ประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่ "สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์" (Complete Aged Society) อย่างเป็นทางการ พูดให้ชัดคือ ทุกวันนี้ 1 ใน 5 ของคนไทย (กว่า 20%) คือผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และตัวเลขนี้กำลังพุ่งทะยานไม่หยุด
คาดการณ์ว่าภายในปี 2576 หรืออีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า ไทยจะกลายเป็น "สังคมสูงวัยระดับสุดยอด" (Super Aged Society) ที่มีผู้สูงอายุมากถึง 30% ของประเทศ
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ "เราจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน" แต่คือ "เราจะสูงวัยอย่างไรให้มีคุณภาพ" ซึ่งแน่นอนว่าค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนทั่วไปอาจอยู่ที่ราว 78 ปี แต่ปัจจุบันก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งบนโลกที่อายุทะลุ 100 ปีได้อย่างสบายๆ แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มีความสูงวัยอย่างมีคุณภาพและความสุข
คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่ยาราคาแพง แต่อยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า "Blue Zones (บลูโซน)" ซึ่งเป็น 5 พื้นที่มหัศจรรย์ทั่วโลก ที่ทีมนักวิจัยจาก National Geographic ค้นพบว่ามีประชากรที่อายุยืนยาวที่สุดและมีอัตราการป่วยเรื้อรังต่ำที่สุด ได้แก่ ซาร์ดิเนีย, อิตาลี ที่มีผู้ชายอายุ 100 ปี มากที่สุดในโลก, โอกินาวา, ญี่ปุ่น สถานที่ที่มีผู้หญิงอายุยืนที่สุดในโลก อิคาเรีย, กรีซ ประเทศที่มีอัตราการตายวัยกลางคนและภาวะสมองเสื่อมต่ำที่สุด นิโคยา, คอสตาริกา ประเทศที่มีอัตราการตายวัยกลางคนต่ำที่สุด และ โลมาลินดา, แคลิฟอร์เนีย กลุ่มที่อายุยืนกว่าค่าเฉลี่ยของชาวอเมริกัน 10 ปี
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการค้นพบว่า "ยีน" หรือพันธุกรรม มีผลต่ออายุขัยของเราเพียง 20% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 80% คือ "วิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อม" และนี่คือ 9 วิถีชีวิตและนิสัยที่คนใน Blue Zones ทำเหมือนกัน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ
9 นิสัยง่ายๆ ที่ทำให้อายุยืนอย่างมีคุณภาพ จากคนที่อายุยืนที่สุดในโลก
...
1. การขยับแบบไม่ตั้งใจ
สังเกตรอบๆ ตัว คนอายุยืน ส่วนใหญ่เขาไม่วิ่งมาราธอนหรือยกเวทหนักๆ แต่พวกเขามีวิถีชีวิตและพฤติกรรมที่ทำให้เคลื่อนไหวตลอดวัน เช่น เดินไปซื้อของ ทำสวนด้วยมือ หรือทำงานบ้านเองโดยไม่พึ่งเครื่องจักร
2. กฎอิ่ม 80%
การกินให้อิ่มแต่พอดี เป็นการกินอย่างมีคุณภาพอย่างหนึ่ง โดยชาวโอกินาวามีคติว่า "ฮาระ ฮาจิ บุ" คือ กินให้อิ่มแค่ 80% เว้นช่องว่าง 20% ในกระเพาะ นี่คือจุดชี้ขาดระหว่าง "น้ำหนักลด" กับ "น้ำหนักเพิ่ม"
3. เน้นกินพืช-ถั่ว
น่าสนใจอย่างมาก เพราะอาหารหลักของคนอายุยืนยาว คือ "ถั่ว" หลากชนิด เพราะจริงๆ แล้วถั่วเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี และย่อยง่าย ซึ่งเป็นมิตรทั้งร่างกาย และสุขภาพส่วนอื่นๆ โดยปกติ คนสูงอายุส่วนใหญ่กินเนื้อสัตว์น้อยมาก เฉลี่ยเพียงเดือนละ 5 ครั้ง
4. จิบไวน์พอเข้าสังคม มีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม
แม้ว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมดไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ทำให้สุขภาพยืนยาว แต่การจิบไวน์ระดับกลาง (โดยเฉพาะไวน์แดง) เป็นกุญแจสำคัญเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีอย่าง "เรสเวอราทรอล" อย่างไรก็ตาม ความสำคัญ คือ "บริบทการดื่ม" เสียมากกว่า เพราะวัฒนธรรมของกลุ่มคนอายุยืนไม่ได้ดื่มเพื่อเมา แต่ดื่ม 1-2 แก้ว พร้อมมื้ออาหารกับเพื่อนฝูง เพื่อเข้าสังคม ดังนั้น ประโยชน์ที่แท้จริงจึงอาจมาจาก "การลดความเครียด" และ "ความสัมพันธ์ทางสังคมที่แน่นแฟ้น"
