วินาทีนี้ ย่านพาหุรัดและคลองโอ่งอ่างสว่างไสวราวกับต้องมนตร์ นี่คือสัญญาณของ "ดิวาลี" (Diwali) หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งกำลังเฉลิมฉลองอย่างตระการตาในงาน "Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025" ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2568 นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเฉลิมฉลอง ขอพรต่อองค์เทพ โดยเฉพาะ พระแม่ลักษมี (เทวีแห่งโชคลาภและความมั่งคั่ง) และ พระพิฆเนศ (เทพแห่งความสำเร็จ)

หัวใจสำคัญของการไหว้ในเทศกาลนี้ ไม่ได้มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงดินเผา แต่คือ "ขนมมงคล" ที่ทุกชิ้นไม่ได้มีแค่ความอร่อย แต่เปี่ยมไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ขนมอินเดียเหล่านี้เปรียบเสมือนสื่อกลางในการส่งคำอธิษฐานอันหอมหวานไปถึงองค์เทพ นี่คือการ "ชิมรสชาติแห่งศรัทธา" ที่แท้จริง

ขนมมงคล สื่อคำอธิษฐานผ่านความหวานถึงพระพิฆเนศ และพระแม่ลักษมี

โมทกะ (Modak) ขนมจีบอินเดียที่สื่อถึงความสุขสมหวัง
โมทกะ (Modak) ขนมจีบอินเดียที่สื่อถึงความสุขสมหวัง

...

การเลือกขนมถวายที่ถูกต้องถือเป็นการเริ่มต้นคำอธิษฐานที่ดี โดยเฉพาะขนมที่องค์เทพทรงโปรดปราน หากต้องการขอพรเรื่องความสำเร็จ สติปัญญา หรือขจัดอุปสรรคต่อองค์พระพิฆเนศ พระองค์ทรงโปรดขนมสองชนิดนี้เป็นพิเศษ ได้แก่ "โมทกะ" (Modak) ขนมจีบอินเดียที่สื่อถึงความสุขสมหวัง และ "ลาดดู" (Laddu) ขนมลูกกลมสีทองอร่าม สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองและความสำเร็จ

ลาดดู (Laddu) ขนมลูกกลมสีทองอร่าม สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองและความสำเร็จ
ลาดดู (Laddu) ขนมลูกกลมสีทองอร่าม สัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองและความสำเร็จ

ส่วนใครที่มุ่งเน้นเรื่องโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความอุดมสมบูรณ์ ต้องถวายแด่พระแม่ลักษมี พระองค์ทรงโปรดขนมที่มีรสนมบริสุทธิ์ สื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข ขนมที่ขาดไม่ได้คือ "บัฟฟี่" (Barfi) ขนมเนื้อเนียนที่ทำจากนม แป้ง หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มักประดับด้วยแผ่นเงินแท้ (วาร์ค) ถือเป็นขนมเรียกทรัพย์โดยแท้

บัฟฟี่ (Barfi) ขนมเนื้อเนียนที่ทำจากนม แป้ง หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มักประดับด้วยแผ่นเงินแท้ (วาร์ค) ถือเป็นขนมเรียกทรัพย์โดยแท้
บัฟฟี่ (Barfi) ขนมเนื้อเนียนที่ทำจากนม แป้ง หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ มักประดับด้วยแผ่นเงินแท้ (วาร์ค) ถือเป็นขนมเรียกทรัพย์โดยแท้

ปักหมุดลายแทง ชิมขนม อาหาร ฉลองเทศกาล ที่พาหุรัด

เมื่อรู้ความหมายของขนมมงคลแล้ว ก็ถึงเวลาออก "ล่าขนม" และ "ชิมของอร่อย" กันในย่านพาหุรัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางการจัดงานดิวาลี 2568 โดยเฉพาะในช่วงพีค วันที่ 18-20 ตุลาคมนี้ (เวลา 16.00 - 22.00 น.) พลาดไม่ได้กับขบวนแห่สุดอลังการ, การแสดงวัฒนธรรมไทย-อินเดีย, คอนเสิร์ตจากศิลปินดัง, Art Wall สวยๆ และตลาดอาหารอินเดียสุดคึกคัก และเมื่อมาถึงถิ่นแล้ว ต้องไม่พลาด 2 ตำนานแห่งรสชาติของย่านนี้

...

1. Punjab Sweets (ปัญจาบ สวีท)

ลายแทงจุดแรกสำหรับขนมมงคลที่สายมูต้องปักหมุด แค่เดินเข้าซอยเล็กๆ ข้างห้างอินเดีย เอ็มโพเรียม (India Emporium) ถนนจักรเพชร กลิ่นเนย (Ghee) และน้ำตาลอ้อยหอมๆ จะนำทางคุณมาเอง ที่นี่คือหนึ่งในร้านขนมเก่าแก่ที่สุดในพาหุรัด ภายในร้านละลานตาไปด้วยขนมมงคลที่ทำสดใหม่ทุกวันโดยช่างขนมจากอินเดียแท้ๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่อง บัฟฟี่ ขนมแผ่นเงินวิบวับ, ลาดดู ขนมทรงกลมลูกสีทอง, โมทกะ และ จาลาบี ขนมแป้งทอดสีส้ม ที่มีรสชาติหวานละมุน เปี่ยมด้วยรสศรัทธาแบบต้นตำรับ

...

2. Royal India (รอยัล อินเดีย)

หลังไหว้องค์เทพ ชิมขนมมงคลจนชื่นใจแล้ว หากท้องเริ่มร้อง ก็ถึงเวลาที่ต้องฉลองให้ตัวเอง เพียงขยับมาอีกนิดในซอยตรงข้ามห้างอินเดีย เอ็มโพเรียม จะพบกับ "Royal India" ตำนานรสชาติอาหารอินเดียกว่า 50 ปี ที่นี่คืออาหารอินเดียสูตรดั้งเดิมแท้ๆ จากแคว้นเดลีและปัญจาบ ที่แนะนำให้ลอง โดยเมนูไฮไลต์ คือ แกงกะหรี่ไก่ (Chicken Curry), มัสซาล่า, ซาโมซ่า และที่ขาดไม่ได้คือ "นาน" (Naan) หรือ "โรตี" ร้อนๆ สำหรับจิ้มแกง พร้อมข้าวบริยานีหอมเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้นถึงเครื่องเทศนำเข้า เหมือนวาร์ปไปกินที่อินเดีย ซึ่งแนะนำมากๆ สำหรับใครที่อยากลองชิมอาหารอินเดียสักครั้ง รับรองติดใจ

ย่านพาหุรัดในช่วงเทศกาลดิวาลี จึงไม่ใช่แค่แหล่งซื้อของ แต่เป็นหัวใจของวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วย แสง สี และ "รสชาติแห่งศรัทธา" ลองแวะไปชิมขนมมงคลสักชิ้น แล้วจะรู้ว่า ความหวานก็คือพรที่ยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน

ภาพ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, Royal India , istock
ข้อมูล : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย