ศาสตร์แห่งการมีอายุยืนยาว หรือ "Longevity" กำลังกลายเป็นกระแสหลักที่คนทั่วโลกจับตามอง แต่นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์สุขภาพธรรมดาที่มาแล้วก็ไป นี่คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ จากเดิมที่เราสนใจแค่ "Lifespan" การมีชีวิตที่ยืนยาว ไปสู่การโฟกัสที่ "Healthspan" หรือแนวคิดการยืดขยายช่วงเวลาที่ร่างกายยังมีสุขภาพดีอย่างเต็มศักยภาพ พูดง่ายๆ คือ เป้าหมายใหม่ไม่ใช่แค่การ "อยู่ให้รอด" แต่คือการ "อยู่ให้ดีที่สุด" ไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย โดยเปลี่ยนกรอบความคิดจากการ "ป่วยแล้วค่อยรักษา" ไปสู่การ "ป้องกันเชิงรุกและเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย"
ปรากฏการณ์ Longevity นี้ถูกขับเคลื่อนด้วยความก้าวหน้าทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ (Bio-tech) ที่ทำให้เรา "วัดผล" สุขภาพได้ลึกถึงระดับเซลล์ ประกอบกับความตื่นตัวของผู้คนที่ไม่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายไปกับการเข้าโรงพยาบาล
...
กระแสนี้กำลังถูกจุดติดอย่างจริงจัง โดยหลากหลายบุคคลที่ลุกขึ้นมาออกแบบชีวิตตัวเองใหม่ และหนึ่งในผู้บุกเบิกที่ส่งเสียงดังที่สุดในเรื่องนี้ คือ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วู้ดดี้ เวิลด์ จำกัด และ Content Creator ผู้เปลี่ยนผ่านจากคนทำงานหนักที่เคย "น็อกเอาต์" สู่การเป็นไอคอนของการมีสุขภาพที่ยั่งยืน
ไทยรัฐออนไลน์ จึงได้มีโอกาสพูดคุยกับ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ถึงเส้นทางการ "ออกแบบชีวิต" ใหม่ จากการดูแลสุขภาพตามกระแส สู่การลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดในทุกช่วงวัย
Longevity เป็นเพียง "กระแส" ที่มาแล้วก็ไป หรือคือ "ไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต" ที่คนยุคใหม่ต้องทำเป็นเรื่องปกติ
วู้ดดี้ แสดงความเชื่อมั่นอย่างเต็มว่า “นี่คือ ‘ปรากฏการณ์ที่เป็นไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต’ อย่างแท้จริง มันเกิดขึ้นจากความต้องการเห็นภาพใหม่ของชีวิตที่ยั่งยืน คนเริ่มตระหนักแล้วว่าความสำเร็จทางการเงินเพียงอย่างเดียวไม่พอ หากไม่มีสุขภาพที่ดีรองรับ"
"เรื่องนี้มีผลมาจากหลายๆ ปัจจัยในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น เทรนด์การทำงานในอนาคต การมาของเทคโนโลยี AI ที่จะเข้ามาช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น จะทำให้คนเหนื่อยน้อย คิดน้อย เครียดน้อย และมีเวลาคิดถึงสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริม Longevity ว่าอาจจะไม่ใช่กระแส แต่เป็นปรากฏการณ์ที่คนจะได้หันมาใส่ใจชีวิตมากขึ้นหลังจากนี้"
วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ยังได้สรุป "แก่น" หรือ "หัวใจสำคัญ" ที่สุดของเรื่องนี้ ที่อยากให้คนไทยเข้าใจอย่างถ่องแท้ไว้ 3 ข้อ ซึ่งนั่นก็ คือ ความชราคือความป่วย วู้ดดี้ย้ำว่า “ความชราไม่ได้แปลว่าความแก่ตามธรรมชาติ แต่คือ ‘ความป่วย’ รูปแบบหนึ่ง เมื่อสารต่างๆ ในร่างกายยังเด็ก ร่างกายไม่เกิดการอักเสบ และมีการ Refresh ตลอดเวลา คุณก็จะยังดูอ่อนเยาว์และมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ"
หัวใจของ Longevity คือ การซ่อมแซมก่อนจะพัง นี่คือการที่เราจะ "ระวังกันมากเพื่อที่จะไม่ไปซ่อมในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารให้เป็นยา และดูแลร่างกายให้ซ่อมแซมตัวเองก่อนที่จะสายเกินไป และท้ายที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบาลานซ์สุขภาพกายและจิตให้มันเท่ากันเพื่อความสมดุลในชีวิต" โดยทั้งสองส่วนเชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพถึงกันอย่างแยกไม่ออก วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา กล่าวเรื่องของเทรนด์ Longevity ได้อย่างน่าสนใจ
โดยนอกจากเรื่องเทรนด์สุขภาพ Longevity ในมุมมองของ วู้ดดี้ วุฒิธรแล้ว โอกาสนี้จึงชวนทุกคนมาร่วมถอดรหัสความคิด และเคล็ดลับของ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ แนวหน้าเมืองไทย ว่าอะไร คือ จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้ Longevity นั้นเป็นไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต ที่ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราวของชีวิตเขาอีกต่อไป
...
Wake-up Call จุดเปลี่ยนสู่การออกแบบชีวิตของ วู้ดดี้ วุฒิธร
ภาพจำของ วู้ดดี้ วุฒิธร ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือพิธีกรและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มากล้นด้วยเอเนอจี้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ และใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง แต่ภาพของเขาในวันนี้ กลับกลายเป็นผู้นำเทรนด์ด้าน Longevity ที่ลุ่มลึก สุขุม และมุ่งมั่นกับการออกแบบชีวิตให้อายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ
การเปลี่ยนแปลงที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือนี้ ทำให้หลายคนสงสัยว่า อะไรคือ 'Wake-up Call' ครั้งสำคัญที่สั่นสะเทือนชีวิตเขา อะไรที่ทำให้ชายผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่ตามกระแส แต่ถึงขั้นศึกษาอย่างจริงจังเพื่อผลักดันให้มันกลายเป็น “ไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต” ของคนไทย วันนี้
วู้ดดี้ เล่าถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญว่า “เกิดขึ้นเมื่อผมส่องกระจกและไม่ชอบตัวเองในวันนั้น เพราะ นอนน้อย น้ำหนักขึ้น ร่างกายไม่สมบูรณ์" วู้ดดี้ ได้ถามกับตัวเองว่า "เราจะเป็นแบบนี้ไปจนตายเหรอ?"
คำตอบดังกล่าว กลายเป็น "Wake-up Call" ที่ทำให้ตระหนักได้ว่า แม้จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ทุกอย่าง แต่หากร่างกายไม่มีประสิทธิภาพ ก็ไม่สามารถทำอะไรที่มีความสุขได้เลยในบั้นปลายดังนั้นจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตครั้งใหม่
"ผมเลยเริ่มหันมาดูแลตัวเองด้วยอะไรง่ายๆ ที่ทำทุกวันได้ เช่น “การเดินเจ็ดพันก้าว แบ่งเดินแบบไมโครวอร์ก การเลือกกินดี และอะไรก็ตามที่คิดว่ามันดีต่อชีวิต ผมจะทำมันให้มันนานที่สุด"
จากนั้นก็เริ่มลงมือทำอย่างต่อเนื่อง จึงค้นพบ "สมการเคล็ดลับที่ค้นหาจากหลายๆ คน มาโดยตลอดว่าทำยังไงให้ยั่งยืน นั่นก็คือ การทำซ้ำๆ ต่อเนื่องจนกลายเป็นนิสัย" และนั่นคือหัวใจของการออกแบบชีวิตให้ยั่งยืน ไม่ใช่แค่การทำแบบกิมมิก ที่จะกลับไปทุกข์เหมือนเดิม
...
กิจวัตรประจำวันสำคัญที่สุด เคล็ดลับในการเปลี่ยนสุขภาพตัวเองอย่างยั่งยืน
เมื่อพูดถึงการออกแบบชีวิตใหม่ หลายคนมักตั้งคำถามว่า "ต้องเริ่มจากตรงไหน" และอะไรคือสิ่งที่ส่งผลกระทบมากที่สุด เราเชื่อว่านี่คือคำถามแรกๆ ที่คนที่อยากเริ่มต้นปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองแบบวู้ดดี้กำลังมองหา
โดย วู้ดดี้ วุฒิธร ได้สรุปเคล็ดลับทั้งหมดให้เหลือเพียง 3 กิจวัตรประจำวันที่เขาคิดว่า "สำคัญที่สุด" และ "ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน" 3 อย่าง คำตอบนั้นประกอบไปด้วย
การนอน วู้ดดี้ เล่าว่า “การนอนถือเป็นเรื่องที่ควรจัดการมากที่สุด เพราะการนอนดี และสม่ำเสมอคือการซ่อมแซมร่างกายที่ดีเยี่ยมที่สุด ส่งผลต่อความจำ สมอง อารมณ์ การเผาผลาญ และการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งทำให้อ่อนเยาว์” นอกจากนี้ อารมณ์ และการฝึกจิต เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ "การบริหารจัดการความเครียดสำคัญเท่ากับการดูแลร่างกาย ความเครียดเป็นบ่อเกิดของหลายโรคแพนิก ซึมเศร้า รวมถึงการฝึกจิตทำให้จิตแข็งแกร่ง เพราะเราต้องจัดการกับอารมณ์ จิตเราต้องแข็งมากๆ"
...
