หลักสูตรช่วยคน สำคัญไฉน?? เรื่องไกลที่เราควรรู้ และจะกลายเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ห้ามกันไม่ได้ก็จริง แต่สิ่งเหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเรารู้จักวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสม เช่นเดียวกับการช่วยเหลือคนที่มีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินเบื้องต้น เพื่อยับยั้งการเสียชีวิต บ่อยครั้งที่เราต้องรอหมอ รอพยาบาล รอทีมกู้ภัย ทำไมเราถึงไม่เป็นคนลงมือ?? ในเมื่อเรื่องเหล่านี้...มันคือสิ่งจำเป็น!
วิธีการช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นก็มีอยู่มากมาย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของผู้ป่วย แต่วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอพูดถึงเรื่องการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือที่เรียกว่า Cardiopulmonary resuscitation แต่จะให้คุ้นหูไปกว่านั้น ก็คือ "การทำ CPR" ซึ่งหมายความถึง การช่วยเหลือผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น ให้มีการหายใจและการไหลเวียนกลับคืนสู่สภาพเดิม ป้องกันเนื้อเยื่อได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจนอย่างถาวร ซึ่งสามารถทำได้โดยการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การผายปอด และการนวดหัวใจภายนอก
การทำ CPR จะว่ากันไป ก็มีวิธีการขั้นตอนหลายอย่าง คนที่จะทำ CPR จะต้องมีความรู้พื้นฐาน ต้องสังเกตอาการผู้ป่วย และต้องรู้วิธีการช่วยชีวิตที่ถูกต้อง หากไม่รู้จริง อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้เช่นกัน
ทีนี้เราจะทำ CPR กับใครนั้น เราขอหยิบยก โรคหัวใจ มาพูดถึง เพราะจากสถิติของผู้ป่วยฉุกเฉินในปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่า มีประชาชนคนไทยขอใช้บริการผ่านสายด่วน 1669 ด้วยอาการทางโรคหัวใจมากถึง 130,942 คน โอ้ว...จะเยอะไปไหน โดยแบ่งเป็นอาการหายใจลำบาก ติดขัด มากที่สุด 99,052 คน รองลงมาคือ เจ็บแน่นทรวงอก 31,035 คน และหัวใจหยุดเต้น 855 คน ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้จะประสบกับภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
...
ขณะเดียวกันเรายังพบว่า จำนวนของผู้ป่วยโรคหัวใจ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และโรคหัวใจยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทยด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น มีผู้เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายเฉียบพลันนอกโรงพยาบาลเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้น เมื่อ โรคหัวใจ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทยแล้ว ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน หรือ Heart Attack จนต้องทำ CPR หรือได้รับการช่วยเหลือแบบเร่งด่วนฉุกเฉิน กลับสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย และทุกเวลา ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติชนิดที่หัวใจห้องล่างสั่นพลิ้ว ทำให้ผู้ป่วยหมดสติลง เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจ ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ฟังแบบนี้แล้วแอบตกใจ เพราะนั่นหมายความว่า...ไม่ว่าคุณจะเป็นโรคหัวใจหรือไม่ คุณก็มีสิทธิเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้

ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน หัวใจเต้นผิดปกติ ผู้ป่วยโลหิตจาง รวมไปถึงพฤติกรรมการเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่จัด การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การขาดการออกกำลังกาย ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน อันเป็นสาเหตุและนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจวาย หรือเสียชีวิตปัจจุบันทันด่วนได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือในเบื้องต้น
ดังที่กล่าวมาทั้งหมด เราจำเป็นต้องย้อนกลับมาดูที่มาตรการการดูแลป้องกัน และการให้ความรู้ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหัวใจของคนไทย ที่ปัจจุบันกลับยังไม่แพร่หลายมากนัก สมาคมแพทย์โรคหัวใจ ได้มีการเร่งผลักดันให้ "การช่วยชีวิต" เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในเด็กนักเรียนทุกชั้นปี เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นในการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับโรคหัวใจ
ทั้งนี้ สอดรับการเหตุการณ์ฉุกเฉินกรณีการช่วยชีวิตผู้ที่หัวใจวายเฉียบพลัน ให้กลับมามีชีวิตต่อได้ หลายครั้งปรากฏเป็นข่าว เป็นกระแสชื่นชมผู้ที่ช่วยชีวิตคนอื่นไว้ได้ ล่าสุดเหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อเดือนที่ผ่านมา คือมีผู้ป่วยด้วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันบนเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งโชคดีที่เจ้าหน้าที่ของสายการบิน และแพทย์ซึ่งเป็นผู้โดยสายบนเครื่องบิน สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ ด้วยการใช้งานเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ AED และการทำ CPR
ใจความสำคัญของเรื่องการใช้ช่วยชีวิตด้วยผู้มีความรู้ ภาครัฐภาคสาธารณสุขของไทยก็เล็งเห็นเช่นกัน ด้วยสถิติผู้ป่วยโรคหัวใจพุ่งมากขึ้นกว่าแสนคน จะไม่ลงมือปฏิบัติได้อย่างไร นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ สพฉ. จึงอยากให้ประชาชนเรียนรู้กระบวนการในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน ให้มีโอกาสในการรอดชีวิตมากขึ้น ด้วยการจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ด้วยการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจแบบอัตโนมัติ หรือ AED ขึ้น
โดยคู่มือดังกล่าว จะระบุรายละเอียดการเรียนรู้ขั้นตอนในการแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669 แนวทางในการให้การช่วยเหลือจากสายด่วน 1669 การเรียนรู้เรื่องระบบปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน การเรียนรู้เรื่องอาการฉุกเฉินกว่า 16 อาการ รวมไปถึงการเรียนรู้เรื่องการช่วยชีวิตฉุกเฉิน การเรียนรู้เรื่องการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน และเรียนรู้แผนผังการช่วยชีวิตฉุกเฉิน 10 ขั้นตอน พร้อมทั้งเรียนรู้การใช้งานเครื่องเออีดีด้วย
...
แผนผังการช่วยชีวิตฉุกเฉิน 10 ขั้นตอน มีดังนี้
1. ปลอดภัยไว้ก่อน โดยเมื่อเราจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยฉุกเฉิน จะต้องตรวจสอบความปลอดภัยของผู้เข้าให้ความช่วยเหลือก่อน ซึ่งถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ ตึกถล่ม ห้ามเข้าไปให้การช่วยเหลือโดยเด็ดขาด และหากประเมินแล้วว่า สถานการณ์ในการเข้าให้ความช่วยเหลือ ปลอดภัยต่อผู้เข้าให้การช่วยเหลือ ก็สามารถเข้าไปให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยได้
2. ปลุกเรียกตบไหล่ ตรวจสอบดูว่าผู้ป่วยหมดสติหรือไม่
3. โทร. 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ พร้อมกับนำเครื่องเอดีดีมา
4. ประเมินผู้หมดสติ โดยตรวจดูว่าผู้ป่วยหายใจหรือไม่ หากไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ต้องรีบกดหน้าอก
5. กดหน้าอกโดยจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงาย โดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างของผู้ป่วย วางส้นมือข้างหนึ่งตรงครึ่งล่างกระดูกหน้าอก และวางอีกข้างทับประสานกันไว้ แขนสองข้างเหยียดตรง โดยให้แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกผู้ป่วย และเริ่มกดหน้าอกผู้ป่วย
6. เมื่อเครื่องเออีดีมาถึงให้เปิดเครื่องถอดเสื้อผู้ป่วย ถ้าตัวเปียกน้ำให้เช็ดน้ำออกก่อน
7. ติดแผ่นนำไฟฟ้ากับตัวผู้ป่วย
8. ปฏิบัติตามคำแนะนำของเครื่องเออีดี
9. กดหน้าอกต่อหลังการช็อกไฟฟ้าด้วยเครื่องเออีดีแล้วทันที
10. ส่งต่อผู้ป่วยเมื่อทีมกู้ชีพมาถึง

...
