"เสือ" ภาพยตร์ไทยเรื่องใหม่ที่กำลังถูกพูดถึง เป็นภาพยนตร์ภาคแยกในจักรวาลขุนพันธ์ ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าเสือที่ 4 เสือภาคกลาง ก่อนที่จะกลายมาเป็นคู่ปรับของขุนพันธ์ นำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นมาริโอ้ เมาเร่อ, เวียร์ ศุกลวัฒน์, เป้ อารักษ์ และโตโน่ ภาคิน

นอกจากนี้ ภาพยตร์เรื่อง "เสือ" ได้คว้า "ท็อป-ทศพล หมายสุข" นักแสดงหนุ่มมาดเข้มมารับบทบาทสำคัญ เพิ่มสีสัน และความสนุกให้กับภาพยตร์เรื่องนี้ยิ่งขึ้น ติดตามเรื่องย่อ "เสือ" และทำความรู้จัก ท็อป-ทศพล ให้มากขึ้น เตรียมตัวก่อนไปรับชมความมันในโรงภาพยนตร์ได้ที่นี่

เรื่องย่อ "เสือ" ผลงานใหม่ล่าสุดจาก ก้องเกียรติ โขมศิริ

"เสือ" เล่าเรื่องราวความวุ่นวายในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทองคำที่ฝ่ายอักษะเคยมอบไว้เพื่อแลกกับเส้นทางรถไฟถูกปล้นหายไปอย่างลึกลับ จอมพลเลิศ ผู้นำที่ทรงอำนาจในยุคนั้นจึงสั่งล่าตัวคนผิด ประกาศตั้งค่าหัว "เสือ" เพื่อหาคนมารับผิดชอบ โดยทำข้อตกลงกับ "เสือฝ้าย" ในการกวาดล้างเสืออื่นๆ และเสริมทัพด้วย "หลวงประสาน" และคนในกองทัพ

อีกด้านหนึ่ง "เสือใบ" และ "เสือดำ" สองพี่น้องนักล่า ได้รับข้อเสนอจาก "รสริน" ดาราสาวผู้ลึกลับ ให้ล้มอำนาจของจอมพลเลิศ แลกกับค่าจ้างมหาศาล ทั้งนี้ ตลอดเรื่องราวมี "เสือมเหศวร" สวมรอยเป็นนักข่าว สืบเรื่องราว จับตามอง และเก็บหลักฐาน เพื่อเปิดโปงเงามืดของจอมพลเลิศให้ทุกคนได้รู้

หนังใหม่ "เสือ" เข้าโรงวันไหน

ภาพยนตร์เรื่อง "เสือ" มีกำหนดเข้าฉายโรงภาพยนตร์ในประเทศไทย ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป สามารถติดตามความสนุก ความมัน และเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นของ 4 มหาโจรได้พร้อมกันในโรงภาพยนตร์

...

คุยกับ ท็อป-ทศพล หมายสุข พลิกบทบาทใหม่ในหนังไทย "เสือ"

ทำไมถึงมาร่วมโปรเจกต์ภาพยตร์เรื่อง "เสือ" ได้

ผมเจอ "พี่โขม" (ก้องเกียรติ โขมศิริ-ผู้กำกับ) บ่อยมาก รู้จักพี่โขมมานานมาก ผมรู้จัก "ขุนพันธ์" ตั้งแต่ภาคแรก เห็นโปรเจกต์พี่โขมใหญ่มาก เป็นหนังไทยพีเรียด มีมนตร์คาถา แอ็กชัน สุดยอดเลย ตอนนั้นผมเป็นพิธีกรเกี่ยวกับหนังและได้สัมภาษณ์แกด้วย และผมก็เคยเปรยกับพี่โขมอยู่ 2-3 รอบว่าอยากร่วมงานในหนังที่แกกำกับด้วย จนเวลาก็ผ่านไปอย่างยาวนานเรื่อยๆ น่าจะเกิน 5 ปี จนมาประจวบเหมาะเรื่องนี้แหละครับ 

พี่โขมก็ติดต่อมาทักมาว่าสนใจมาแสดงในโปรเจกต์นี้ไหม ผมตอบรับทันทีครับ ได้มาเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในโปรเจกต์ของพี่โขมแล้ว ได้แลกเปลี่ยน ได้แชร์ และพัฒนาตัวละครไปพร้อมกัน เห็นการทำงานหน้ามอนิเตอร์ของทีมงานเขา ที่เราตามมาอย่างยาวนาน มันภาคภูมิใจครับ เป็นเกียรติมากๆ ครับ