ส่วนสิ่งที่ฝากอีกเพิ่ม คือเรื่องของ อาหาร "เพราะอาหารคือยา สภาพร่างกายเป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เรากินเข้าไป เราต้องมีสติในการกิน ถามตัวเองว่า ‘ฉันหิว หรือฉันแค่อยาก’ ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ เพราะเรารู้แก่ใจว่าอะไรดีหรือไม่ดี” วู้ดดี้ กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
ถอดรหัส "ชั่วโมงทองคำ" กิจวัตรยามเช้าที่ชาร์จแบตชีวิตของ วู้ดดี้ วุฒิธร
นอกเหนือจาก 3 เสาหลักที่เล่ามา วู้ดดี้ยังได้แชร์เทคนิคและกิจวัตรที่เขาทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูแลตัวเอง โดยเฉพาะ "เคล็ดลับชั่วโมงทองคำ" ซึ่งเป็นรูทีนส่วนตัวที่เขาทำทุกวันเพื่อป้อนสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง ก่อนที่จะออกไปเผชิญโลก
วู้ดดี้ วุฒิธร เผยว่า "ช่วง 6-7 โมงเช้า คือ ชั่วโมงทองคำ ที่ใช้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างสิ้นเชิง นี่คือกิจวัตรที่ออกแบบมาเพื่อดูแลทั้งกายและใจอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการปลุกร่างกาย และล้างพิษ ด้วยการเริ่มต้นวันด้วยการดื่มน้ำ 1 ลิตรทันที ตามด้วยการชงมัทฉะ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่เขาหันมาพึ่งพาแทนกาแฟ" วู้ดดี้ ได้ย้ำว่า “การเลิกกาแฟและแอลกอฮอล์ คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อาการแพนิกหายไป ดังนั้นการดื่มชามัทฉะ จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เข้ามาทดแทนได้ดี แถมยังดีต่อสุขภาพ”
ฝึกจิต และฟื้นฟูเซลล์ หลังจากปลุกร่างกายแล้ว วู้ดดี้ ได้เล่าต่อว่า “การฝึกหายใจ ทำสมาธิ หรือก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยการลง Ice Bath ซึ่งผมเปรียบมันคือ ‘การวิปัสสนาในแบบของผม’ ควบคู่ไปกับการ ฉายแสงสีแดง Red Light Therapy เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายในระดับเซลล์ในตอนเช้า”
หลังจากนั้น ก่อนจะออกไปใช้ชีวิตเจอกับความวุ่นวาย วู้ดดี้ เล่าให้ฟังถึงวิธีคิดอันน่าสนใจว่า "ผมมักจะตั้งเป้าหมายอารมณ์ของวันก่อนเสมอ เช่น วันนี้เราจะเมตตา วันนี้เราจะอารมณ์ดี หรือ เราจะไม่โกรธ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในทั้งวัน" พร้อมทิ้งท้ายด้วยกฎเหล็กข้อสุดท้าย คือ การเปิดมือถือเป็นสิ่งสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงการรับความเครียดจากโลกโซเชียลในทันทีที่ตื่น และเป็นการรักษาพลังงานบวกที่เพิ่งสร้างมา
เห็นได้ว่า กิจวัตรของวู้ดดี้ วุฒิธร ไม่ได้มีแค่การดูแลร่างกายแต่การบริหารจิตใจ คือส่วนที่เขาให้ความสำคัญอย่างชัดเจน ทั้งการตั้งโปรแกรมจิต และการปกป้องพลังงานบวกจากความเครียดดิจิทัล นี่คือการตอกย้ำว่าในศาสตร์แห่ง Longevity สุขภาพจิต อาจเป็นตัวแปรที่สำคัญไม่แพ้การดูแลร่างกายเลยทีเดียว
สุขภาพจิต ส่วนสำคัญของพลังขับเคลื่อนชีวิตที่ยืนยาว
ประเด็นด้าน "สุขภาพจิต" เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะพูดคุย ต่อกับวู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา โดยทั้งหมดเป็นสิ่งที่วู้ดดี้เน้นย้ำเสมอว่า "หัวใจสำคัญคือการบาลานซ์ สุขภาพกาย และจิตให้มันเท่ากัน เพราะ เมื่อร่างกายดี ใจก็ดีตาม เมื่อใจดี อารมณ์ก็ดี เมื่อทุกอย่างดี อะไรก็ดีไปหมด”
