ผู้สูงอายุที่มีอาการแขนขาอ่อนแรง อาจจะมีอันตรายแอบแฝงมากกว่าที่คิด แล้วอาการแขนขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ มีสาเหตุจากอะไร สามารถรักษาได้หรือไม่

ผู้สูงอายุแขนขาอ่อนแรง เกิดจากอะไร

อาการแขนขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือเซลล์ประสาทนำคำสั่ง จึงส่งผลให้แขนขาอ่อนแรงลง หรืออาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น กลืนลำบาก พูดไม่ชัด พูดไม่ออก

อาการแขนขาอ่อนแรง มักจะเริ่มจากบริเวณมือ แขน ขา หรือเท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อน อาจจะเป็นในลักษณะยกแขนไม่ขึ้น กำมือไม่ได้ หยิบจับของอะไรแล้วหล่นง่าย จากนั้นหากมีอาการหนักหรือรุนแรงขึ้น ก็จะเริ่มลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ โดยอาจเป็นไปในลักษณะของการอ่อนแรงครึ่งซีกหรือทั้งตัว ซึ่งหากพบสัญญาณดังกล่าว นั่นเป็นการเตือนว่ามีความผิดปกติของโรคที่อยู่ในระดับอันตรายแล้ว

สาเหตุและการรักษาอาการแขนขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุ

ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุมีอาการแขนขาอ่อนแรง อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น

1. โรคหลอดเลือดสมอง

แขนขาอ่อนแรงที่เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกและไปเบียดทับเนื้อสมอง ส่วนใหญ่จะเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดสมองแตก คือ ผนังหลอดเลือดแตก ทำให้มีเลือดคั่งในเนื้อสมอง โดยโรคนี้ถือว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต (แขนและขาอ่อนแรงครึ่งซีก) ทำให้มีปัญหาทางด้านความคิด สูญเสียความจำ มีปัญหาทางด้านการพูด และขั้นที่รุนแรงมาก คือ อาจเสียชีวิตได้

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

อาการแขนขาอ่อนแรงจากโรคหลอดเลือดสมองตีบนี้ มักจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันทันทีทันใด ดังนั้นถ้าพบอาการแขนขาอ่อนแรงเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อให้การรักษาและวินิจฉัยโดยด่วน

สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบ คือ การทำให้เซลล์ของสมองยังอยู่รอดให้ได้นานที่สุด ถ้าเราสามารถทำให้เลือดไหลเวียนได้ทันเวลา และในระดับที่เพียงพอ ก็สามารถทำให้เนื้อสมองบริเวณนั้นฟื้นตัวได้เร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติได้ ซึ่งการรักษานี้จะต้องทำภายใน 3 ชั่วโมง และวิธีที่ใช้ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการเป็นสำคัญ มีแนวทางในการรักษา 3 แนวทาง คือ

  1. ให้ยาละลายลิ่มเลือด tissue plasminogen activator (TPA) เพื่อเปิดหลอดเลือด
  2. ใช้ขดลวดสอดในหลอดเลือดแดง ลากเอาลิ่มเลือดที่อุดตันออกจากหลอดเลือดสมอง
  3. การผ่าตัด

2. โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Amyotrophic Lateral Sclerosis หรือ ALS) เป็นโรคทางระบบประสาทโดยตรง เกิดขึ้นจากเซลล์ระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเสื่อม แก่ และตายก่อนวัยอันควร มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขาลีบ มีการกระตุกเต้นของกล้ามเนื้อกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จะเริ่มเป็นที่บริเวณแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง ก่อนจะลุกลามไปสู่กล้ามเนื้อส่วนอื่น เช่น กล้ามเนื้อการกลืน กล้ามเนื้อทางระบบหายใจ ส่งผลทำให้พูดไม่ได้ หรือหายใจเองไม่ได้ จึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และทานอาหารผ่านสายยาง

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 4-6 คนต่อประชากร 100,000 คน และจะมีโอกาสพบผู้ป่วยรายใหม่ได้ประมาณ 1-3 คนต่อปี โดยโรคนี้มักจะเกิดในกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตหลังเกิดอาการเพียง 3-4 ปี มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานสูงสุดถึง 10 ปี ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาด การรักษาทำได้เพียงบรรเทาอาการ และประคับประคองเพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ได้นานที่สุด

3. ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย

ปัญหามวลกล้ามเนื้อน้อยพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ จากสถิติในหลายประเทศพบภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เมื่อคนเราเข้าสู่วัยสูงอายุ มวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะลดลงตามลำดับโดยธรรมชาติ เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ความเสื่อมของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และระบบประสาทที่ทำงานลดลง แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งเสริมให้ภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้น เช่น การเคลื่อนไหวที่ลดลง ภาวะขาดวิตามินและสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามิน D และสารอาหารจำพวกโปรตีน การมีโรคเรื้อรังร่วมด้วย เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น

ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่ความเจ็บป่วยต่างๆ ตามมา เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง ภาวะกระดูกพรุน หลังค่อม การพลัดตกหกล้ม เป็นต้น ผลที่ตามมา คือ ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีแนวโน้มจะสูญเสียความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง การทำกิจกรรมทางสังคมที่ลดลง ระดับคุณภาพชีวิตแย่ลง อาจอยู่ในภาวะพึ่งพิงต่อครอบครัวและสังคม นอกจากนี้ยังพบอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นในผู้สูงอายุกลุ่มนี้อย่างมีนัยสำคัญ

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

...

หากคนใกล้ชิดหรือตัวผู้สูงอายุเองพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้ เช่น รู้สึกต้นแขน ต้นขาอ่อนแรง ล้มง่ายกว่าเดิม ขึ้นลงบันไดหรือทางลาดชันลำบาก ลุกจากที่นอนหรือเก้าอี้ต้องใช้มือช่วยพยุง ก็ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

ผู้สูงวัยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ควรเริ่มดูแลตนเองด้วยการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และออกกำลังกายเพื่อฝึกการทรงตัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการหกล้ม ร่วมกับการบริโภคอาหารที่มีโปรตีนอย่างเพียงพอ แต่สำหรับผู้สูงวัยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยขั้นรุนแรง ควรได้รับการประเมินและการดูแลรักษาต่อไปจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงหาสาเหตุหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ

ดังนั้นอาการแขนขาอ่อนแรงในผู้สูงอายุจึงมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน หากพบว่าตนเองหรือผู้สูงอายุใกล้ตัวเริ่มมีอาการดังกล่าวก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันความรุนแรงและโรคแทรกซ้อนที่อาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตในอนาคต

ข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาลพญาไท, กรมการแพทย์, ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย