เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา บรรยากาศ ณ สำนักงานใหญ่ “ไทยรัฐกรุ๊ป” เต็มไปด้วยความอบอุ่นและคึกคัก เมื่อเหล่าบุคคลสำคัญ ตัวแทนจากภาครัฐ และเอกชน ตบเท้าเข้าร่วมแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสครบรอบ 76 ปี และก้าวเข้าสู่ปีที่ 77 อย่างเนืองแน่น โดยมีคณะผู้บริหารไทยรัฐกรุ๊ปให้การต้อนรับ
...
วาระสำคัญนี้ไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองความสำเร็จขององค์กรสื่อ แต่ยังเป็นการรำลึกถึง นายกำพล วัชรพล อดีตผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งมีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 27 ธันวาคม ของทุกปี ท่านคือ “คนข่าว” ผู้ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก และเป็นเจ้าของอมตะวาจาที่ว่า “หนังสือพิมพ์อยู่ได้ด้วยศรัทธาของประชาชน เมื่อมีโอกาสควรตอบแทนประชาชน”
คำพูดดังกล่าวได้แปรเปลี่ยนเป็นการกระทำที่ยั่งยืนผ่าน “มูลนิธิไทยรัฐ” ที่ประจักษ์เป็นโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ทั้ง 111 แห่ง ที่ขับเคลื่อนอนาคตของชาติอย่างเงียบเชียบ แต่มั่นคงมากว่าครึ่งศตวรรษ
ดีเอ็นเอ "เด็กไทยรัฐ" เก่ง ดี และรู้เท่าทันสื่อ
ในวาระก้าวสู่ปีที่ 77 นี้ ทิศทางของมูลนิธิไทยรัฐกำลังก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ คือ การยกระดับภารกิจเพื่อให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ “ปั้นเด็กไทย สู่พลเมืองโลก”
จุดเริ่มต้นจากปณิธานของ ผอ.กำพล วัชรพล บุคคลสำคัญของโลกที่ต้องการให้เด็กยากจนมีโอกาสทางการศึกษา ได้ถูกสานต่อจนกลายเป็น "อัตลักษณ์" ที่เข้มข้นของลูกหลานชาวไทยรัฐวิทยา
คุณปัณฑาทิพย์ มงคลศรี ผู้จัดการมูลนิธิไทยรัฐ เล่าถึงรากฐานสำคัญว่า "เราเริ่มจากการสร้าง Identity หรือตัวตนให้เด็กๆ ผ่านการปลูกฝังเรื่องวินัย คุณธรรม ควบคู่กับการสนับสนุนให้เด็กมีทักษะ แสวงหาความรู้ ซึ่งเป็นดีเอ็นเอที่คุณกำพลมองว่าสำคัญ จนพัฒนามาเป็น 2 หลักสูตรบังคับที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยาทุกแห่งต้องมี คือ หลักสูตรหน้าที่พลเมืองดี เพื่อสอนให้เป็นคนดีของสังคม และ หลักสูตรสื่อมวลชนศึกษา ที่สอนให้เด็กรู้เท่าทันข่าวสาร ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทยรัฐ
...
คุณจิตสุภา วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ และกรรมการมูลนิธิไทยรัฐ ที่มุ่งมั่นสนับสนุนให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างเท่าเทียมและมีศักยภาพ
"ภาพรวมในช่วงปีที่ผ่านมาและทิศทางในปีหน้า ของมูลนิธิ คือ การยกระดับจากปริมาณ" สู่ "คุณภาพ" อย่างแท้จริง ภายใต้วิสัยทัศน์ของ คุณจิตสุภา วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ ที่มองว่าโลกเปลี่ยนไปเร็วมาก การให้ทุนการศึกษาแบบเดิมอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เด็กๆ แข่งขันได้ "โจทย์ใหญ่ของเราคือ เด็กไทยรัฐส่วนมากมาจากครอบครัวที่ขาดแคลน สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือความรู้ที่นำไปเลี้ยงชีพได้จริง" คุณปัณฑาทิพย์ ขยายความ " ดังนั้น ปีหน้าเราจะโฟกัสไปที่ Active Learning และ Lifelong Learning เราจะขยายความหมายของการให้ทุนที่กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ให้เงินค่าเทอม แต่คือทุนในการลงทุนด้านทักษะ'" ผู้จัดการมูลนิธิไทยรัฐ กล่าว
...
ติดอาวุธ "Active Learning" ให้เด็กมีกิน มีใช้ มีอาชีพ
แผนงานในปีหน้า มูลนิธิไทยรัฐจะมุ่งเน้นการสร้างทักษะที่จับต้องได้ โดยร่วมมือกับพันธมิตรด้านการศึกษาชั้นนำนำกระบวนการเรียนรู้สมัยใหม่เข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Project-Based Learning การเรียนรู้ผ่านโครงงาน, Gamification (การใช้เกมในการสอน) และ STEAM Education"เราต้องยอมรับว่า ปัจจุบันความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในห้องเรียน เราจึงต้องสำรวจว่าเด็กยุคนี้อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร แล้วเราส่งเสริมตรงนั้น เช่น เด็กสนใจเรื่องขายของออนไลน์ เรื่อง AI หรือภาษา เราก็จะจัดแคมป์หรือเวิร์กช็อปเรื่องนั้นๆ ให้เข้มข้น เพื่อให้เขามีสกิลติดตัวไปประกอบอาชีพได้จริง
...
นอกจากนี้ ยังมีการปักธงสร้าง "โรงเรียนต้นแบบ" ใน 4 ภูมิภาค โดยดึงศักยภาพของแต่ละโรงเรียนออกมาผ่านโปรเจกต์พิเศษ เช่น การร่วมมือกับ SCG ในเรื่องการจัดการขยะ (Waste Management) โดยใช้ชุดการเรียนรู้ (Tool Kits) ให้เด็กได้ลงมือทำจริง จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และสามารถแชร์องค์ความรู้นี้ไปยังโรงเรียนอื่นๆ ได้
เป้าหมายสูงสุดของไทยรัฐในทศวรรษใหม่นี้ คือการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องของ "โอกาสในการเข้าถึงอนาคต""ในฐานะมูลนิธิฯ เราต้องทำให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาตามโลกให้ทัน เพื่อไปดึงศักยภาพเด็กออกมา โจทย์ของเราท้าทายมาก คือทำอย่างไรให้เด็กที่ขาดแคลนเหล่านี้ พัฒนาตัวเองขึ้นมาเท่ากับคนอื่นให้ได้ แม้ต้นทุนชีวิตจะไม่เท่ากัน แต่เราต้องทำให้เขามีความรู้ที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เขาวิ่งทันโลกและเทคโนโลยีที่ไปไกลกว่าเดิม" คุณปัณฑาทิพย์ กล่าวทิ้งท้าย
ในวาระครบรอบ 76 ปี ของไทยรัฐ จึงไม่ใช่แค่ความภูมิใจในอดีต แต่คือคำมั่นสัญญาแห่งอนาคต ที่จะยังคงเป็น “ลมใต้ปีก” ให้เด็กไทยนับหมื่นคน บินสูงขึ้นและสง่างามในแบบของตัวเอง