ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ แนะสูตรชะลอสมองเสื่อม ได้แก่ กินปลา ปิด GPS และนอนให้พอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ เปิดเผยเคล็ดลับการดูแลสมองผ่าน 6 กิจวัตรประจำวันที่ทำได้จริง ยืนยันสมองมนุษย์สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต พร้อมตั้งเป้าเป็น Super-Ager หรือผู้สูงวัยที่มีความจำดีเยี่ยมเหมือนคนหนุ่มสาว
ดร.มาจิด โฟตูฮี (Dr. Majid Fotuhi) นักประสาทวิทยาผู้คร่ำหวอดในวงการวิจัยสมองมากว่า 30 ปี จากมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปคินส์ เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลสุขภาพสมองในวัย 50 ปลายๆ ผ่านบทสัมภาษณ์กับบิสซิเนส อินไซเดอร์ โดยระบุว่า ความเชื่อเดิมที่เปรียบสมองเป็นเสมือนคอมพิวเตอร์เก่า ที่เสื่อมสภาพตามกาลเวลานั้นเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อน แท้จริงแล้วสมองเป็นอวัยวะที่มีชีวิตและสามารถเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
ดร.โฟตูฮี ซึ่งกำลังจะมีผลงานหนังสือเล่มใหม่ The Invincible Brain ในปี 2026 ได้เปิดเผยกิจวัตร 6 ประการที่เขาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อมุ่งสู่การเป็น Super-Ager หรือผู้ที่มีสมรรถภาพทางสมองเทียบเท่าคนที่อายุน้อยกว่าหลายทศวรรษ ดังนี้
...
1. การออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
ดร.โฟตูฮี ระบุว่ากิจกรรมทางกายเป็นกุญแจสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของสมอง เขาจึงเริ่มต้นวันด้วยการออกกำลังกายแบบผสมผสานระหว่าง คาร์ดิโอ (Cardio) และ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) โดยมีตารางการปั่นจักรยานสัปดาห์ละ 60-80 ไมล์ เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความจำและการประมวลผล
2. ยึดวิถีการกินแบบเมดิเตอร์เรเนียน
เน้นการบริโภคอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป รับประทานอาหารไขมันต่ำ และไขมันดีจากปลา โดยหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และของทอด ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นการอักเสบในร่างกายและส่งผลเสียต่อสมรรถภาพทางสมอง
3. เสริมด้วยโอเมก้า-3
ในขณะที่ตลาดอาหารเสริมเต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงสมอง ดร.โฟตูฮี ชี้ว่ามีเพียง กรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA และ EPA เท่านั้นที่มีงานวิจัยรองรับอย่างหนักแน่นว่าช่วยปกป้องความจำและอารมณ์ได้จริง โดยเขาเลือกรับประทานในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
4. เรียนรู้สิ่งใหม่และเข้าสังคมสม่ำเสมอ
เพื่อรักษาความตื่นตัวของสมอง ดร.โฟตูฮี ใช้เวลาว่างในการทำกิจกรรมที่ท้าทาย เช่น การเล่นหมากรุก ซูโดกุ และไฮไลต์สำคัญคือ การเรียนเต้นรำกับภรรยาสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งช่วยฝึกทั้งสมอง ร่างกาย และทักษะทางสังคมไปพร้อมกัน
5. เลิกพึ่งพาเทคโนโลยีโดยไม่จำเป็น
เขาแนะนำให้ฝึกสมองด้วยเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เช่น การคิดเลขในใจแทนการใช้เครื่องคิดเลข หรือการไม่ใช้ GPS ในเส้นทางที่พอไปได้ เพื่อกระตุ้นส่วนของสมองที่ทำหน้าที่จดจำทิศทาง เปรียบเสมือนการบริหารกล้ามเนื้อสมองไม่ให้ฝ่อลีบ
6. การนอนหลับและการจัดการความเครียด
...
ดร.โฟตูฮี ให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่มีคุณภาพ เพื่อให้สมองได้เข้าสู่กระบวนการชะล้างสารพิษ เช่น โปรตีน Amyloid ที่สัมพันธ์กับโรคอัลไซเมอร์ ออกจากระบบประสาท พร้อมทั้งเน้นย้ำเรื่องการปรับทัศนคติเพื่อลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของความจำ
ที่มา: Business Insider