หลังจากนั้นก็ได้มาคุยโปรเจกต์กัน บทมันน่าน่าสนใจ และมันตื่นเต้นตรงที่ว่าเราต้องเจอกับ 4 เสือ "พี่เป้ อารักษ์", "มาริโอ้", "พี่โตโน่ ภาคิน" และ "พี่เวียร์ ศุกลวัฒน์" ไม่ว่าโปรเจกต์พี่โขมจะเป็นเรื่องไหน ผมก็อยากจะร่วมงานด้วยอยู่แล้วครับ 

ผมตามดู "ขุนพันธ์" มาตั้งแต่ภาคแรก มันคือมาร์เวลเมืองไทย มันแฟนตาซี เอาจินตนาการของเด็กผู้ชายมาเล่นกัน ปาระเบิด ยิงกัน ต่อสู้กัน ผมมีภาพประมาณหนึ่งเวลาที่เราดูหนัง โดยเฉพาะหนังแอ็กชันสงครามทหาร ผมจะสนุกกับมันเสมอในพาร์ตของผู้ชมอย่างผม แต่ถ้าย้อนมองกลับไปในพาร์ตของโปรดักชัน มันก็เกิดความสงสัยว่าวันนั้นเขาทำงานกันยังไง ผมสงสัยมาตลอดในหนังทุกเรื่อง มันเหมือนจริงสุด มีคิวระเบิด คิวบู๊ เขาต้องนัดแนะกันเยอะมากแน่ ความอยากรู้มันทำให้เราสนุก ไม่เหนื่อยกับมัน เพราะเหนื่อยกับการทำงานเป็นเรื่องปกติ 

ประเทศไทยมีผู้กำกับจำนวนไม่ได้เยอะที่สามารถเนรมิตสิ่งนี้ออกมาได้แบบพี่โขม มันมีพาร์ตเอฟเฟกต์ คิวบู๊ หรือความสมจริงที่มันค่อนข้างเยอะ มันไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีความอดทน ละเมียดละไม เก็บรายละเอียดดี วางช็อต วางทีมงานที่มีคุณภาพที่พร้อมจะทำงานกับจินตนาการไปกับพี่โขม เขาต้องคุยกับทีม ต้องมีคนที่รู้มือรู้ใจกันจริง ทำงานกันมาอย่างยาวนาน มีคุณภาพในเวลาที่จำกัด ในทรัพยากรที่จำกัด 

บทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตีความแบบไหน

...

"หลวงประสาน" เป็นตัวร้ายที่ผมต้องทำให้มันแตกต่างจากตัวร้ายที่ผมเคยได้รับบทบาทมา พอเห็นหน้าผมก็ต้องคิดว่าโปรเจกต์นี้มี "ท็อป ทศพล" อยู่ด้วยมันต้องร้ายอีกแน่ๆ แต่คราวนี้เราจะร้ายยังไง ผมพยายามตีความให้ร้ายในแบบที่คนไม่เคยเห็นเราเล่นมาก่อน เราจะยืนแกนเดียวกันกับพี่ๆ เพื่อนๆ อีกหลายคนในโปรเจกต์นี้ยังไงให้สมน้ำสมเนื้อ 

เราคือสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์มาก นี่คือพื้นฐานแบ็กกราวด์ของตัวหลวงประสาน ภายใต้ความเหี้ยมโหดของหลวงประสาน จริงๆ แล้วมันเก็บบางสิ่งไว้ เขามีความแข็งแกร่งแต่ก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ต้องสู้กับตัวเองเล่นกับอินเนอร์ข้างในที่ค่อนข้างซับซ้อนมาก

ร่วมโปรเจ็กต์นี้ เตรียมตัวอย่างไรมาบ้าง

ตัวจริงกับคาแร็กเตอร์ห่างเหินกันมาก เรื่อง "เสือ" มันมีชั้นเชิง มีทั้งความอดทนอดกลั้นแบบชายชาติทหาร ต้องฝึกบุคลิกภาพ มีซ้อมเดินบ่อย การใช้น้ำเสียง เรื่องนี้มันวิ่งอยู่ในหัวผมตลอด คิวหน้าต้องถ่ายอะไร ผมก็ทำการบ้านไประดับหนึ่ง สุดท้ายภาพของผมมันก็คือของในเป้ของผมที่เดินทางมาถึงหน้ากอง แล้วเจอทีมงานทั้งหมดเพื่อเอามาแชร์กัน

...

