ประวัติ “อาจารย์แม่” หรือ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อดีตนักพูดชื่อดังที่วัยรุ่นยุค Y2K ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี มีที่มาอย่างไร ทำไมลูกศิษย์ต่างหลงรัก

ประวัติ อาจารย์แม่

“อาจารย์แม่” หรือ รศ.สุนีย์ สินธุเดชะ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2479 เป็นชาวจังหวัดตาก สมรสกับ พลอากาศตรี ประเทศ สินธุเดชะ มีบุตรสาวคนเดียว คือ ดร.นิธินาถ สินธุเดชะ เตลาน

อาจารย์แม่ เริ่มเข้าศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนสตรีผดุงปัญญา จังหวัดตาก สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี อักษรศาสตรบัณฑิต และครุศาสตรบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (นักเรียนทุนกระทรวงศึกษาธิการ) หลังจบการศึกษาจึงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาจึงย้ายมาเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาการสอนภาษาไทย ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งเป็นอาจารย์พิเศษ โรงเรียนผู้บังคับหมวดทหารอากาศ สถาบันจิตวิทยาและความมั่นคง มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล (มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชในปัจจุบัน) วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ และอีกหลายสถาบัน

หลังเกษียณอายุราชการแล้ว อาจารย์แม่ ได้เข้ามารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ระหว่างปี พ.ศ. 2547 - 2554 และนายกสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555

สำหรับชื่อเสียงของ อาจารย์แม่ นั้นเริ่มต้นจากการโต้วาทีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในช่วง 14 ตุลาและ 6 ตุลากับการโต้วาทีกับนักศึกษา โดยมีการโต้ที่เด็ดขาด เฉียบแหลม สามารถตอบโต้ได้ทุกคำค้านของฝ่ายค้าน หยิบประเด็นใดมาก็สามารถโต้ได้หมด นอกจากนี้อาจารย์แม่ยังเคยเป็นนักพูดประจำรายการทีวีวาที เป็นแขกรับเชิญยุคแรกกับรายการจันทร์กะพริบ รายการสี่ทุ่มสแควร์ และมักถูกเชิญให้ไปเป็นกรรมการตัดสินการพูดโต้วาทีหลายครั้ง สิ่งที่ทำให้อาจารย์แม่โดดเด่นเป็นที่จดจำและชื่นชอบของบรรดาลูกศิษย์และวัยรุ่นยุค Y2K ก็คือลีลาการพูดที่ดุเด็ดเผ็ดมัน อีกทั้งยังมีแนวคิดที่ทันสมัยเข้าใจวัยรุ่นยุคนั้นเป็นอย่างดี ต่อมาเมื่ออาจารย์แม่มีอายุมากขึ้นก็เริ่มรับงานน้อยลงวางมือทั้งงานพูดและงานบริหาร

...

หลังจากที่วางมือการทำงานไปนานและวัยรุ่นยุคปัจจุบันแทบไม่รู้จัก วันนี้อาจารย์แม่เป็นที่สนใจบนโลกโซเชียลขึ้นมาจากที่มีผู้โพสต์ภาพของอาจารย์แม่ในปัจจุบันซึ่งมีอายุ 87 ปีแล้ว จึงทำให้ลูกศิษย์และวัยรุ่นยุค Y2K ที่เคยติดตามฟังอาจารย์แม่พูดได้หายคิดถึง.