เมื่ออายุเข้าสู่วัยกลางคน ร่างกายจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป อาการวัยทอง จะเริ่มแสดงออกมาทีละน้อย ซึ่งอาการแบบไหนที่เรียกว่าวัยทองบ้าง และควรรับมือกับอาการเหล่านี้อย่างไรดี

วัยทองคืออะไร

พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จากไลฟ์เซ็นเตอร์ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับอาการวัยทองในผู้หญิงว่าคือ วัยหมดประจำเดือน หรือเริ่มจะหมดประจำเดือน โดยช่วงอายุประมาณ 45-55 ปี ระดับฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากฮอร์โมนที่สำคัญในเพศหญิงก็คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เมื่ออายุมากขึ้นการสร้างฮอร์โมนไม่สมดุล มีการลดลงของระดับเอสโตรเจน จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อร่างกายหลายอย่างด้วยกัน

อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืนเป็นหนึ่งในอาการวัยทองที่สามารถพบได้ (ภาพจาก iStock)
อาการร้อนวูบวาบและเหงื่อออกตอนกลางคืนเป็นหนึ่งในอาการวัยทองที่สามารถพบได้ (ภาพจาก iStock)

...

อาการวัยทอง

  • ผิวแห้ง เหี่ยว หย่อนคล้อย ไม่เต่งตึงเหมือนเดิม
  • ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • ช่องคลอดแห้ง มีปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • ความต้องการทางเพศลดลง
  • การเผาผลาญลดลง อ้วนง่าย ลดน้ำหนักได้ยาก
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ความจำลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์

ในอดีตปัญหาวัยทองเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ และทำใจยอมรับด้วยเหตุผลว่าเป็นไปตามวัย แต่ความจริงแล้วอาการวัยทองสามารถชะลอหรือรักษาได้ถ้าเรารู้เท่าทันฮอร์โมนในร่างกายของเรา และเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้าสู่วัยทอง ด้วยการดูแลตัวเองจากวิธีดังต่อไปนี้

  • เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลาย ได้สารอาหารครบถ้วน หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน ทอด เค็ม อาหารแปรรูป
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้การหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดี
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่หักโหมเกินไป
  • อาจรับประทานอาหารเสริมประเภทวิตามินดี หรือแคลเซียมเพิ่มเติมตามความจำเป็น
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะควรตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก กระดูกพรุน เป็นต้น

หากปฏิบัติตามนี้แล้ว ยังมีอาการวัยทองรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทำงานไม่ได้ หงุดหงิด นอนไม่หลับ สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อตรวจวัดความสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย และรับการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน