เปิดเทคนิคการจัดการภายในบ้าน ให้เอาตัวรอดจากวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ ตัดวงจรไฟดูด การทำชูชีพ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนจากของมีคม พร้อมวิธีอพยพสัตว์เลี้ยงไม่ให้จมน้ำ

เมื่อระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนถึงขั้นวิกฤต การตั้งสติและเตรียมพร้อมคือสิ่งสำคัญที่สุด ข้อมูลต่อไปนี้คือแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย ทั้งการจัดการสภาพแวดล้อมในบ้าน การประยุกต์ใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต และการดูแลสัตว์เลี้ยง เพื่อให้คุณและครอบครัวผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัย

จัดการจุดเสี่ยงในบ้านป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ก่อนที่น้ำจะมาถึงตัว หรือในขณะที่น้ำเริ่มท่วม สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากคือการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า และสิ่งของภายในบ้าน โดยสิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือ ระบบไฟฟ้า สิ่งที่ควรต้องทำคือการถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด และในกรณีที่หากระดับน้ำเริ่มสูง ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้บริเวณที่มีปลั๊กไฟ และถ้าทำได้ให้ “มาร์กจุด” ด้วยการทำสัญลักษณ์ หรือขีดเขียนตำแหน่งที่ตั้งของปลั๊กไฟเอาไว้บนผนังในระดับสายตา เพื่อเป็นการเตือนตัวเอง และคนในบ้าน ไม่ให้เผลอไปสัมผัส หรือเข้าใกล้จุดที่ปลั๊กไฟจมกับน้ำ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อไฟรั่ว 

ถังแก๊สให้มัดถังแก๊สโดยยึดติดกับเสาบ้านให้แน่นหนา หรือฐานที่มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ถังลอยไปตามน้ำแล้วกระแทกจนเกิดความเสียหาย หรือเกิดการรั่วไหลของแก๊ส

ในกรณีของมีคม ก็ต้องจัดการให้ดี ควรเก็บมีด กรรไกร หรืออุปกรณ์ช่างให้พ้นจากระดับน้ำ และเก็บอย่างมิดชิด เพราะหากน้ำท่วมสิ่งของเหล่านี้ อาจลอยสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ซึ่งอาจก่อให้เกิดบาดแผล และการติดเชื้อ จนกลายเป็นอุบัติเหตุซ้ำซ้อนตามมาได้

เตรียมถุงยังชีพฉุกเฉิน

...

ในส่วนถุงยังชีพฉุกเฉินเป็นสิ่งที่จะต้องเก็บในที่สูง เป็นที่แห้ง และพร้อมที่จะหยิบฉวยใช้งานได้ทันที โดยใส่ทุกอย่างลงในถุงซิปล็อกกันน้ำ ประกอบไปด้วย

  • ยาประจำตัว
  • โทรศัพท์มือถือ + แบตเตอรี่สำรอง
  • เอกสารสำคัญ / บัตรประชาชน / เงินสด
  • อาหารแห้ง / ขนมให้พลังงานสูง
  • ไฟฉาย
  • เสื้อผ้าสำรอง 1 ชุด
  • ถุงดำใบใหญ่ เอาไว้ใช้สารพัดประโยชน์ สำหรับใช้กันน้ำหรือสูบลมทำชูชีพได้

อุปกรณ์ช่วยลอยตัวเมื่อไม่มีชูชีพแบบ DIY

ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ไม่มีเสื้อชูชีพ สิ่งสำคัญคือการประยุกต์ใช้สิ่งของรอบตัวมาช่วยพยุงตัว โดยยึดหลักการง่ายๆ ว่า วัตถุใดที่มีอากาศอยู่ข้างใน ย่อมสามารถลอยน้ำได้

ในกรณีนี้ ให้ลองมองหาของใช้ในบ้านจำพวกถังน้ำที่มีฝาปิด แกลลอนเปล่า แผ่นโฟม กล่องพลาสติกแข็ง กะละมัง หรือแม้แต่ประตูไม้ และโต๊ะไม้ก็สามารถใช้เกาะเพื่อลอยตัวได้ 

นอกจากนี้เสื้อผ้าที่เราสวมใส่อย่างเสื้อเชิ้ตหรือกางเกงขายาวก็สามารถดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตได้ โดยการมัดปลายแขนหรือขาให้แน่นแล้วตีอากาศเข้าไปข้างในเพื่อใช้กอดพยุงตัว รวมถึงถุงดำใบใหญ่ หากสะบัดใส่อากาศให้เต็มแล้วมัดปากถุงให้แน่น ก็จะกลายเป็นทุ่นลอยน้ำแบบ DIY ได้

