การลงทุนวัยเกษียณ อาจฟังดูเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน แต่ก็ไม่ควรมองข้ามหรือละเลย เพราะเมื่อถึงวัยเกษียณแล้วมักทำให้เราขาดแหล่งรายได้จากการทำงานไป ดังนั้นการลงทุนที่เหมาะสมกับช่วงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อช่วยให้สามารถใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมีความสุข
สำหรับคนวัยเกษียณที่เตรียมตัวมาล่วงหน้าอย่างดี อาจจะมีการนำเงินไปลงทุนที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้มีรายได้ในรูปแบบที่เรียกว่า Passive income ซึ่งคือรายได้จากการให้เงินทำงาน ที่เราไม่ต้องใช้เวลาทำงานเพื่อแลกเงิน เช่น การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า การลงทุนทางการเงิน ประเภทหุ้นได้เงินปันผล หรือการซื้อกองทุน พันธบัตรแล้วได้ดอกเบี้ย เป็นต้น
แต่หากผู้สูงอายุที่เข้าสู่วัยเกษียณ หรือคนที่เลือกจะเกษียณก่อนครบกำหนด และมีเงินสะสมไว้หรือได้รับเงินจากสวัสดิการการทำงาน เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอะไรก็ตาม และไม่อยากจะทำงานให้เหนื่อย แต่ยังต้องการมีรายได้อย่างต่อเนื่อง อยากจะนำเงินไปลงทุนสร้างรายได้ หรืออยากให้เงินทำงาน เพื่อช่วงวัยเกษียณจะยังคงมีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง จะลงทุนอะไรได้บ้างนั้น วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝาก
หลักการลงทุนวัยเกษียณ
หลักการลงทุนหลังวัยเกษียณ ที่อาจจะเป็นเงินทุนก้อนสุดท้ายในชีวิตแล้วก็ได้ การเลือกแนวทางการลงทุน จะต้องไม่เสี่ยงจนเกินไป หรือไม่เสี่ยงแต่ได้ผลตอบแทนน้อยมากๆ จนไม่คุ้มค่าการลงทุน ซึ่งหลักการลงทุนวัยเกษียณนั้น มีเรื่องที่ต้องพิจารณา ดังนี้
...
1. บริหารเงินทุน
ก่อนที่จะนำเงินไปลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนกลับมา ผู้เกษียณการทำงานจะต้องบริหารเงินที่มีอยู่ หรือรายได้ที่จะได้รับแต่ละเดือนก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลังตามมา โดยแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน และเอาเงินส่วนหนึ่งมาลงทุน ดังนี้
- เงินใช้ประจำเดือน คำนวณหรือประเมินว่าแต่ละเดือนจะต้องใช้เท่าไร ให้กันเงินที่ต้องใช้ไว้ส่วนหนึ่ง
- เงินใช้ในยามฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อใช้ยามฉุกเฉิน
- เงินใช้ในการลงทุน เป็นเงินทุนที่นำเอาไปใช้สร้างรายได้เพิ่ม หรือต่อยอดให้มีรายได้กลับมา
2. เลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
การลงทุนในวัยเกษียณ สิ่งสำคัญและต้องพิจารณา คือจะต้องเป็นการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือเป็นการลงทุนที่ผันผวน เกิดการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนได้ง่าย
3. ไม่เลือกลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนต่ำเกินไป
บางครั้งการเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่สูง แต่ได้รับผลตอบแทนที่ต่ำเกินไป ก็ไม่เป็นทางเลือกที่ดีนัก เพราะทำให้เสียเวลา และยังไม่สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย การลงทุนวัยเกษียณจึงควรเลือกที่ได้รับผลตอบแทนพอสมควร และไม่มีความเสี่ยงสูงเกินไปด้วย
4. อย่าใช้ความโลภในการเลือกลงทุน
ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณ ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะถูกหลอกจากกลุ่มมิจฉาชีพได้ง่าย โดยการหลอกให้ลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนสูงจนเกินความเป็นจริง ดังนั้น ผู้ที่ต้องการลงทุนจึงควรพิจารณาให้ดี และอย่าเห็นแต่ผลตอบแทนสูงๆ ที่จะได้รับ ต้องพิจารณาตามหลักการและเหตุผล ยืนอยู่บนการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญต้องไม่โลภไม่เห็นแก่ผลตอบแทนสูง ที่มีคนมาชักจูงนำเสนอให้ลงทุน ควรมีการติดตามข่าวสาร หรือหากมีข้อสงสัยควรปรึกษากับหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการลงทุนนั้นๆ เพราะไม่เช่นนั้นนักลงทุนอาจจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ง่ายๆ
การลงทุนวัยเกษียณ มีอะไรบ้าง
สำหรับการลงทุนวัยเกษียณ ที่จะมีรายได้ต่อเนื่อง หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้เม็ดเงินงอกเงยมากขึ้น ผู้อยู่ในวัยเกษียณสามารถลงทุนอะไรได้บ้างนั้น มี 5 การลงทุนวัยเกษียณแนะนำ ดังนี้
1. ฝากธนาคาร
การฝากเงินในธนาคารปัจจุบัน แม้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพในปัจจุบัน แต่นับว่าเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำมากเช่นกัน คนวัยเกษียณที่ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่สามารถยอมรับการขาดทุน หากนำเงินไปลงทุนได้ หรือไม่มีความรู้อื่นๆ ที่จะเอาเงินไปลงทุน การฝากเงินไว้กับธนาคารถือว่าปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งการฝากเงินกับธนาคารประเภทอะไรจะได้อัตราดอกเบี้ยมากที่สุด มักจะเป็นประเภทฝากประจำ ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยมากกว่าประเภทออมทรัพย์ ซึ่งผู้เกษียณคงต้องเปรียบเทียบว่าธนาคารแต่ละแห่งให้อัตราดอกเบี้ยเท่าไรบ้าง
...
2. ซื้อสลาก
การซื้อสลากในที่นี้ ไม่ใช่การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่เป็นสลากของธนาคารต่างๆ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นต้น ซึ่งนอกจากเงินต้นไม่สูญหาย และได้อัตราดอกเบี้ยเมื่อครบอายุสลากแล้ว ระหว่างที่ถือสลากอยู่ ยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นรางวัลต่างๆ ด้วย แต่ก็ต้องยอมรับข้อหนึ่ง คือ อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับเมื่อสลากครบอายุสัญญา มีอัตราต่ำพอๆ กับการฝากเงินในธนาคาร แต่รูปแบบการลงทุนแบบนี้ เหมาะมากกับคนวัยเกษียณที่ชอบลุ้น ชอบความตื่นเต้นในการเสี่ยงโชค เงินต้นไม่สูญหาย แต่หากคาดหวังว่า เมื่อลงทุนแล้วจะได้รับผลตอบแทน 5% หรือ 10% แน่ๆ อันนี้ไม่ใช่คำตอบ เพราะโอกาสที่จะได้รับขึ้นอยู่กับดวงและโชคของผู้ลงทุนล้วนๆ
3. ลงทุนในอสังหาฯ
การลงทุนวัยเกษียณ ในรูปแบบการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทำได้ไม่ยากและทำได้หลากหลายวิธี แต่มีข้อพิจารณา คือ ต้องใช้เงินค่อนข้างสูงและอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะคุ้มค่าเงินที่ลงทุนไป สำหรับคนวัยเกษียณ เลือกจะลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ นั้น สามารถทำได้หลายวิธี อาทิ
...
3.1 ซื้อแล้วเก็งกำไร
จากใบจองหรือก่อนโอนกรรมสิทธิ์ วิธีนี้ มักจะใช้กับการซื้อคอนโดมิเนียม ที่มีการวางเงินดาวน์ หรือผ่อนเงินดาวน์ไปสักระยะ เมื่อราคาคอนโดฯ ขยับเพิ่มขึ้นก็ประกาศขายทำกำไรจากส่วนต่างจากราคาที่เพิ่มขึ้น แต่มีข้อพิจารณาหลายอย่างที่ผู้ลงทุนวัยเกษียณต้องคิดให้รอบครอบ คือ ปัจจุบันตลาดคอนโดฯ ไม่ได้บูมเหมือนในอดีต จะมีบางคอนโดฯ เท่านั้นที่ได้รับความนิยม และมีหลายคอนโดฯ ก็ขายไม่ดี หากผู้ลงทุนซื้อแล้วไม่สามารถขายดาวน์ก่อนโอนคอนโดฯ ก็ต้องมีความสามารถในการที่จะโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของตนเอง หรือสามารถซื้อด้วยเงินสดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาภายหลังได้ จึงต้องพิจารณาให้ดี
3.2 ซื้อแล้วปล่อยเช่า
การซื้ออสังหาฯ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโดฯ หรือตึกแถว ในทำเลดีๆ ก็สามารถปล่อยเช่าได้ หรือคอนโดฯ บางแห่งก็มีการทำตลาดในรูปแบบการปล่อยเช่าให้ด้วย วิธีการนี้ก็น่าสนใจแต่คงต้องพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียต่างๆ ให้ดี เพราะการมีอสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่านั้น เจ้าของก็ต้องดูแลความเรียบร้อยให้อสังหาฯ นั้นๆ มีสภาพที่ดีอยู่เสมอ และคงต้องศึกษาตลาดในทำเลนั้นๆ ด้วยว่ามีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้ปล่อยเช่าได้งาน แต่ต้องยอมรับว่าการลงทุนแบบนี้ ถือว่าได้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉลี่ยก็อยู่ไม่ต่ำกว่า 5% ที่สำคัญ เรายังได้เป็นเจ้าของอสังหาฯ อนาคตไม่ปล่อยเช่าก็สามารถขายได้ หากราคาขยับขึ้นสูง
3.3 พัฒนาแล้วขายหรือให้เช่า
การลงทุนในอสังหาฯ รูปแบบนี้ คือ การพัฒนาเป็นโครงการต่างๆ แล้วขายหรือปล่อยเช่า เช่น คนวัยเกษียณมีที่ดินในทำเลที่ดี สามารถนำพัฒนาเป็นตลาดสดแล้วปล่อยเช่า หรือทำเป็นอพาร์ตเมนต์ หรือการซื้ออาคารเก่ามาพัฒนาเป็นโรงแรมขนาดเล็ก เป็นต้น การลงทุนประเภทนี้ อาจจะเรียกได้ว่าเหมือนคนที่เกษียณงานมาแล้วกลับมาเริ่มต้นทำงานใหม่อีกครั้ง เพราะต้องมีการบริหารจัดการต่างๆ มากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ยังอยากทำงาน หรือมีเงินทุนที่มากเพียงพอในการนำมาพัฒนาโครงการต่างๆ ได้
...
