การตัดสินใจกู้ซื้อบ้านในวัยที่เป็น “ผู้สูงอายุ” แล้วอาจเป็นเรื่องยากสำหรับหลายคน เพราะต้องใช้เวลาผ่อนหลายปีและคิดว่าหลายธนาคารคงไม่อนุมัติสินเชื่อให้ แต่ความจริงแล้วถ้าเตรียมตัวพร้อม อายุมากก็กู้ซื้อบ้านได้ไม่ต่างจากวัยอื่นๆ
4 วิธีกู้ซื้อบ้านฉบับผู้สูงอายุ
1. เลือกสินเชื่อบ้านเพื่อผู้สูงอายุ
ปัจจุบันสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะคนวัยทำงานเท่านั้น แต่มีหลายธนาคารที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุและออกสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุออกมาด้วย เพื่อสนับสนุนการวางแผนเกษียณให้เป็นผู้สูงวัยที่มีบ้านที่เป็นของตัวเอง และเข้ากับกระแสสังคมผู้สูงอายุในปัจจุบัน โดยธนาคารที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ได้แก่
- โครงการสินเชื่อบ้าน Senior Home 4U ธนาคารอาคารสงเคราะห์: เป็นสินเชื่อบ้านสำหรับวัยก่อนเกษียณที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย หรือเลือกรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดค่าผ่อนบ้าน ให้มีภาระค่าใช้จ่ายเบาลง ผ่อนสบายด้วยดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก 2.0% ต่อปี พร้อมระยะเวลาผ่อนที่เลือกได้ตั้งแต่ 3 ปี และนานสูงสุดถึง 40 ปี (อายุผู้กู้รวมจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี)
- สินเชื่อบ้านยูโอบี (UOB Home Loan): เป็นสินเชื่อที่ธนาคารให้กู้ยืมเพื่อนำไปซื้อบ้านใหม่ บ้านมือสอง คอนโดฯ หรือปลูกสร้างบ้าน เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย โดยเอื้อต่อการมีบ้านของมนุษย์เงินเดือน พ่อค้า แม่ค้า ข้าราชการ กลุ่มคนอาชีพอิสระ รวมทั้งผู้สูงอายุ อายุไม่เกิน 75 ปี
- สินเชื่อเคหะ ธนาคารออมสิน: เป็นสินเชื่อบ้านที่สานฝันให้คนมีบ้าน ไม่ว่าจะอาชีพอะไร วัยใด หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ โดยรวมอายุผู้กู้รวมจำนวนปีที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ก็สามารถยื่นกู้ได้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านใหม่ สร้างบ้าน ซ่อมแซม และไถ่ถอนจำนองที่ดิน
...
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจเลือกสินเชื่อบ้านเพื่อผู้สูงอายุ ควรมีการสำรวจข้อมูลจากหลายๆ ธนาคาร เพื่อนำมาเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ต้องใช้พิจารณาถึงระยะเวลาในการผ่อนหลังเกษียณซึ่งเป็นช่วงบั้นปลายชีวิตของเราไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง
2. ขอสินเชื่อให้เร็วที่สุด
ถึงแม้ว่าธนาคารจะมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุให้บริการ แต่ก็ยังมีเงื่อนไขของกรอบระยะเวลาในการผ่อนชำระอยู่ดี โดยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุของธนาคารอาคารสงเคราะห์นั้น อายุของผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี แต่สำหรับบางอาชีพ เช่น ข้าราชการ ก็สามารถผ่อนไปได้จนถึงอายุไม่เกิน 75 ปี ซึ่งธนาคารอื่นๆ ก็มีกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น ผู้สูงอายุที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ เช่นอายุ 50 ปีขึ้นไป ยิ่งตัดสินใจขอกู้เร็วได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ได้จำนวนปีในการผ่อนที่ยาวนานขึ้น ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าผ่อนต่องวดได้ ทำให้ผ่อนสบาย ไม่เป็นภาระหนักเกินไปในช่วงชีวิตหลังเกษียณ
3. วางแผนอาชีพและธุรกิจที่ทำอยู่ให้ดี
ความมั่นคงทางอาชีพการงานคือส่วนสำคัญที่ธนาคารนำมาพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ใกล้เกษียณยิ่งต้องแสดงความมั่นคงทางรายได้ของอาชีพหรือการทำธุรกิจให้มากที่สุด เพราะสะท้อนถึงความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดบ้านนั่นเอง หากมีอาชีพหรือธุรกิจที่ไม่มั่นคง รายได้ไม่สม่ำเสมอ และไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับธนาคารได้ โอกาสที่จะกู้สินเชื่อผ่านก็น้อยลงตามไปด้วย
แต่หลายธนาคารก็ยังเปิดโอกาสให้กับทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานประจำทั่วไป ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึงอาชีพฟรีแลนซ์ เป็นเจ้าของธุรกิจ ฯลฯ ก็สามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุได้ เพียงแค่แสดงถึงความมั่นคงทางรายได้ให้ธนาคารเห็นได้มากพอตามเกณฑ์ที่แต่ละธนาคารกำหนดเท่านั้น
4. เตรียมการเงินและเอกสารให้พร้อม
นอกจากอาชีพการงานและธุรกิจที่ต้องมั่นคงน่าเชื่อถือแล้ว สถานะทางการเงินของผู้สูงอายุที่ขอกู้สินเชื่อก็ต้องดีด้วยเช่นกัน สิ่งที่ต้องระวังคือหนี้สินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนี้บ้านหลังอื่น หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต ควรเคลียร์หนี้สินเหล่านี้ให้หมดหรือเหลือน้อยที่สุดเสียก่อน เพราะถ้ายังมีภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายจำนวนมากอยู่ก็ทำให้โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารริบหรี่ลงไปด้วย เพราะจุดอ่อนของผู้สูงอายุในวัยใกล้เกษียณที่มีภาระมากยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถผ่อนสินเชื่อบ้านได้ไหวเท่ากับวัยหนุ่มสาว
ด้วยเหตุนี้ ผู้สูงอายุ ที่ต้องการกู้ซื้อบ้านในวัยใกล้เกษียณต้องเตรียมความพร้อมหลักๆ 3 ด้านคือ ปลดภาระหนี้สินให้มากที่สุด ต้องมีรายได้สม่ำเสมอ และมีอาชีพการงานที่มั่นคง นอกจากนี้ควรเตรียมเอกสารทางการเงินให้พร้อมเพื่อให้ธนาคารนำไปพิจารณา เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน สำเนาบัญชีเงินฝากรวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่มี ก็ต้องเตรียมไปให้พร้อมที่สุด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ธนาคารเห็นว่า แม้จะเป็นผู้สูงอายุในวัยใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้ว แต่ก็ยังสามารถผ่อนชำระค่างวดได้ไหวอยู่
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัยหนุ่มสาว วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ หลักการขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก นั่นคือต้องทำให้ธนาคารเห็นว่าเรามีรายได้ที่มั่นคง มีความสามารถในการผ่อนชำระได้ไหว และไม่มีภาระหนี้สินผูกพันที่อาจทำให้เป็นปัญหาในอนาคต ถ้าหากแสดงให้ธนาคารเห็นถึงความมั่นคงทางการเงินได้แล้ว โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านก็มีมากขึ้น แม้จะเป็นผู้สูงอายุก็ตาม
...
อ้างอิงข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
อ่านเรื่องน่ารู้สาระดีๆ อัปเดตสำหรับผู้ใหญ่ได้ที่ : https://www.thairath.co.th/lifestyle/lifestyle45plus