เผยข้อมูลเชิงลึกของชาวเน็ตในไทย หวังการเลือกตั้งใหญ่เป็นการปฏิรูปของประเทศ เผยเทรนด์ใหม่ “ฮีลใจ” สำคัญกว่าเงินทอง ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี

RealWatch Lab ฝ่ายวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลของ บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมและความคิดเห็นของชาวเน็ตทั่วประเทศผ่าน Social Listening ช่วงวันที่ 1-28 ธันวาคม 2568 พบว่าประเด็นที่คนไทยให้ความสำคัญและคาดหวังสูงสุดในปี 2569 คือเรื่อง “ทิศทางประเทศ” และ “คุณภาพชีวิต”

ความคาดหวังของชาวเน็ตไทย ที่อยากให้เกิดขึ้นในปี 2569


จากข้อมูลของ RealWatch Lab สรุปสาระสำคัญได้ว่า การปฏิรูปพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ครองอันดับหนึ่งของความคาดหวังทั้งหมดด้วยสัดส่วน 29 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 นอกจากนี้ยังมีความคาดหวังเรื่องการจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรม และการเพิ่มสวัสดิการอีก 28 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยความต้องการผู้นำที่เก่งและลงมือทำจริงอีก 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวเน็ตไทยมีความตื่นตัวทางการเมืองอย่างมาก

...

ด้วยกระแสการเมืองที่ร้อนแรงนี้ก็มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับวิกฤตปากท้องที่ประชาชนกำลังเผชิญ โดยรายงานจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยในปี 2568 พุ่งสูงถึง 740,596 บาท ต่อครัวเรือน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี และเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 22 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานภาวะสังคมไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พบว่า ในไตรมาสสองของปี 2568 มีภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 16.31 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 86.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ดังนั้น สภาวะหนี้ท่วมนี้กลายเป็นปัจจัยหลักที่ลดความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้

สุขภาพที่ดีและแข็งแรง ชาวเน็ตก็อยากได้


เมื่อพิจารณาในมิติของขวัญที่อยากได้ส่วนตัว พบว่า คนไทยให้ความสำคัญกับสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมาเป็นอันดับหนึ่งถึง 38 เปอร์เซ็นต์ โดยส่วนใหญ่โพสต์ความเห็นว่าต้องการสุขภาพจิตที่แข็งแรง มีใจที่สงบ และมีความคิดบวก ซึ่งสอดคล้องกับสถิติคนไทยจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ที่พบว่า คนไทยมีปัญหาด้านสุขภาพจิตสูงถึง 13.4 ล้านคนในปี 2568

นอกจากนี้ ยังไม่นับรวมถึงปัญหาสุขภาพในด้านอื่นๆ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม และสอดคล้องกับโครงสร้างประชากรของไทยในปัจจุบันที่เข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ปี 2567 โดยมีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งประเทศ และกำลังจะก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด โดยมีประชากรที่อายุเกิน 60 ปี คิดเป็นสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งประเทศในปี 2576 แต่ด้วยอัตราการเกิดใหม่ที่ลดลงตามรายงานของภาครัฐ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการที่จะมีสุขภาพที่แข็งแรงเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ

สำหรับของขวัญประเภทอื่นที่ติดอันดับยอดนิยม ได้แก่ เสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่อยู่ที่ 27 เปอร์เซ็นต์ และมื้ออาหารอร่อยกับครอบครัวที่ 16 เปอร์เซ็นต์ 

ที่น่าสนใจคือ "เงินทอง" กลับเป็นสิ่งที่คนอยากได้น้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 เพียง 9 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น สะท้อนว่าภายใต้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมผู้สูงอายุที่สมบูรณ์ คนไทยกลับให้ค่ากับการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพและการปฏิรูปโครงสร้างประเทศมากกว่าตัวเงินเพียงอย่างเดียว