การร่วมงานกับทั้ง "4 เสือ" เป็นยังไงบ้าง

ผมเห็นพี่เป้เป็นเหมือนอาจารย์ในเรื่องการทำงานและการใช้ชีวิต พี่เป้เล่าว่านี่คือการทำงานของชายแท้ กองถ่ายของลูกผู้ชาย แล้วมันก็จริง มันเป็นแบบนั้น ส่วนรู้จักกับโอ้มาบ้างแล้ว แต่เคยทำงานร่วมกันครั้งนี้ครั้งแรก โอ้เป็นคนอดทน เป็นคนที่อะไรก็ได้พี่ว่ามาเลย ส่วน พี่โน่ เขาจะมีวิธีการทำตัวละคร การตีความในแบบของเขาที่จะถ่ายทอดความเป็น "เสือดำ" ออกมา และพี่เวียร์ คือติ๊กถูกทุกข้อ เหมือนคนที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มารับบท "เสือฝ้าย"

ได้อะไรจากโปรเจ็กต์นี้กลับไปบ้าง

อย่างที่บอกเลยครับหนึ่งได้เอนจอย ได้เจอกับ "โอ้", "พี่เวียร์", "พี่โน่" ได้ทำงานกับ "พี่เป้" ในอีกรูปแบบหนึ่งได้มาเจอ "พี่โขม" มาดูการทำงานกับอีกจักรวาลหนึ่งของพี่โขม วิธีการทำงานของพี่โขม มันก็จะแตกต่างจากผู้กำกับคนอื่นยังไง ผมชอบอุตสาหกรรมนี้ที่เรียกว่าทีม มันไม่สามารถมีใครไปได้โดยตัวเอง ทุกคนช่วยกันให้มันเกิดโปรเจกต์ แล้วถ้าคนตอบรับดี มองกลับมาก็คือการมีทีมที่ดี มันเปรียบเสมือนผมไปอยู่ในห้องเรียนที่เป็นห้องคิง แต่เปลี่ยนโรงเรียนไปเรื่อย ความหมายของห้องคิงคือทุกคนห้องนี้ตั้งใจเรียนกันหมด เด็กมันตั้งใจอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียน แล้วก็เล่นด้วยกัน 

รู้สึกดีใจมากที่ได้มาอยู่ในโปรเจกต์ที่เคยมีไตรภาคมาแล้ว "เสือ" คือ ภาคสปินออฟแยกออกมาอีก แน่นอนว่าทุกคนคาดหวังหนังของพี่โขม กองที่มีสเกลใหญ่ที่สุดกองหนึ่ง เรื่องราวที่มีสัตว์ เด็ก เอฟเฟกต์ สลิงอลังการ ปืนยิงกันเหมือนกระสุนเม็ดละบาท ผมนี่ชอบมาก ทีมเอฟเฟกต์จัดให้หมดจะเอากี่ลูก กี่นัด อุปกรณ์เขาควอลิตี้เดียวกับฮอลลีวูด เสกให้ควันเต็มเขื่อนได้ โปรดักชันใหญ่มาก แล้วมันเป็นแบบนี้ทุกวัน 

...

ถ้าผมเทียบ "ขุนพันธ์" คือผู้ใหญ่ตีกัน "เสือ" เป็นวัยรุ่นไฝว้กัน เสือเป็นเจเนอเรชันใหม่ ทุกคนไฟแรงไปหมด เป็นตัวของตัวเองสูง อย่างที่บอกว่าเสือคือโปรเจกต์ก่อนที่ขุนพันธ์จะเข้ามา ทุกคนอยู่ภายใต้กฎ แต่เสือไม่มีกฎ ลุยเลย ด่ากัน ไม่ชอบก็เขม่นกัน รักผู้หญิงคนเดียวกัน เลือดวัยรุ่น เสือมีความซิ่ง วัยรุ่นใจซิ่ง 

ฝากหนังเรื่อง "เสือ" หน่อย

ฝากโปรเจกต์ของ "พี่โขม" ด้วยนะครับ เป็นโปรเจกต์ของทุกคน ของทีมงานที่เดินทางกันมาอย่างยาวนาน อยากให้คนไทยภูมิใจกับหนังไทยของเราเรื่องนี้ ควอลิตี้คนไทยกับงบที่ไม่ได้สูงอย่างฮอลลีวูด แต่คุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ ยังมีคนที่เทียบว่า โอ้โห... หนังเราไปสู้หนังต่างประเทศเขาไม่ได้หรอก มันแน่นอนครับ แต่เราก็มีศักยภาพในแบบของเรา เราสามารถไปฉายในเทศกาลหนังในต่างประเทศได้ 

ผมอยากให้ทุกคนไปดูหนังอย่างสนุกเอนจอย ผมว่ามันคุ้มค่า หนังซ่อนอะไรไว้หลายๆ มุม อาจจะทำให้คุณรักคนข้างๆ มากขึ้น รักประเทศมากขึ้น มันซ่อนอยู่ในความสนุกของโปรเจกต์ "เสือ" แน่นอนครับ 23 ตุลาคมนี้ ไปดูกันในโรงภาพยนตร์นะครับ ขอบคุณครับ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง