เริ่มแล้วนะจ๊ะ...เริ่มจับจริง! ปรับจริง! ใครที่นั่งท้ายกระบะช่วงหยุดยาววันสงกรานต์นี้ ระวังโดนตำรวจจับ ไม่ว่าคุณจะขึ้นไปเล่นสาดน้ำหรือจะขึ้นนั่งเพื่อเดินทางข้ามจังหวัดระยะไกล ก็โดนกันทั่วหน้า ไม่ต้องสงสัย
แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ประชาชนยังสับสนเกี่ยวกับข้อกฎหมายดังกล่าว บ้างก็เห็นด้วย บ้างก็ไม่เห็นด้วย เอาเป็นว่าวันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จะพามาเจาะลึกรายละเอียด รวบรวมมาให้อ่านกัน 10 ข้อ พร้อมแล้วล้อมวงเข้ามาดู
1. เนื่องจากวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ถือเป็นช่วงอันตรายระหว่างการเดินทางไกลบนท้องถนน ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตและสูญทรัพย์สินมากมาย ในปีนี้ทางการจึงได้ออกมาตรการใหม่ โดยมีการประชุมเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย และลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 เพื่อหาแนวทางป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเน้นย้ำเรื่องความเร็วในการใช้รถและการคาดเข็มขัดนิรภัย รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง


...
2. มีกฎหมายใหม่ออกมาว่าด้วยคำสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนนั่งท้ายกระบะเพื่อเล่นสาดน้ำ รวมถึงห้ามนั่งในแค็บที่ไม่มีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีการแสดงความเห็นกันอย่างดุเดือด
3. เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2560 ที่ผ่านมา ‘ไทยรัฐออนไลน์’ ได้จัดทำผลสำรวจผ่าน LINE Thairath Official Account ในหัวข้อ “สงกรานต์ปีนี้ห้ามนั่งท้ายกระบะ คุณเห็นด้วยหรือไม่?” โดยเปิดโหวตถึงเวลา 21.30 น. สำรวจพบว่า มีผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 25,194 คน แบ่งเป็นเห็นด้วย จำนวน 6,029 คน ไม่เห็นด้วย 19,165 คน


4. อีกทั้งยังมีคนดังในสังคมออกมาแสดงความเห็นในมุมต่างๆ เช่น พิธีกรรายการข่าวใส่ไข่ “ม้า-อรนภา” ได้พูดถึงกฎหมายที่ออกมาเกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ จากประเด็นในกระแสโซเชียลที่ว่า “สงกรานต์นี้ ห้ามนั่งกระบะหลังรถ แล้วเราจะนั่งตรงไหนกันดี?”
ม้า-อรนภา แสดงความเห็นอย่างเผ็ดร้อนว่า “ก็ไม่ต้องนั่ง เอางี้ดีกว่า ง่ายๆ ขอถามคำหนึ่งว่า การนั่งกระบะแล้วสาดน้ำเล่นสงกรานต์ เป็นประเพณีไทยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน (ประมาณ 10-20 ปี) ก็นั่นแหละ เลวมาตั้งแต่ตอนนั้น เป็นประเพณีมาได้อย่างไร ไม่เข้าใจ”

นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ "พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ" สื่อสารมวลชนด้านยานยนต์ และเป็นกูรูที่คนในแวดวงยานยนต์รู้จักกันในชื่อ ‘น้าเดช’ ก็ออกมาแสดงความเห็นผ่านโซเชียลเช่นกัน โดยระบุว่า
“ท่านนายกฯ ครับ เรื่องเข็มขัดนิรภัยนั้นน่ะ ท่านโปรดฟังผมสักนิดเถอะครับ ให้ผู้ประกอบการเป็นผู้มีหน้าที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่งที่นั่ง แล้วใช้กฎหมายเดิมที่มีอยู่ คือ "บังคับ" คนขับและคนนั่งตอนหน้า ส่วนตำแหน่งอื่นๆ นั้น "ผู้ใดต้องการใช้ก็มีเข็มขัดเตรียมไว้ให้" ผู้ใดสมัครใจตายก็ไม่ต้องใช้ช่างหัวมัน
...
ท่านลองเทียบเคียงกับเครื่องบินนะครับ ก่อนเครื่องบินขึ้น เขาบังคับให้ทุกคนต้องคาดเข็มขัด แต่เมื่อเครื่องบินขึ้นแล้ว เขาไม่บังคับ "แต่มีคำแนะนำว่าควรคาดเข็มขัดตลอดเวลาที่นั่งอยู่ เพื่อความปลอดภัย

