่นไส้ อาเจียน
- หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
- หูอื้อ มีเสียงดังขึ้นมาในหู
นายแพทย์ประพันธ์ พงศ์คณิตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้สูงอายุจะรู้สึกวิงเวียนเหมือนสิ่งของรอบตัวหมุนได้ เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและสูญเสียการทรงตัว อาจทำให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุ ดังนั้นเมื่อเวียนศีรษะจนบ้านหมุน ควรหลีกเลี่ยงท่าทางที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น การหมุนหันศีรษะเร็วๆ การเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็ว
...
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มสุราหรือสูบบุหรี่ และไม่ควรอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับขี่ยานพาหนะ หรืออยู่ในที่สูง
วิธีปฐมพยาบาลโรคบ้านหมุนในผู้สูงอายุ
หากผู้สูงอายุมีอาการโรคบ้านหมุน สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยวิธีต่อไปนี้
- เริ่มต้นในท่านั่งตัวตรง
- ล้มตัวลงนอนในท่าตะแคงข้างใดข้างหนึ่งโดยให้ใบหน้าหรือปลายจมูกชี้ขึ้นทำมุมประมาณ 45 องศา
- ค้างอยู่ในท่านอนอย่างน้อย 30 วินาที จนอาการเวียนศีรษะหายไป จากนั้นจึงกลับสู่ท่านั่งตัวตรงตามเดิม
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลง เช่น การก้มหรือเงยศีรษะขึ้นเป็นเวลานานๆ หรือการเปลี่ยนอิริยาบถที่รวดเร็วจนเกินไป
- กรณีที่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เสียงแหบ พูดไม่ชัด กลืนลำบาก แขนหรือขาอ่อนแรง ควรรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที
- หากผู้ป่วยเคยมีประวัติเกี่ยวกับอาการของหูชั้นใน เช่น โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน, โรคน้ำหูไม่เท่ากัน, ต้องทานยาประจำตัวที่มีก่อน แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นมาเลยก็ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
ท่าบริหารลดอาการโรคบ้านหมุนในผู้สูงอายุ
บริหารศีรษะ
- ก้มศีรษะไปข้างหน้าแล้วแหงนไปข้างหลัง ทำขณะลืมตา ทำช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มเร็วขึ้น ทำทั้งหมด 20 ครั้ง
- หันศีรษะจากด้านหนึ่ง ไปยังอีกด้านหนึ่ง ทำช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มเร็วขึ้น ทำทั้งหมด 20 ครั้ง ควรทำในขณะที่หลับตา
...
บริหารตา
- มองขึ้นบนแล้วมองลงล่าง ทำช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มเร็วขึ้น ทำทั้งหมด 20 ครั้ง
- กลอกตาจากซ้ายไปขวา แน่นอนว่าให้เริ่มต้นทำช้าๆ เช่นกัน เพราะถ้าเริ่มทำแบบเร็วๆ จะทำให้เวียนหัว มึนหัวมากกว่าเดิม ทำทั้งหมด 20 ครั้ง
- เหยียดแขนไปข้างหน้าสุดแขน และใช้สายตาจ้องนิ้วชี้เอาไว้ จากนั้นค่อยๆ เลื่อนกลับมาที่เดิมช้าๆ ทำแบบนี้ 20 ครั้ง
บริหารในท่านั่ง
- ยกไหล่ขึ้นลง 20 ครั้ง ขณะที่นั่งอยู่
- หันไหล่ไปทางขวา แล้วหันไปทางซ้าย ทำ 20 ครั้ง
- ก้มตัวไปข้างหน้าแล้วหยิบของจากพื้นช้าๆ แล้วค่อยๆ ดึงตัวกลับมานั่งตรง ทำซ้ำแบบนี้ 20 ครั้ง จะรู้สึกว่าได้ยืดเส้นยืดสาย
การเคลื่อนไหว
- เดินขึ้นลงบันได ขณะลืมตา 10 ครั้ง ขณะหลับตาอีก 10 ครั้ง
- โยนลูกบอลยางเล็กๆ โดยต้องโยนจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่งแล้วรับให้ได้ มีข้อแม้ว่าต้องโยนให้สูงเหนือระดับตา ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง
ทั้งนี้อาการบ้านหมุนสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ดังนั้นหากพบว่ามีอาการของโรคบ้านหมุนควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาต้นตอของโรคและทำการรักษาให้เร็วที่สุด รวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ จะช่วยทำให้ผู้สูงอายุห่างไกลจากอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนได้
ข้อมูลอ้างอิง : กรมการแพทย์, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพญาไท