ปัญหาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นหนึ่งอาการที่มักพบบ่อย และเป็นปัญหาที่รบกวนใจเป็นอย่างมากสำหรับกลุ่มของผู้สูงอายุ ที่ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ อย่างไรก็ตามการกลั้นปัสสาวะนี้สามารถฝึกเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และยังมีวิธีการดูแล รักษาสุขภาพในผู้สูงวัยเพื่อไม่ให้พบเจอปัญหาเหล่านี้ได้ในอนาคต

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาสุขภาพ และการหย่อนสมรรถภาพของอวัยวะในร่างกายอยู่แล้วตามช่วงอายุ ซึ่งเป็นปัญหารบกวนใจจุกจิก ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตทั้งทางด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก หนึ่งในการหย่อนสมรรถภาพของร่างกายที่เป็นปัญหา และพบเจอได้บ่อย คือ การหย่อนสมรรรถภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ที่ส่งผลให้เกิด “ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่” ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งสำหรับผู้สูงอายุ

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary Incontinence) คือ ปัสสาวะเล็ดลอดออกมาแบบไม่ตั้งใจ เกิดได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง และพบบ่อยในช่วงวัยชรา และในเพศหญิงมากกว่า ซึ่งเราสามารถสังเกตอาการได้ผ่านความถี่ของการขับถ่ายปัสสาวะที่มากกว่าปกติ จะมีความรู้สึกว่าปัสสาวะไม่หมด หรือมีปัสสาวะเล็ดลอดได้ง่าย เมื่อไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ที่เกิดบ่อยในผู้สูงอายุ มี 5 ประเภทดังนี้

Stress Incontinence : อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงวัย เกิดจากการเสื่อมสมรรถภาพของร่างกายตามช่วงอายุ เช่น หูรูดท่อปัสสาวะ หรือกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้เมื่อมีสิ่งกระตุ้น หรือสิ่งที่เพิ่มความดันในช่องท้องมาก จะไม่สามารถควบคุม และอั้นปัสสาวะได้

Urge Incontinence : อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ที่เกิดจากกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะบีบตัวแรงกว่าปกติ มีที่มาจากโรคทางระบบประสาท หรือพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน ทำให้รู้สึกปวดมากเวลาปัสสาวะ ซึ่งจะแตกต่างกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในรูปแบบแรก

...

Overflow Incontinence : อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากปัสสาวะล้น มาจากความบกพร่องของการส่งสัญญาณของกระเพาะปัสสาวะในเวลาปวดปัสสาวะมากๆ หรือการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ทำให้มีปัสสาวะคงค้างจนต้องปัสสาวะอยู่บ่อยครั้ง

Bed Wetting Enuresis : สาเหตุนี้เกิดได้ในหลายปัจจัยที่ร่วมกัน มักจะเกิดบ่อยในเด็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งหากหูรูด หรืออุ้งเชิงกรานที่หย่อนสมรรถภาพแล้ว จะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะในขณะนอนได้

Functional Incontinence : อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย เกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นระยะเวลานาน จนไม่สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำได้ ทำให้หากเกิดการเคลื่อนไหวจะทำให้ปัสสาวะเล็ดลอดออกมาได้

ปัญหาส่วนใหญ่เหล่านี้ล้วนจะเกิดมาจากปัญหาของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ประกอบไปด้วยเส้นใยกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีรูปร่างเป็นแผ่นบาง ที่คอยยึดอวัยวะในการขับถ่าย เช่น มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม และมีหน้าที่ควบคุม และเป็นอวัยวะหลักในการอั้นปัสสาวะ

การทำงานที่ไม่เต็มประสิทธิภาพของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เกิดได้จากการเสื่อมสภาพตามช่วงอายุวัย ซึ่งเป็นหนึ่งเรื่องที่ผู้สูงวัยจะต้องพบเจออย่างแน่นอน ซึ่งมีผลกระทบที่ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทำให้ปัสสาวะเล็ดลอดออกมาโดยไม่สามารถควบคุมได้

ปัญหาของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของผู้สูงวัย แต่ภาวะนี้สามารถยืดระยะ และบรรเทาได้ หากได้รับการตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ และได้รับคำแนะนำจากแพทย์ยังจะสามารถป้องกันได้ซึ่งมีข้อปฏิบัติที่สำคัญ 2 ข้อ ดังต่อไปนี้

วิธีบรรเทาอาการ และป้องกัน

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในชีวิตประจำวันได้  

  • ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มาก และไม่น้อยจนเกินไป โดยให้ดื่มตามน้ำหนักตัว
  • พยายามลดความดันในช่องท้อง เช่น ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม รักษาอาการท้องผูก และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก
  • ดื่มน้ำให้น้อยลงก่อนเข้านอนเป็นเวลา 3-4 ชั่วโมง 
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ป้องกันท้องผูก
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือกาเฟอีน
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดการไอ จาม 
  • ฝึกควบคุมการขับถ่าย ห้ามเบ่งปัสสาวะ และหัดอั้นปัสสาวะไว้ก่อนการขับถ่าย
  • หมั่นบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานในทุกๆ วัน

การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

  1. นั่งเก้าอี้ในท่าที่รู้สึกสบาย ยกมือทั้งสองข้างระดับหน้าอก และกำลูกบอลไว้ในมือ
  2. เกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน พร้อมบีบลูกบอลไว้ 10 วินาที แล้วพักคลายจากท่าเกร็งและคลายมือจากการบีบลูกบอลพร้อมนับ 10 วินาที จึงนับเป็น 2 ครั้ง
  3. ทำท่าบริหารนี้เป็นจำนวน 60 ครั้งต่อวัน สามารถแบ่งทำได้

การบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานด้านบน เป็นคำแนะนำจากแพทย์ ที่ผู้สูงอายุควรหมั่นบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานในทุกวัน เพื่อที่จะสามารถช่วยป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และยืดระยะอาการอันน่ากังวลใจเหล่านี้ออกไป แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการที่ไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้เลย หรือมีอาการปวดที่รุนแรงร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาในระยะต่อไป ซึ่งอาจจะมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย

ข้อมูล : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยโรงพยาบาลวิมุต

...

ภาพ : istock