การเตรียมเส้นทางหนีและการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การวางแผนหาเส้นทางหนีทีไล่เอาไว้ให้รอบคอบ ในกรณีที่ ติดอยู่บนชั้นสองและไม่มีทางออกปกติ ให้ใช้เชือกหนาๆ (ถ้ามี) ผ้าปูที่นอน หรือผ้าม่านนำมามัดต่อกันให้แน่นเพื่อใช้โรยตัว สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผูกยึดกับเสาบ้านหรือโครงสร้างที่แข็งแรงเท่านั้น ห้ามผูกกับราวม่าน หรือชั้นวางของเด็ดขาดเพราะอาจหลุดร่วงได้ง่าย แต่ก็เป็นวิธีสุดท้ายหากไม่มีทางออกอื่นจริงๆ

เมื่อหาที่ปลอดภัยได้แล้ว ให้รวมตัวกันในจุดที่สูงที่สุดและส่งสัญญาณแจ้งพิกัด โดยการโบกสะบัดผ้าสีแดง เปิดไฟฉายกะพริบ หรือเคาะวัตถุโลหะให้เกิดเสียงดังเพื่อให้ทีมกู้ภัยสังเกตเห็น และเข้าถึงพื้นที่

การดูแลและเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง 

สำหรับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง เรื่องนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ ห้ามผูกสัตว์เลี้ยงไว้กับเสา รั้ว หรือสิ่งก่อสร้างที่ตายตัวเด็ดขาด เพราะหากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สัตว์จะไม่สามารถหนีได้และจมน้ำในที่สุด 

วิธีที่ถูกต้องคือการย้ายสัตว์ไปไว้ในกะละมัง หรือตะกร้า แล้วผูกติดกับวัตถุลอยน้ำ เช่น แกลลอน หากจำเป็นต้องล่ามโซ่ ให้ผูกสายจูงแบบหลวมๆ ติดกับวัตถุลอยน้ำที่เคลื่อนที่ได้ เพื่อให้สัตว์ลอยขึ้นตามระดับน้ำ และต้องดูแลให้อยู่ใกล้ตัวเจ้าของตลอดเวลา ส่วนสัตว์เล็กแนะนำให้ใส่กล่องพลาสติก วัตถุลอยน้ำ หรือกรงลอยน้ำแล้วผูกประคองไว้กับตัว

ระวังภัยแฝงและสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด 

นอกจากระดับน้ำแล้ว ยังต้องระวังภัยแฝงที่มาพร้อมกัน โดยเฉพาะสัตว์มีพิษอย่างงู ตะขาบ หรือแมงป่อง ที่มักหนีน้ำขึ้นมาบนที่แห้ง ให้เตรียมอุปกรณ์ที่ช่วยรักษาระยะห่าง เช่น ไม้กวาดด้ามยาว หรือไม้ถูพื้นไว้สำหรับปัดไล่เพื่อป้องกันตัว แต่ไม่ควรเข้าไปทำร้าย 

นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามสำคัญเพื่อความปลอดภัย คือห้ามใช้ของมีคมในน้ำ ห้ามแตะต้องปลั๊กไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปียกชื้น ห้ามว่ายน้ำทวนกระแส และห้ามปีนป่ายโครงสร้างที่ไม่มั่นคง เพราะอาจเกิดอันตรายซ้ำซ้อนได้

การเอาตัวรอดในนาทีวิกฤต 

ในกรณีที่สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตสูงสุดจนน้ำท่วมมิดหลังคา และจำเป็นต้องออกจากตัวอาคารให้ตั้งสติ และเกาะวัตถุลอยน้ำชิ้นใหญ่ที่สุดเท่าที่จะหาได้ ไม่ว่าจะเป็นประตู แกลลอน หรือโต๊ะ เพื่อพยุงตัวลอยน้ำให้นานที่สุด แล้วพยายามเคลื่อนตัวไปยังอาคารสูงหรือพื้นที่ที่มีโครงสร้างแข็งแรงกว่าเพื่อรอความช่วยเหลือต่อไป

...

ที่มา: สภานักศึกษา ม.อ. หาดใหญ่ • PSU Student Council Hat Yai Campus