ใบหน้าหย่อนคล้อย คือปัญหากวนใจสำหรับผู้ที่ก้าวสู่วัยหลัก 4 เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะมีใบหน้าเต่งตึงอ่อนกว่าวัย แล้วจะมีวิธีใดที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง
ใบหน้าหย่อนคล้อย สาเหตุจากอะไร
เมื่อเข้าสู่วัย 40+ ความเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ชัดเจนขึ้นคือ ใบหน้าหย่อนคล้อย สังเกตได้จากร่องแก้มชัดขึ้น หนังตาเริ่มตก แก้มห้อย หน้าไม่กระชับ มีเหนียงใต้คาง สาเหตุมาจากผิวสูญเสียความยืดหยุ่น การสังเคราะห์คอลลาเจนของผิวลดลง ผิวผลิตน้ำมันได้น้อยลง และไขมันในชั้นผิวลดลง รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ โดนแสงแดดเป็นประจำ พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยมากยิ่งขึ้น และกระทบต่อความมั่นใจในระยะยาว
...
วิธีแก้ไขใบหน้าหย่อนคล้อย
อันดับแรกต้องทำใจยอมรับก่อนว่าปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เกิดจากชั้นผิวภายในเริ่มอ่อนแอ โดยเฉพาะชั้นไขมันที่เสื่อมสลายไป ไม่หนาแน่นอิ่มฟูเหมือนช่วงวัยรุ่น รวมถึงชั้นผิวที่อยู่ลึกลงไปจนถึงชั้นเนื้อเยื่อระหว่างกล้ามเนื้อ (SMAS) ไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นการใช้สกินแคร์หรือครีมบำรุงผิวพรรณซึ่งช่วยได้เพียงชั้นหนังกำพร้าจึงไม่เพียงพอต่อการรักษาปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยได้ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เช่น การทำหัตถการ และการทำศัลยกรรม ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันดังต่อไปนี้
1. โบทูลินัมท็อกซิน
การฉีดโบทูลินัมท็อกซิน หรือที่เรามักจะเรียกกันสั้นๆ ว่า ฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าได้แล้ว การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลิฟต์กรอบหน้ายังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยได้ระดับหนึ่ง
ข้อดี เห็นผลภายใน 3-4 วันหลังฉีด
ข้อเสีย ผลการรักษาอยู่ได้นานเพียง 4-6 เดือน และไม่ควรฉีดโบถี่จนเกินไปเพราะจะทำให้มีภาวะดื้อโบคือฉีดแล้วไม่เห็นผลได้ และถ้าใบหน้าหย่อนคล้อยมากควรทำควบคู่กันกับหัตถการรูปแบบอื่นๆ เพื่อให้ใบหน้ายกกระชับได้ดียิ่งขึ้น
2. ร้อยไหม
สำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยค่อนข้างมาก มีร่องแก้มชัด แก้มห้อย การร้อยไหมจะช่วยยกกระชับให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้นได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว เพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวจึงช่วยให้ผิวกระชับขึ้นทันทีหลังทำ
ข้อดี เห็นผลทันทีหลังทำ
ข้อเสีย เจ็บมาก ใช้เวลาพักฟื้น 3-4 วัน และผลการรักษาอยู่ได้นานเพียง 4-8 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม
3. Ultraformer III
เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยได้ด้วยการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ในการยกกระชับผิวหน้า และสลายไขมันใต้ชั้นผิว ที่สามารถส่งพลังงานลงสู่ใต้ผิวทุกระดับชั้น โดยผลิตคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเข้มข้นสูง ที่เรียกว่า Micro & Macro Focused Ultrasound MMFU ให้สามารถปล่อยพลังงานไปยังตำแหน่งความลึกที่ต้องการได้อย่างจำเพาะเจาะจง และลงลึกได้ทุกระดับผิว มีความปลอดภัยไม่กระทบต่อผิวหนัง ไม่มีแผลหลังการรักษา และไม่ต้องพักฟื้น
ข้อดี เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20-30% และเห็นชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน ราคาจับต้องได้
ข้อเสีย ผลการรักษาอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ต่อการรักษา 1 ครั้ง และเหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยไม่มากนัก
4. Ulthera
...
