อมรินทร์ ขาวงาม อดีตทหารพรานปี 2554 เปิดใจถึงความสำคัญของเนิน 350 จุดสูงข่มชี้ขาดเขตแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรำลึกวีรชนจ่าโก้-จ่าโบ้

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดเหนือแนวเขาพนมดงรัก ปฏิบัติการทวงคืนอธิปไตยรอบ “ปราสาทตาควาย” กลับมาเป็นจุดสนใจของคนไทยอีกครั้ง แต่ในสายตาของนักรบเก่า เป้าหมายที่ตัดสินผลแพ้ชนะไม่ใช่เพียงตัวปราสาทหิน แต่คือพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “เนิน 350” ซึ่งเปรียบเสมือนป้อมปราการธรรมชาติที่คุมชะตาผู้ที่อยู่เบื้องล่าง

ภูมิศาสตร์ “สูงข่ม” ป้อมปราการที่ยากจะเข้าถึง

ในทางภูมิศาสตร์ เนิน 350 คือพื้นที่ราบสูงที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร ตั้งอยู่บนแนวหน้าผาของเทือกเขาพนมดงรักซึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนธรรมชาติหรือ “สันปันน้ำ” ชัยภูมินี้มีนัยสำคัญยิ่งต่อการวางกำลัง เพราะเป็นจุดที่สามารถมองเห็นภูมิประเทศโดยรอบได้ครอบคลุม โดยเฉพาะการมองลงมายังปราสาทตาควายที่ตั้งอยู่ในชัยภูมิที่เสียเปรียบกว่า

อมรินทร์ ขาวงาม อดีตทหารพรานชุดปฏิบัติการในสมรภูมิตาควายปี 2554 สะท้อนภาพความยากลำบากของพื้นที่นี้ผ่านประสบการณ์ตรงว่า การขึ้นเนิน 350 เป็นเรื่องยากลำบากมาก เนื่องจากมีขวากหนาม มีสนามทุ่นระเบิดที่กัมพูชาสร้างขึ้นมาใหม่ตลอดเส้นทาง หากเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับการวิ่งขึ้นสู้กับคนที่อยู่บนจอมปลวก

“เขาอยู่บนจอมปลวก เราจะขึ้นจอมปลวก คนที่อยู่บนจอมปลวกย่อมได้เปรียบเราอยู่แล้ว เพราะเขายิงลง แต่เรายิงขึ้น เราต้องวิ่งด้วย เราต้องวิ่งเข้าใส่เป้าหมาย แต่เขาซึ่งอยู่ข้างบนเนี่ย เขาไม่ได้วิ่งใส่เป้าหมาย เขาอยู่ประจำที่”

ชัยภูมิ เนิน 350 ที่เปลี่ยนไปในปี 2568

ปัจจุบัน เนิน 350 ไม่ใช่เพียงเนินดินธรรมชาติ แต่กลายเป็นฐานที่มั่นที่มีความพร้อมสูงกว่าในอดีต ฝ่ายตรงข้ามใช้เวลาหลายปีในการสร้างบังเกอร์ อุโมงค์ และที่มั่นถาวร คุณอมรินทร์ตั้งข้อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงว่า

...

“เทียบปี 2568 กับปี 2554 ความพร้อมของเขามันต่างกัน เพราะเขามีความพยายามที่จะทำที่มั่นคง แข็งแรง ถาวรอยู่ ตั้งแต่ก่อนปี 2554 เขาไม่หยุด ถึงแม้จะไม่มีเหตุการณ์ เขาก็พยายามที่จะรุกคืบในพื้นที่ที่เขาต้องการจะเอาตลอดแนว”

ในมุมมองของเขาคิดว่าการยึดปราสาทตาควายได้ แต่ยึดเนิน 350 ไม่ได้ ก็คือเปล่าประโยชน์ เนื่องจากปราสาทตาควายที่ยึดได้ในตอนนี้ไม่มีที่กำบัง เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ใช้ระดมยิงอาวุธหนัก เช่น ปืนใหญ่ BM-21 เพื่อกดดันไม่ให้ฝ่ายไทยสามารถตั้งมั่นอยู่ที่ตัวปราสาทได้ โดยคุณอมรินทร์ระบุว่ามีการยิงตกหนักนับได้ถึง 9 ชุด เพื่อกดดันพื้นที่โดยรอบ

รำลึกวีรชน “จ่าโก้-จ่าโบ้” บทเรียนเลือดปี 2554

ย้อนกลับไปในการปะทะใหญ่เมื่อปี 2554 แม้กองทัพไทยจะแสดงแสนยานุภาพจนสามารถเข้าคุมสถานการณ์ได้ในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง (ตั้งแต่ 06.00 น. - 12.00 น.) แต่ความได้เปรียบของชัยภูมิสูงข่มบนเนิน 350 ก็ได้พรากชีวิตทหารกล้าไทยไปอย่างน่าเศร้า

คุณอมรินทร์เล่าถึงความสูญเสียในครั้งนั้นว่า กองร้อยของเขาต้องเสียกำลังพลไป 2 นาย คือ “จ่าโก้” และ “จ่าโบ้” ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจสำคัญว่า ตราบใดที่ศัตรูยังครองพื้นที่สูงข่มเหนือปราสาทตาควาย ทหารไทยที่อยู่เบื้องล่างจะตกอยู่ในความเสี่ยงตลอดเวลา และการยึดพื้นที่เพียงบางส่วนโดยไม่คุมจุดสูงข่มที่แท้จริง อาจนำมาซึ่งความสูญเสียที่ซ้ำรอยอดีตได้

ยึดเพื่ออธิปไตยที่สมบูรณ์

การผลักดันกำลังพลฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากแนวสันปันน้ำและเนิน 350 จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของชัยชนะทางทหาร แต่คือการสถาปนาแนวเขตแดนตามหลักสากลให้ถูกต้องตามอธิปไตยของไทยอย่างถาวร หากไทยไม่สามารถคุมเนินสูงนี้ได้ การรักษาอธิปไตยเหนือปราสาทตาควายที่อยู่เบื้องล่างก็จะเป็นไปอย่างยากลำบากและเสี่ยงต่อความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง