“มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านสุขภาพทุกช่วงวัย: จากการป้องกันสู่การแพทย์ที่แม่นยำ” คือแก่นสารที่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ประกาศในการประชุมวิชาการประจำปี BDMS Academic Annual Meeting 2025 ภายใต้แนวคิดหลัก “Striving for Healthcare Excellence Across the Lifespan: From Prevention to Precision Medicine” ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุม BDMS Connect Center ระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน 2568 

การประชุมวิชาการครั้งนี้ ได้นำเสนอวิสัยทัศน์และแนวปฏิบัติทางการแพทย์ขั้นสูง โดยมีผู้นำองค์กรและผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ในประเด็นสำคัญ ตอกย้ำพันธกิจในการพัฒนาและยกระดับศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเผยให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่ BDMS ใช้ขับเคลื่อนมาตรฐานทางการแพทย์ของไทยสู่ระดับสากล ด้วยการผนวกเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการสร้างเครือข่ายการแพทย์ที่แข็งแกร่ง 

AI คือเครื่องมือสนับสนุนสู่ความเป็นเลิศของ BDMS

พญ.ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหารอาวุโส กลุ่ม 1 BDMS ได้นำเสนอวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “BDMS’s Vision for an Artificial Intelligence-Enabled Future” ย้ำเป้าหมายในการเป็น Top 3 Healthcare Provider ของเอเชียแปซิฟิก

“BDMS กำลังพัฒนา Ecosystem ด้านสุขภาพ ที่ครอบคลุมทั้งการรักษา การป้องกัน และการดูแลสุขภาพนอกโรงพยาบาล (Home care) โดยอาศัยบุคลากรและพันธมิตรหลากหลายกลุ่ม เช่น เครือข่ายร้านขายยา โรงงานยา Health Start-up เพื่อสร้างระบบที่เชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพสูงสุด และนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนกลยุทธ์องค์กรในระยะ 5–10 ปี ครอบคลุมทั้ง Operation Efficiency, Clinical Effectiveness, Patient Engagement และ Risk Mitigation”

ทั้งนี้ BDMS ได้นำ AI มาประยุกต์ใช้ในองค์กรตั้งแต่ปี 2018 ทั้งในหน้าบ้านและหลังบ้าน อาทิ การปรับปรุง Operation, Cost, Product และ Business Development เพื่อสร้าง Value-based Healthcare การแปลผลเอกซเรย์ปอดเพื่อให้เกิดความแม่นยำและความรวดเร็ว ลดความผิดพลาดในการแปลผล และล่าสุดได้นำ AI มาช่วยในการแปลผลเอกซเรย์เต้านม (แมมโมแกรม) ในบางโรงพยาบาล เพื่อขยายวงกว้างในการแปลผลให้มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนา AI ที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ    

“เราได้มีการรวบรวมข้อมูลและทรัพยากรอย่างเป็นระบบ แยกหน้าที่ทีมที่ทำงานเชิงรุกและทีมที่คอยดูแลความเสี่ยง เพื่อให้การใช้ AI และข้อมูลเกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนสร้างระบบดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนบนพื้นฐานความรับผิดชอบและความปลอดภัยของข้อมูล โดยเราจะนำข้อมูลของเราที่มีอยู่มากมายจากการทำงานในทุกวัน รวมทั้งข้อมูลทางคลินิกมาพัฒนา AI ซึ่งข้อมูลของคนไทย จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดการพัฒนาในการดูแลสุขภาพในทุกๆ ด้านให้ดีขึ้น”

Open Source และความปลอดภัยเพื่อ AI ในสาธารณสุข

ต่อเนื่องสู่มิติการพัฒนา AI ระดับสากล ด้วยการบรรยายของ ศาสตราจารย์จอร์จ คาร์โดโซ จาก King’s College London ในหัวข้อ “The London Artificial Intelligence Centre Ecosystem: From Open-Source Framwork to Federated Learning” (ระบบนิเวศของศูนย์ปัญญาประดิษฐ์แห่งลอนดอน: จากกรอบการพัฒนาแบบเปิดสู่การเรียนรู้แบบกระจายศูนย์) ที่ได้ยกตัวอย่างการจัดตั้ง AI Centre ซึ่งเชื่อมโยงกับโรงพยาบาล 10 แห่งในกรุงลอนดอน สามารถรองรับผู้ป่วยได้กว่า 20 ล้านคน พร้อมเน้นย้ำว่า AI ควรเป็นกลไกในการลดช่องว่างทางการแพทย์ และช่วยให้คุณภาพการดูแลสุขภาพที่ดีสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วถึงมากขึ้น 

“สุขภาพถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อประชากรโลก ซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ซ (Open Source) จึงเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งเป็นพื้นฐานของอัลกอริทึมและระบบ AI ที่เรากำลังสร้างอยู่ ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ที่ยังคงมีช่องว่างทางการแพทย์อยู่มาก ระหว่างสถานพยาบาลชั้นนำกับพื้นที่ที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ ซึ่ง AI สามารถช่วยให้คุณภาพการดูแลรักษาที่ดีสามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วถึงมากขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยยกระดับคุณภาพการรักษาในสถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีนี้อยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย”

ศาสตราจารย์จอร์จได้กล่าวอีกว่า การใช้ AI ในการดูแลชีวิตผู้ป่วยนั้นต้องมีความรอบคอบ “AI ในวงการสาธารณสุขจะเป็นกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไป แต่ในขณะเดียวกันก็ทรงพลังอย่างมาก เราจำเป็นต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วย และทุกสิ่งที่เราทำต้องอยู่ในกรอบของความปลอดภัย”

ตลอด 5 วันของงานประชุมวิชาการ BDMS Academic Annual Meeting 2025 คือการยืนยันวิสัยทัศน์ของ BDMS ในการเป็นผู้นำด้านการแพทย์ครบวงจร และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก ด้วยการนำ AI มาใช้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ผนวกกับการสร้างเครือข่ายการแพทย์เฉพาะทางที่เข้มแข็ง โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยและผู้คนทั่วโลกอย่างยั่งยืน