Ulthera เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยีอัลตราซาวด์นหรือคลื่นเสียงความถี่สูงที่เฉพาะเจาะจงเช่นเดียวกับ Ultraformer III ซึ่งความถี่ดังกล่าวจะทำให้พลังงานอัลตราซาวนด์ลงไปถึงผิวระดับชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน และเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เกิดเป็นความร้อนใต้ผิวหนังชั้นลึก ทำให้ผิวยกกระชับขึ้นและตึงตัว ทำให้ผิวที่เคยตกกลับมายกใหม่ วิธีนี้คล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้า ที่จะต้องยกชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ เพียงแต่ไม่ต้องมีแผลผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการผ่าตัด พลังงานความร้อนจากเครื่องอัลตราซาวนด์จะถูกส่งไปในผิวหนังชั้นลึกกว่าการใช้เลเซอร์และคลื่นวิทยุทั่วไปดังนั้น โอกาสที่ผิวชั้นบนจะถูกรบกวนจึงมีน้อยมาก ผู้ที่รับการรักษาจึงไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดผิวไหม้หรือดำภายหลังการรักษา
ข้อดี เห็นผลทันทีหลังทำประมาณ 20-30% และเห็นชัดเจนขึ้นภายใน 2-3 เดือน ผลการรักษาอยู่ได้นาน 1.5-2 ปี ต่อการรักษา 1 ครั้ง
ข้อเสีย ราคาสูงกว่า Ultraformer III และเจ็บกว่า
5. Thermage
สำหรับการทำหัตถการเพื่อยกกระชับใบหน้าแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัดยังมีอีกหนึ่งวิธีคือการทำ Thermage ซึ่งใช้เทคโนโลยีการปล่อยคลื่นวิทยุ (Monopolar RF) ที่เปลี่ยนมวลความร้อนลงไปยังชั้นไขมันใต้ผิวหนังทำให้คอลลาเจนหดตัวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ช่วยให้ผิวกระชับอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก
ข้อดี เห็นผลชัดเจนภายใน 6 เดือนหลังทำ และผลการรักษาอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังทำ
ข้อเสีย ราคาสูงกว่า Ulthera และบางรายอาจต้องใช้การรักษาทั้งสองแบบควบคู่กันถึงจะเห็นผลชัดเจน
...
6. ฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ไม่เพียงแค่ช่วยเติมเต็มใบหน้าให้อ่อนวัยขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยด้วยเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ยกกระชับใบหน้าบางส่วน เช่น ขมับ กรอบหน้า ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เพื่อให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด
...
ข้อดี เห็นผลทันทีหลังทำการรักษา และผลการรักษาอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์
ข้อเสีย มีราคาแพง และต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงเพื่อให้ผลการรักษาเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
7. ดูดไขมันเหนียง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด มีเหนียงใต้คางเยอะ การทำหัตถการอาจไม่เห็นผลชัดเจนและเพียงพอ การดูดไขมันเหนียง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แม้ว่าจะเป็นการศัลยกรรม แต่ก็เป็นการผ่าตัดเล็กที่มีความเสี่ยงน้อย และเห็นผลชัดเจนสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเหนียงจากไขมันสะสมค่อนข้างมาก
ข้อดี เห็นผลชัดเจนภายใน 2-3 เดือนหลังทำ และผลการรักษาอยู่ได้ถาวร หากดูแลตนเองไม่ให้น้ำหนักขึ้นเกิน 2-3 กิโลกรัม
ข้อเสีย ราคาสูง ค่อนข้างเจ็บ ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 3 วัน และควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูงเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
8. ผ่าตัดดึงหน้า
การผ่าตัดดึงหน้าเป็นวิธีแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยที่ได้ผลชัดเจนและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยในระดับที่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็น แก้มห้อย ร่องแก้มลึก กรอบหน้าไม่ชัด หนังตาตก คิ้วตก คอเหี่ยว ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดดึงหน้ามีเทคนิคการรักษาค่อนข้างหลากหลาย แผลเล็ก เจ็บน้อย และปลอดภัยสูงกว่าในอดีต จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้นั่นเอง
ข้อดี เห็นผลการรักษาที่แตกต่างจากเดิมได้อย่างชัดเจน และสามารถอยู่ได้นาน 5-10 ปี ต่อการรักษา 1 ครั้ง
ข้อเสีย ราคาสูงมาก ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนานกว่าการรักษารูปแบบอื่นๆ
ใบหน้าหย่อนคล้อย คือหนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจสำหรับหลายคน ดังนั้นการทำหัตถการหรือการทำศัลยกรรมจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แม้ว่าหลายคนอาจจะคิดว่าการใช้ครีมบำรุงผิวก็คงเพียงพอ เพราะไม่อยากเข้าคลินิกเสริมความงาม แต่ในความจริงแล้วปัญหานี้อยู่ลึกเกินกว่าที่ครีมบำรุงผิวจะช่วยรักษาได้ ดังนั้นการยอมรับความจริงและเปิดใจกำเงินค่าครีมบำรุงแพงๆ ไปลงทุนกับการรักษาที่ตรงจุดแต่เห็นผลชัดเจนกว่าก็สร้างความมั่นใจให้กลับมาได้ และที่สำคัญคือควรเลือกคลินิกเสริมความงามและแพทย์ที่น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ รวมถึงศึกษาข้อมูลวิธีการรักษาว่าแบบไหนที่ตอบโจทย์ความต้องการตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่คุ้มค่าและปลอดภัยในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
อ่านเรื่องน่ารู้สาระดีๆ อัปเดตสำหรับผู้ใหญ่ได้ที่ : lifestyle/lifestyle45plus