5. อิคิไก
อิคิไก (Ikigai) เป็นแนวคิดจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะโอกินาวา ที่แปลว่า "เหตุผลของการมีชีวิตอยู่" หรือ "ความสุขที่ทำให้คุณอยากตื่นนอนในทุกเช้า" มันไม่ใช่แค่การตั้งเป้าหมายทั่วไป แต่คือจุดตัดที่ลงตัวของ 4 องค์ประกอบสำคัญในชีวิต ได้แก่ สิ่งที่คุณรัก สิ่งที่ถนัด สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่เป็นรายได้ให้คุณ
6. หาเวลาเบรกความเครียด
เครียดได้ แต่ต้องคลายให้เป็น คนอายุยืนก็เครียด แต่พวกเขามี กิจวัตรประจำวันเพื่อคลายเครียด เช่น ชาวอิคาเรียจะงีบหลับในตอนบ่าย หรือชาวซาร์ดิเนียมีแฮปปี้อาวร์ แม้ชาวโอกินาวาจะใช้เวลาสงบนิ่งเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษ ทั้งหมดเป็นการหาเวลาพักสมองในทุกวันเพื่อผ่อนคลาย โดยเราสามารถทำได้ เช่น การสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือแค่งีบก็ช่วยได้อย่างมหาศาล
7. ครอบครัวเป็นอันดับหนึ่ง
แน่นอนว่า "ครอบครัว" คือเครือข่ายความปลอดภัยทางอารมณ์และร่างกายที่สำคัญที่สุด เริ่มจากการสร้างบ้านที่มีความสุข ข้ามรุ่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน เช่น "ปู่ย่าตายาย" สามารถช่วยเลี้ยงหลาน ซึ่งลดความเครียดให้พ่อแม่, ลดความเสี่ยงโรคให้เด็ก หรือแม้กระทั่ง "คู่ชีวิต" ที่คอยสนับสนุนพฤติกรรมสุขภาพที่ดีให้แก่กัน ลดความเหงา ส่วน "ลูกหลาน" คือ หลักประกันความมั่นคงในบั้นปลาย ลดความกังวลในอนาคต ทั้งหมดนี้สร้างสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเครียดเรื้อรัง และความโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้อายุยืนยาว
8. สังกัดชุมชนความเชื่อ
"การสังกัดชุมชนความเชื่อ" แท้จริงแล้วคือพลังของ "การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม" และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นวัคซีนต้านความเหงาและความโดดเดี่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงร้ายแรงเทียบเท่าการสูบบุหรี่ การเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเป็นประจำ เช่น 4 ครั้งต่อเดือน ยังช่วยสร้างกิจวัตรที่ "ลดความเครียดเรื้อรัง" เพราะเป็นที่พึ่งทางใจ และยังถูก "เหนี่ยวนำ" โดยค่านิยมของกลุ่มให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้น เช่น ไม่ดื่ม ไม่สูบ ดังนั้น การมีอายุยืนยาวขึ้น 4-14 ปี จึงเป็นผลรวมอันทรงพลังของสุขภาพจิตที่แข็งแกร่ง สุขภาพกายที่ดี และการมีเครือข่ายสังคมที่คอยเกื้อหนุน
...
9. คบกัลยาณมิตรที่ใช่
การคบกัลยาณมิตรที่ใช่ คือ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่สุดของการมีอายุยืน เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า พฤติกรรมสุขภาพนั้นติดต่อกันได้ ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความอ้วน หรือแม้แต่ความเหงา แนวคิดนี้เห็นได้ชัดจาก “โมอาย (Moai)” ของชาวโอกินาวา ซึ่งคือกลุ่มเพื่อนสนิท 5 คนที่มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตลอดชีวิต ดังนั้น การเลือกแวดล้อมตัวเองด้วยคนที่ใช้ชีวิตในทางบวกและมีสุขภาพดี จึงเปรียบเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ที่จะช่วยเหนี่ยวนำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุยืนยาวตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
การจะมีอายุถึง 100 ปี อาจต้องพึ่ง "โชค" เรื่องพันธุกรรมอยู่บ้าง แต่พวกเราอาจมีความสามารถที่จะมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี ได้แบบแข็งแรง และแทบไม่มีโรคเรื้อรัง หากเราเริ่มปรับใช้วิถีชีวิตแบบ "Blue Zones" ตั้งแต่วันนี้ เพราะในวันที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด 9 นิสัยง่ายๆ เหล่านี้ คือคำตอบที่ดีที่สุดของการ "สูงวัยอย่างมีคุณภาพ"
ข้อมูล : bluezones