ยุคที่โลกกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) คำถามสำคัญได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่แค่ "ทำอย่างไรให้อายุยืน 100 ปี" (Life Span) แต่คือ "ทำอย่างไรให้อายุยืน 100 ปีอย่างมีคุณภาพ" (Health Span)

แนวคิดนี้คือหัวใจของเทรนด์ Longevity ที่กำลังพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมสุขภาพโลก จากการ "ตั้งรับ" รอรักษาโรค ไปสู่การ "รุก" ป้องกันและดูแลสุขภาพเชิงรุก (Proactive Healthcare) เพื่อยืดช่วงเวลาแห่งความแข็งแรงให้ยาวนานที่สุด

และนี่คือโจทย์ใหญ่ที่สร้างทั้งวิกฤตและโอกาสมหาศาลให้ประเทศไทย ดังที่ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ (หมอแอมป์) ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort ได้จุดประเด็นไว้อย่างน่าสนใจ

หมอแอมป์ได้ฉายภาพความจริงที่น่าตกใจว่า “แม้คนไทยจะมีอายุขัยเฉลี่ย (Life Span) ที่ 77 ปี แต่กลับมีช่วงเวลาที่มีสุขภาพดี (Health Span) เพียง 67 ปีเท่านั้น”

นั่นหมายความว่า คนไทยโดยเฉลี่ยกำลังใช้ชีวิต 10 ปีสุดท้าย ไปกับความเจ็บป่วยและทรมาน โดยมีจำเลยหลักคือกลุ่มโรค NCDs (เช่น เบาหวาน, หัวใจ, มะเร็ง) ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยสูงถึง 77%

...

หมอแอมป์ยังชี้ให้เห็นมุมกลับที่น่าขบคิดว่า แม้เทคโนโลยีการแพทย์ปัจจุบันจะเก่งกาจจน "ยืดเราให้ตายช้าลง" ได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อาจกำลัง "ทำให้เราทรมานมากขึ้น" ก่อนเสียชีวิต แต่วิกฤติด้านสุขภาพนี้เอง ที่กำลังผลักดันให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลในธุรกิจการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน หรือ Wellness ที่กำลังจะกลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลก

ทั้งหมดนี้นำพาไปสู่เทรนด์โลกที่กำลังเปลี่ยนไปสู่ Proactive Healthcare หรือการป้องกันดีกว่าการรักษา หมอแอมป์กล่าวว่า “ตลาด Wellness ทั่วโลกจึงกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 8.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2571 โดยมี 3 ธุรกิจดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ได้แก่ Wellness Real Estate (อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ), Mental Wellness (การดูแลสุขภาพจิต) และ Wellness Tourism (การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ)

ข่าวดี คือ ประเทศไทยไม่เพียงแค่เกาะกระแส แต่เราคือผู้นำ โดยหมอแอมป์เผยว่า "ประเทศไทยคืออันดับ 1 ของโลก (ข้อมูลปี 65-66) ในด้านการเติบโตของ Wellness Tourism" ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 28.4% อย่างไรก็ตาม ชัยชนะนี้ยังมี "จุดอ่อน" ที่ต้องเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น การขาดการวิจัยและพัฒนา เช่น การต่อยอดนวัตกรรมจากสมุนไพรไทย และขาดโครงสร้างพื้นฐาน ที่เอื้อต่อสุขภาพในชีวิตประจำวัน เช่น ฟุตบาทที่เดินได้จริง หรือเลนจักรยานที่ปลอดภัย หากอุดช่องโหว่เหล่านี้ได้ อนาคตของไทยจะสดใสอย่างมาก

“ภารกิจปั้นไทยสู่ ‘Blue Zone’ สร้างความเชื่อมั่นจากข้างในประเทศ” คำพูดนี้ คือ สิ่งที่นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ทิ้งท้ายถึงกุญแจสำคัญในการสร้าง "Longevity Economy" (เศรษฐกิจอายุยืน) ให้กับประเทศไทย ซึ่งก็คือการเร่งสร้าง "ความเชื่อมั่น" ซึ่งต้องทำควบคู่กันทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ต่อนักท่องเที่ยว โดยภาครัฐต้องสื่อสารอย่างจริงจังว่า "การมาเที่ยวเมืองไทยจะทำให้สุขภาพดีขึ้น" รวมถึงภาพลักษณ์คนในประเทศ ที่ต้องสร้าง Thailand Wellness Ecosystem ที่แข็งแรง ภาคเอกชนต้องผลักดัน New S-Curve อย่าง Healthy Eating (อาหารสุขภาพ) ที่คนยุคใหม่ยอมจ่ายแพงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ปิดท้ายด้วยหัวใจที่แท้จริง คือ "คนขายต้องแข็งแรงก่อน"

นายแพทย์ตนุพล กล่าวทิ้งท้ายข้อสำคัญไว้ว่า “เราต้องสร้างภาพลักษณ์ให้โลกเห็นว่า ‘คนไทย’ มีสุขภาพดี แข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะนี่คือการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็น ‘Blue Zone’ ดินแดนที่ผู้คนมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี แห่งใหม่ของโลก”