ท่านจะเชื่อผมก็ได้ จะเชื่อคนรอบตัวท่านก็ได้ ประเทศนี้มีรถปิกอัพวิ่งอยู่เกินครึ่งหนึ่งของรถทั้งหมดนะครับ สงกรานต์นี้ถ้าตำรวจทำหน้าที่เถรตรง คงจลาจลทั้งประเทศแน่ แล้วรถแห่พระพุทธรูปมาให้คนสรงน้ำ ที่เอาพระตั้งบนกระบะมีคนนั่งประคอง ทั้งคนประคองและพระพุทธรูปจะต้องโดนจับด้วยไหมครับ อย่าไปเทียบเคียงประเทศอื่นเลย ลักษณะการใช้รถและวิถีชีวิตมันต่างกันมาก ถ้าบังคับใช้จริงๆ สงกรานต์นี้จะมีรถทัวร์ รถโดยสารออกวิ่งพอรับส่งคนหรือไม่ครับลองนึกดูนะครับ”
5. สำหรับในรายละเอียดของข้อกฎหมายดังกล่าว มีการรวบรวมและสรุปออกมาได้ ดังนี้ รถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีฟ้า) ซึ่งเป็นรถกระบะที่มีหลังคาและมีที่นั่งสองแถว พร้อมอุปกรณ์ป้องกัน สามารถนั่งตามที่นั่งที่จัดไว้ได้
6. รถกระบะที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ป้ายสีขาว ตัวอักษรสีเขียว) และเดินทางบนถนนทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงระหว่างจังหวัด ทางหลวงระหว่างอำเภอ ทางหลวงชนบท และทางหลวงตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 “ห้าม” นั่งท้ายกระบะ มีความผิดฐานใช้รถผิดประเภท
...


7. รถกระบะมีแค็บ “ห้าม” นั่งในแค็บ เพราะส่วนที่เป็นแค็บไม่ได้ออกแบบให้เป็นที่นั่งแต่ไว้สำหรับใส่สิ่งของ มีความผิดฐานใช้รถผิดประเภท ยกเว้นใน 2 กรณี ดังนี้ คือ
- เดินรถในถนนปิด ที่จัดให้มีการเล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์ และไม่มีการเคลื่อนที่ของรถ
- นั่งท้ายกระบะที่บรรทุกพืชผลการเกษตรซึ่งเดินรถในพื้นที่การเกษตร เช่น สวนหรือไร่นา
หากจัดเข้าในกรณีแบบนี้เจ้าหน้าที่สามารถอนุโลมให้ได้ ไม่ผิดกติกา
...


8. กฎหมายใหม่นี้ เริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. 2560 เป็นต้นไป ไม่เฉพาะแค่ในช่วงเทศกาล และบังคับใช้ทั้งกับรถขนส่งสาธารณะ รถโดยสาร และรถยนต์ทุกประเภท หากฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดนิรภัย หรือพบว่าที่นั่งภายในรถจัดให้มีเข็มขัดแต่ประชาชนไม่รัดเข็มขัดนิรภัยก็จะต้องถูกปรับ 500 บาท ทันที
ประชาชนที่มีรถกระบะและต้องการบรรทุกคนโดยสาร จะต้องนำรถไปต่อเติมหลังคาและติดตั้งที่นั่ง 2 แถว และนำรถยนต์ไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เป็นรถโดยสารสาธารณะ 7 ที่นั่งขึ้นไป แต่ไม่เกิน 12 ที่นั่งจึงจะถือว่าไม่ผิดกฎหมาย สำหรับรถยนต์กระบะ 4 ประตู สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ตามปกติ

9. ส่วนการนั่งในแค็บของรถกระบะ มีข้อมูลอธิบายว่า แค็บนั้นออกแบบมาเพื่อสำหรับบรรทุกของ ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนนั่ง ไม่มีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยของผู้โดยสาร (คนละแบบกับที่นั่งสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งจะมีเข็มขัดนิรภัย) ในการจับปรับรถกระบะที่บรรทุกคนโดยสารในแค็บนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้จับปรับในข้อหาไม่รัดเข็มขัดนิรภัย
แต่จะปรับในข้อหา ใช้รถยนต์ผิดประเภท ซึ่งถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 มาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
10. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งนี้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน