เคยไหม ซื้อมัตจะมาชงกินเองแล้วขมจนตาหยี หรือบางทีเอาผงเกรดแพงระยับไปทำเค้กแต่กลิ่นหายเกลี้ยง ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าเข้าใจลำดับชั้นของมัตจะ เพราะมัตจะไม่ได้เหมือนกันทั้งโลก สีเขียวเหมือนกัน แต่คาแรคเตอร์ และหน้าที่ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันแม้จะไม่มีเกณฑ์แบ่งตามกฎหมายตายตัว แต่ในวงการชาเขียวแบ่งเกรดตามช่วงเวลาการเก็บเกี่ยวและคุณภาพใบชา ไทยรัฐออนไลน์จึงชวนมาถอดรหัส 3 เกรดหลักที่คนรักชาเขียวต้องรู้ เพื่อให้ทุกจิบคุ้มค่าที่สุด

รวมประเภทมัตจะที่คนรักชาเขียวต้องรู้

Ceremonial Grade

Ceremonial Grade คือเกรดที่ดีที่สุด และแพงที่สุด ผลิตจากใบชายอดอ่อนใบแรกของการเก็บเกี่ยว ผ่านการโม่ด้วยหินแกรนิตอย่างช้าๆ เพื่อรักษาคุณภาพ มักจะมีสีเขียวสด สว่าง

โดยรสชาติของ Ceremonial Grade คือ จะนุ่มนวล ละมุน มีความอูมามิ กลมกล่อมคล้ายสาหร่าย/ซุปสูงมาก และแทบจะ “ไม่มีความขม” เลย โดยมัตจะเกรดนี้เหมาะสำหรับ ชงดื่มกับน้ำร้อนเพียวๆ (Usucha) แบบในพิธีชงชา เพื่อเสพรสชาติที่แท้จริง

ไม่ควรนำไปผสมนม น้ำตาล หรือทำขนม เพราะรสชาติที่ละเอียดอ่อนจะถูกกลบจนหมด และเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

Premium Grade

เกรดนี้คือน้องรองที่ขยับลงมาจาก Ceremonial สายบาลานซ์ มักเป็นใบชาจากการเก็บเกี่ยวรอบแรกหรือรอบสอง ผสมผสานกันเพื่อให้ได้รสที่เข้มข้นขึ้น โดยมักจะมีสีเขียวสวย แต่สว่างน้อยกว่าเกรดพิธีการเล็กน้อย

ส่วนรสชาติ มีความเข้มข้นของชาชัดเจนขึ้น เริ่มมีความฝาด นิดๆ ซึ่งเป็นข้อดี เพราะความฝาดนี้จะช่วย “ตัดเลี่ยน” เมื่อเจอกับนมหรือความหวานเหมาะแก่การทำเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่หลากหลาย เช่นการทำ Matcha Latte, Smoothies หรือเครื่องดื่มเย็นที่ใส่นม/นมข้าวโอ๊ต รสชาติจะสู้กับนมได้พอดี ไม่จม ไม่หาย

...

Culinary Grade

Culinary Grade ไม่ได้แปลว่าเกรดต่ำสุด หรือคุณภาพต่ำเสมอไป แต่มันคือมัตจะที่ผลิตจากใบชาที่โตเต็มวัย ทำให้มีบอดี้ที่หนักแน่น มักจะมีสีเขียวหม่น หรืออมเหลืองนิดๆ ไม่เขียวสดใส รสชาติขมชัด ฝาดนำ กลิ่นชาแรง

เกรดนี้เหมาะสำหรับ ทำขนม! เช่น เค้ก, คุกกี้, บราวนี่, ไอศกรีม หรือผสมในอาหาร เพราะความขมเข้มข้นนี้ จะยังคงรักษากลิ่นและรสชาเขียวไว้ได้ แม้จะโดนความร้อน หรือโดนกลบด้วยแป้ง เนย นม และน้ำตาล

ไม่แนะนำให้ชงดื่มกับน้ำเปล่า เพราะรสชาติที่ขมฝาดจัดจ้านอาจทำให้เสียอรรถรสหรือรู้สึกไม่สบายท้องได้