ด้าน นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการของฟิลิปส์ประเทศไทย ผู้ที่อยากเสนอให้บรรจุหลักสูตรการช่วยชีวิตไว้ในตำราเรียน กล่าวว่า เราให้ความสำคัญกับ Health Care และโรคหัวใจเป็นอันดับหนึ่ง จากสถิติการเสียชีวิตที่น่าตกใจ และพุ่งทะยานเป็นอันดับ 3 ของสาเหตุการเสียชีวิตในประชากรไทย เราปฏิเสธไม่ได้ว่า โรคหัวใจเป็นโรคที่มีความซับซ้อนในการรักษา ทำให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาก็สูงขึ้นตามมา แน่นอนเราต่างเข้าใจเสมอมาว่า โรคนี้เป็นโรคของคนรวย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนก็สามารถเป็นได้ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ รวมไปถึงบรรดานักกีฬา หรือกับคนไม่เคยออกกำลังกายเลย
"เรื่องหัวใจวายเฉียบพลัน ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และไม่ใช่เรื่องไกลตัว บางคนเป็นนักกีฬา วิ่งเตะบอลอยู่ทุกวี่วัน วันดีคืนดี ก็หัวใจวายเฉียบพลันและเสียชีวิตลง ขณะที่หลายคนไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยแต่อย่างใด แต่กลับสิ้นลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ไม่ทราบสาเหตุเลย และคนข้างเคียงก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย จากนั้นแพทย์ส่วนใหญ่ก็ระบุว่า เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันแทบทั้งสิ้น นี่ไม่นับรวมผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งเราจะแก้ไขเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราอยากให้เรื่องการช่วยชีวิตผู้ที่เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นวาระแห่งชาติ เป็นวาระที่เราทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญกัน เราทุกคนจะได้สามารถช่วยชีวิตคนได้"
กับคำถามที่ว่า… ถ้ามีคนล้มฟุบอยู่ข้างหน้า ใครกันจะช่วยชีวิตเขาได้ แล้วเราจะสามารถช่วยได้อย่างไร แน่นอนอันดับแรกต้องมีความรู้ การกดหน้าอก การช่วยหายใจ ซึ่งอัตราการช่วยไม่สำเร็จยังถือว่ามีสูง เราจึงจำเป็นต้องมีเครื่องช่วยฟื้นคืนคลื่นหัวใจแบบอัตโนมัติ หรือ AED เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมากขึ้น เครื่อง AED หรือที่ย่อมาจาก Automated External Defibrillator คือเครื่องช่วยฟื้นคืนคลื่นหัวใจแบบอัตโนมัติ ความหมายตรงตัวทำหน้าที่ช่วยชีวิตคน ตามที่ สพฉ. ระบุไว้ในคู่มือ เราจำเป็นต้องรู้จักวิธีการใช้เจ้าเครื่องนี้กันแล้ว
...
ปัจจุบันเครื่อง AED ถูกติดอยู่ในพื้นที่หลายแห่ง พื้นที่สาธารณะ พื้นที่คนพลุกพล่าน จุดหรือสถานที่รวมตัว อย่างห้างสรรพสินค้า สนามบิน อยากบอกแบบนี้ว่า ถ้าเราเจอคนล้ม เรามีเวลาแค่ 4 นาที ในการช่วยชีวิตเขา ภายในเวลานี้จะต้องติดเครื่อง และทำตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้น เราจะสามารถช่วยชีวิตเค้าไว้ได้ แต่อย่างใดก็ตาม หลายคนจะเห็นเครื่องนี้ เกิดความกลัวเกรง ไม่กล้าหยิบใช้ เพราะเห็นว่าเป็นเครื่องทางการแพทย์ ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน บุคคลทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือนี้ได้แล้ว ขอแค่คุณรู้วิธีช่วยชีวิตพื้นฐาน
"ทางเราจะสนับสนุนให้เกิดการฝึกอบรมการทำ CPR และใช้เครื่อง AED กับยุวกาชาดมาโดยตลอด ซึ่งตอนนี้เรามีควรพยายาม อยากจะบรรจุเรื่องสำคัญนี้ในตำราเรียน เราอยากให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือชีวิตคน เราไปจับมือกับสมาคมแพทย์โรคหัวใจ เอาเครื่องมือไปสอน แต่เราไม่ได้มุ่งเน้นขาย ยี่ห้อใดก็ได้ มีจำหน่ายมากมาย เพราะความตั้งใจจริงของเรา คือให้คนตื่นรู้ อย่างในต่างประเทศทุกคนจะถูกเรียนรู้ในเรื่องนี้ เราจึงไปเทรนด์ให้กับองค์กรต่างๆ ด้วย หากใครต้องการรับความรู้เรื่องนี้เรายินดี แน่นอนเราไม่สามารถสอนการช่วยชีวิตเบื้องต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะเป็นผู้สอนคุณ"
จะดีแค่ไหน? ถ้าเราได้หยิบยื่นโอกาสในการรอดชีวิตให้ผู้อื่น จะดีแค่ไหน? ถ้าเราทำให้ครอบครัวเค้าไม่สูญเสีย จะดีแค่ไหน? ถ้าเค้าคนนั้นเกิดเป็นคนใกล้ตัวของเรา เรื่องของการจากลา ไม่มีใครอยากสัมผัส และไม่มีคำว่าพร้อม แต่ถ้าเรารู้วิชาช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไทยรัฐออนไลน์ ก็เห็นว่าจะดีไม่น้อย.