สายตายาวตามวัย คือหนึ่งในภาวะที่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน หรือมีอายุ 40 ปีขึ้นไปต้องพบเจอ ซึ่งอาการนี้ไม่ใช่โรค แต่เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวัย แม้จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็สามารถปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
สายตายาวตามวัย คืออะไร
ข้อมูลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เผยว่าภาวะสายตายาวตามวัย (Presbyopia) เกิดขึ้นจากเลนส์ตาแข็งขึ้นและกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเพ่งมองอ่อนแอลง ทำให้ความสามารถในการมองวัตถุระยะใกล้ลดลงตามวัย ภาวะนี้มักเกิดขึ้นในผู้มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป
อาการสายตายาวตามวัย
- มองในระยะใกล้ไม่ชัด
- ในบางรายอาจมีอาการปวดตา ปวดศีรษะ เนื่องจากพยายามเพ่งสายตามากขึ้นตอนมองใกล้
...
การแก้ปัญหาภาวะสายตายาวตามวัย
ผู้ที่มีภาวะสายตายาวตามวัยสามารถปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยการสวมแว่นสายตาที่มีหลายแบบตามความเหมาะสมกับการใช้งาน ได้แก่
- แว่นโฟกัสระยะเดียว (Monofocal glasses) ข้อดีคือใช้งานง่ายเหมาะสำหรับใส่มองในระยะใกล้ เช่น อ่านหนังสือ ข้อเสียคือต้องถอดเข้า-ออก
- แว่นโฟกัสสองระยะ (Bifocal glasses) ข้อดีคือมองได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล เหมาะสำหรับใส่ในขณะทำงาน ข้อเสียคือเกิดภาพกระโดดเวลาเปลี่ยนจากระยะมองไกลมาระยะมองใกล้
- แว่นที่มีเลนส์หลายชั้น (Progressive glasses) หรือที่เรียกกันว่าแว่นโปรเกรสซีฟ ข้อดีคือสามารถมองได้หลายระยะในเลนส์เดียว ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ข้อเสียคือราคาสูง ใช้งานยากกว่ารูปแบบอื่น
ข้อมูลจากร้านแว่นตาโอคูระ (OCCURA) เผยว่าจุดเด่นของแว่นสายตาแบบเลนส์โปรเกรสซีฟ คือสามารถให้ความคมชัดทุกระยะ ทั้งระยะไกล กลาง และใกล้ ตอบโจทย์คนวัยทำงานอายุ 40 ปีขึ้นไปที่มีปัญหาทางสายตาในหลายระยะ จึงทำให้เลนส์นี้ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ก็พบว่ามี 3 ปัญหาหลักสำหรับคนที่ต้องการเลือกซื้อแว่นโปรเกรสซีฟ คือ
1. ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งาน
โดยเฉพาะระยะเริ่มต้นใช้งานช่วงอายุ 39-45 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีอาการสายตายาวตามวัย และไม่ทราบถึงปัญหาทางสายตาของตนเอง รวมถึงไม่เคยได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟให้ตอบโจทย์ปัญหาและเหมาะสมในการใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีจำนวนมากถึง 40%
2. มีความวิตกกังวลในการปรับตัวเมื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน
พบว่าผู้ที่ไม่เคยสวมใส่แว่นเลนส์โปรเกรสซีฟมาก่อน และไม่ได้รับคำแนะนำในการเลือกเลนส์ที่เหมาะสมกับค่าสายตาของตนเองมักจะได้แว่นโปรเกรสซีฟที่ใส่แล้วไม่สบายตาอย่างที่คิด ซึ่งมีจำนวนถึง 40% เหมือนกลุ่มแรก
3. เผชิญปัญหาระยะของเลนส์ไม่สอดรับกับปัญหาสายตาหรือสรีระใบหน้า
เกิดจากความผิดพลาดในการวิเคราะห์คำนวณการฟิตติ้งกรอบและเลนส์ ส่งผลให้เกิดความไม่สบายตาในการมองเห็นเท่าที่ควร ซึ่งพบผู้บริโภคกลุ่มนี้ประมาณ 20%
ปัจจุบัน เลนส์โปรเกรสซีฟ มีการออกแบบโครงสร้างที่แบ่งออกได้ 2 ประเภทหลัก คือ Hard Design ที่ให้รายละเอียดการมองภาพระยะไกลและใกล้คมชัดเฉพาะในจุดที่โฟกัส จึงทำให้ภาพด้านข้างมัว และอาจบิดเบือนจากปกติ เมื่อสวมใส่ หากเหลือบมองด้านข้างเร็วๆ อาจเกิดอาการเห็นภาพวูบวาบ จึงต้องใช้เวลาในการปรับตัว
เลนส์แบบ Soft Design ที่ให้ภาพโดยรวมมีความคมชัดแบบไม่โฟกัสอยู่แค่จุดใดจุดหนึ่ง การมองภาพจึงวูบวาบน้อยกว่า ทำให้ใช้เวลาในการปรับตัวได้เร็วขึ้น แต่อาจทำให้ระยะการมองไกลและมองใกล้คมชัดน้อยลงเล็กน้อย แต่ะก็มีผู้ผลิตเลนส์อีกหลายรายที่พัฒนาเลนส์โปรเกรสซีฟของตนเองโดยรวมจุดเด่นของทั้ง 2 โครงสร้างเข้าด้วยกัน
สำหรับผู้ที่มีภาวะสายตายาวตามวัยแต่ไม่อยากสวมแว่นตา ก็มีทางเลือกอื่นให้ด้วยเช่นกัน อย่างการใช้คอนแทคเลนส์สำหรับสายตายาว ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีหลายแบรนด์ผลิตออกมาจำหน่ายมากขึ้น แต่ข้อเสียคือหาซื้อค่อนข้างยาก และอีกทางเลือกหนึ่งคือการผ่าตัด ซึ่งกรณีนี้เหมาะกับผู้ที่มีภาวะต้อกระจกร่วมด้วย ซึ่งเป็นการผ่าตัดสลายต้อกระจกและใส่เลนส์เทียมแบบหลายระยะ (multifocal IOL)
...