กิจกรรมง่ายๆ ที่ วู้ดดี้-วุฒิธร อยากฝากให้ลองทำดู สำหรับคนที่สนใจ พัฒนาสุขภาพจิตให้ดีขึ้น คือ "หากิจกรรมที่ทำให้เราออฟโซเชียล ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าว ออกกำลังกาย ให้ทำโดยปราศจากมือถือ เพราะความเครียดส่วนใหญ่มาจากโซเชียลทั้งหมด การ Disconnect กับโซเชียลบ่อยๆ จะช่วยลดความเครียดลงได้เกือบครึ่ง”
ภาพชีวิตที่วาดไว้ อนาคตในวัย 80-90 ปี
การลงมือ "ออกแบบชีวิต" และทุ่มเทให้กับศาสตร์ Longevity ทั้งหมดนี้ ย่อมมีเป้าหมายปลายทางคือภาพอนาคตที่วู้ดดี้ วุฒิธร อยากเห็น วู้ดดี้ ได้ฉายภาพตัวเองในวัย 80 หรือ 90 ปีไว้อย่างชัดเจนและเปี่ยมด้วยพลังงาน ว่า "จะไม่ใช่ภาพของผู้สูงอายุที่อ่อนล้า แต่เป็นภาพของคนที่ยังสามารถลุกเดินขึ้นบันไดหลายชั้นได้โดยไม่หอบ เดินได้วันละหมื่นกว่าก้าว วิ่งได้ ตีเทนนิสได้ ว่ายน้ำได้" เป็นภาพตัวเองที่ยังคงแข็งแรง 'ล้มก็ไม่หัก' เพราะเชื่อมั่นว่าในอนาคตนวัตกรรมและการดูแลตัวเองจากเทรนด์ Longevity นั้นจะเข้ามาช่วย Maintain ร่างกายให้สมบูรณ์ ไม่พัง และที่สำคัญที่สุดคือภาพของคนที่อารมณ์ดี "หัวเราะทุกวันอย่างมีความสุข และสามารถตื่นมาส่องกระจกแล้วบอกตัวเองด้วยความภูมิใจว่า เก่งมาก ที่ดูแลร่างกายในชาตินี้ได้ดี"
เป้าหมายที่ชัดเจนทั้งหมดในด้าน Longevity นี้ กลายเป็นพลังให้ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา มุ่งมั่นขยายความรู้และนวัตกรรมเหล่านี้สู่สาธารณะ นอกจากจะต้องการสร้างชุมชนสุขภาพที่แข็งแกร่งผ่านรายการ Life Dot และกำลังต่อยอดพลังงานนี้ไปสู่โปรเจกต์ที่ใหญ่ขึ้น และกำลังส่งต่อคำเชิญชวนไปยังทุกคนที่อยากเริ่มต้น "ออกแบบชีวิต" ของตัวเอง เหมือนที่เขาเคยทำ
วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ได้ทิ้งท้ายถึงความตั้งใจนี้ สู่ภาพจริงในงานมหกรรมสุขภาพครั้งใหญ่กับงาน Life Expo 2025 ในวันที่ 15-16 พ.ย. 68 ที่ UOB LIVE เอ็มสเฟียร์ เปรียบเสมือน "สวนสนุกของคนรักสุขภาพ" ภายใต้คอนเซปต์ "Come Explore The Better You" พื้นที่ที่รวมทุกศาสตร์ ทั้งร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ และนวัตกรรมล้ำสมัยจากทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงสุขภาพเชิงลึก จากแนวคิดของผู้นำเทรนด์ด้านสุขภาพ และไลฟ์สไตล์ ทุกวงการ และเทคโนโลยีสุขภาพใหม่ๆ ในอนาคต รวมเช่น การสแกนม่านตาประเมินโรคหัวใจ หรือเครื่อง Exomind รักษาความเครียด และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะขยายภาพของเทรนด์ Longevity ให้ผู้ที่สนใจได้เห็นมากยิ่งขึ้น
วิสัยทัศน์ทั้งหมดที่ตั้งใจทำในวันนี้จาก วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา คือ ภาพที่เขาตั้งใจอยากจะเห็น “คนไทยอายุ 80-90 ปีที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีเช่นกัน” สามารถลุกเดินไปไหนมาไหนเองได้ หรือแม้กระทั่งวิ่งมาราธอน เขายังเชื่อว่าคนไทยสามารถเป็นประชากรที่อายุยืนที่สุด และมีคุณภาพมากที่สุดในเอเชียได้ หากเปิดรับและลงมือดูแลร่างกายอย่างต่อเนื่อง "ผมว่าเราต้องคุยกันและว่าเราจะเตรียมตัววันนี้ให้เราแก่อย่างมีคุณภาพได้อย่างไร" พร้อมคำพูดที่ทรงพลังว่า "เริ่มทำเถอะครับ ดูแลสุขภาพให้ดี และทำให้เป็นพฤติกรรมในทุกๆ วัน แล้วคุณจะขอบคุณตัวเองในวันนั้น" วู้ดดี้ กล่าวทิ้งท้าย