4. ลงทุนในตลาดการเงิน
ตลาดการเงิน เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหุ้น ถือเป็นแหล่งลงทุนที่คนต้องการรายได้แบบ Passive income นิยมเข้าไปแสวงหากันมาก เพราะไม่ต้องลงแรงทำงาน แต่อาจจะต้องลงเวลาศึกษาหาข้อมูลการลงทุน แถมการลงทุนได้ไม่จำกัดปริมาณเงิน มีมากมีน้อยลงทุนได้หมด บางครั้งหากลงทุนด้วยการศึกษาหาข้อมูลมาอย่างดี โอกาสได้รับผลตอบแทนสูงก็มี แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกับการลงทุนบางประเภทได้เช่นกัน สำหรับการลงทุนวัยเกษียณ ในตลาดการเงินมีดังนี้
4.1 ลงทุนในหุ้น
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการเลือกซื้อหุ้นนั้น มีข้อดีคือ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากราคาที่ปรับสูงขึ้น และหุ้นบางตัวมีอัตราการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราที่สูงกว่าเงินฝากในธนาคาร หรือภาวะเงินเฟ้อด้วย แต่ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างละเอียด รอบครอบ เพราะมีหุ้นหลายตัวที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีความผันผวนของราคาสูง และหุ้นบางตัวก็ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว นักลงทุนจึงต้องศึกษาให้ดี หากซื้อหุ้นผิดตัวอาจจะทำให้สูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมดได้ หรือเสียเวลาจากราคาหุ้นไม่ได้ขยับขึ้นเลยก็ได้เช่นกัน
4.2 ลงทุนในกองทุนรวม
สำหรับคนวัยเกษียณ ที่อยากได้ผลตอบแทนที่ดี และยอมรับความเสี่ยงได้บ้าง การลงทุนด้วยการซื้อกองทุนรวม ที่มีผู้จัดการกองทุน เป็นผู้ดูแลการลงทุนให้ ก็ถือว่าเป็นทางออกดี สามารถสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยขึ้นได้ แต่ผู้ลงทุนก็ต้องศึกษาข้อมูลและควรมีความรู้ในการลงทุนพอสมควร เพื่อที่จะได้เลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความชอบและโอกาสสร้างผลตอบแทนกลับมาได้
4.3 การลงทุนในตราสารหนี้
รูปแบบการลงทุน สำหรับคนวัยเกษียณ อีกวิธีหนึ่งที่คือการนำเงินไปซื้อตราสารหนี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ จะทำให้เรากลายเป็นเจ้าหนี้ที่ได้ผลตอบแทนแบบสม่ำเสมอตามอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นรูปลงทุนในรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ได้รับผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินกับธนาคารประจำ แต่การเลือกซื้อหุ้นกู้บริษัทไหนดีนั้น คงต้องพิจารณาให้รอบครอบ ดูรายละเอียด และความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ให้ดีด้วย
5. ลงทุนในตลาดทองคำ
ต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมา “ทอง” มีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้หลายคนเข้ามาลงทุนในตลาดทองมากขึ้น ทั้งรูปแบบซื้อทองแท่งมาเก็บเพื่อเก็งกำไร การออมทอง หรือการซื้อขายกองทุนรวมทอง ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสีย และข้อควรพิจารณาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ลงทุน ซึ่งการลงทุนในทองคำถือว่ามีความคล่องตัวสูง เพราะซื้อง่ายขายคล่อง แต่ก็อาจจะเสี่ยงเรื่องความปลอดภัย จากการถูกลักขโมย หรือสูญหายได้ง่าย โดยเฉพาะการมีทองไว้ที่บ้าน จึงอาจจะต้องเลือกลงทุนในรูปแบบที่ไม่ได้ถือทองคำไว้กับผู้ลงทุน ปัจจุบันมีหลายแห่งให้ลงทุนได้โดยฝากทองไว้กับทางร้าน แบบการออมทอง
ทั้งหมดนี้ คือ การลงทุนวัยเกษียณ ที่สามารถทำได้ สร้างผลตอบแทนกลับมา แต่หัวใจสำคัญก่อนการเลือกว่าจะลงทุนอะไรนั้น คือ การมีเงินออมไว้ล่วงหน้า การวางแผนทางการเงิน เตรียมตัวก่อนที่จะเข้าสู่วัยเกษียณเพื่อทำให้มีความสามารถลงทุนนั่นเอง
ข้อมูลอ้างอิง : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ธนาคารกสิกรไทย
ภาพ : iStock