ใกล้เข้ามาอีกครั้งสำหรับหนึ่งในเทศกาลที่งดงามและเปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่สุดของประเทศไทยกับประเพณี "ลอยกระทง" ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 นี้ จะตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 คืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) ที่พระจันทร์เต็มดวงจะทอแสงนวลส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ

ความสำคัญและความเชื่อในวันลอยกระทง 2568

ประเพณีลอยกระทงไม่ได้เป็นเพียงการนำกระทงไปลอยในแม่น้ำลำคลอง แต่ยังผูกพันกับความเชื่อและวิถีชีวิตของคนไทยอย่างลึกซึ้ง โดยมีความสำคัญในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งเป็นความเชื่อหลักที่แสดงความกตัญญูและขอขมาต่อพระแม่คงคา เทวีแห่งสายน้ำ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการขออภัยและขอบคุณสำหรับคุณประโยชน์ของสายน้ำ

รวมถึงการบูชารอยพระพุทธบาท ตามตำนานกล่าวว่า เป็นการลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่ประทับไว้ ณ หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานทีในประเทศอินเดีย

ความเชื่อในการลอยทุกข์โศกและสิ่งไม่ดี ที่ผู้คนนิยมใส่เหรียญเงินลงในกระทง แล้วอธิษฐานขอให้กระทงช่วยนำพาความทุกข์ ความเศร้าโศก โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ลอยไปกับสายน้ำ ถือเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ที่ดีในชีวิต รวมถึงบางท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตเถระ ที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล

ประวัติวันลอยกระทง

ประวัติของวันลอยกระทงไม่ได้มีบันทึกที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นประเพณีที่หยั่งรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมของผู้คนแถบเอเชีย โดยผูกพันกับความเชื่อทางศาสนาทั้งพุทธและพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งต่างก็มีตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจแตกต่างกันไป

...

รากฐานแห่งศรัทธา 3 ตำนานความเชื่อดั้งเดิม

แก่นแท้ของการลอยกระทงในยุคแรกเริ่ม คือการแสดงความเคารพและบูชาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยมีตำนานความเชื่อหลักๆ ดังนี้

  1. เพื่อเป็นพุทธบูชาต่อ "รอยพระพุทธบาท"ตำนานที่ชาวพุทธคุ้นเคยที่สุด เล่าว่าในสมัยพุทธกาล หลังจากพระพุทธเจ้าเสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาถวายแล้ว ได้ทรงนำถาดทองลอยในแม่น้ำเนรัญชราและอธิษฐานว่า "หากจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ" ปรากฏว่าถาดได้ลอยทวนน้ำขึ้นไปจนถึงพิภพของพญานาค พญานาคจึงเกิดความเลื่อมใสและทูลขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำ เพื่อให้เหล่านาคได้ขึ้นมาสักการะ การลอยกระทงจึงเปรียบเสมือนการบูชารอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์นั้นสืบต่อมา

  2. เพื่อบูชาเทพเจ้าสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในอีกทางหนึ่ง เชื่อว่าประเพณีนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการทำพิธี "ลอยโคมประทีป" ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เพื่อบูชามหาเทพทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาชาวพุทธได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการใช้กระทงดอกบัวลอยไปตามสายน้ำ เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทแทน

  3. เพื่อรำลึกถึง "พญานาค" ผู้ปกป้องพระพุทธศาสนาอีกหนึ่งตำนานกล่าวถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงตั้งพระทัยจะสร้างเจดีย์ 84,000 องค์ แต่ถูกพญามารขัดขวาง พระอุปคุตมหาเถระจึงต้องไปขอให้พญานาคมาช่วยปราบมารจนสำเร็จ การลอยกระทงในคืนเดือนเพ็ญจึงเป็นการทำเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพญานาคที่ช่วยคุ้มครองพระศาสนานั่นเอง

หากพูดถึงลอยกระทงในประเทศไทย ตำนานที่โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ "นางนพมาศ" พระสนมเอกของพระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งปรากฏในหนังสือ "ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์"

เล่ากันว่า นางนพมาศเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ได้ประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวโกมุทที่งดงามวิจิตรขึ้นเป็นคนแรก เพื่อใช้ในพระราชพิธีลอยพระประทีป สร้างความพอพระราชหฤทัยแก่พระร่วงเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงมีรับสั่งให้ยึดถือรูปแบบกระทงดอกบัวนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบไปจนถึงปัจจุบัน

กิจกรรมในวันลอยกระทง 2568

ในคืนวันลอยกระทง ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ บรรยากาศจะเต็มไปด้วยแสงเทียนและรอยยิ้ม กิจกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่

  • การประดิษฐ์และลอยกระทง: ครอบครัวและเพื่อนฝูงจะมารวมตัวกันทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตอง หยวกกล้วย และประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน อย่างสวยงาม
  • การประกวดกระทงและนางนพมาศ: ไฮไลท์ของงานในหลายพื้นที่คือการประกวดกระทงขนาดใหญ่ที่มีความวิจิตรงดงาม และการประกวดนางนพมาศเพื่อเฟ้นหาสาวงามประจำปี
  • การแสดงมหรสพและวัฒนธรรม: มีการจัดแสดงดนตรี การฟ้อนรำ และการละเล่นพื้นบ้าน เพื่อสร้างความสนุกสนานและสืบสานศิลปะของไทย
  • การปล่อยโคมลอย: โดยเฉพาะประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ภาพโคมลอยนับพันดวงที่สว่างไสวเต็มท้องฟ้าถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ประเพณี และที่เที่ยววันลอยกระทง

วันลอยกระทง ประเพณีอันงดงามที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมาช้านาน ในปี 2568 นี้ ตรงกับ วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน คืนวันเพ็ญเดือนสิบสองที่พระจันทร์เต็มดวงจะส่องสว่างทั่วผืนน้ำ เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นเฉลิมฉลอง เพื่อขอขมาพระแม่คงคา และลอยทุกข์โศกโรคภัยให้ไหลไปกับสายน้ำ พร้อมต้อนรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต

...

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศความงดงามของประเพณีลอยกระทงในปี 2568 นี้ เราได้รวบรวมสถานที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทั่วประเทศไทยมาให้คุณได้เลือกสรร

5 พิกัดเด่น เที่ยววันลอยกระทง 2568

"เผาเทียน เล่นไฟ" ต้นกำเนิดแห่งประเพณี จ.สุโขทัย 

สัมผัสความยิ่งใหญ่ตระการตาของประเพณีลอยกระทง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต้นตำนานที่เชื่อว่าประเพณีนี้ถือกำเนิดขึ้น ไฮไลท์สำคัญคืองานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ที่จะเนรมิตโบราณสถานให้สว่างไสวด้วยแสงไฟและการแสดงแสง สี เสียงสุดอลังการ บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความรุ่งเรืองของกรุงสุโขทัย พร้อมกิจกรรมมากมาย เช่น ตลาดโบราณ และการแสดงพลุตะไลไฟพะเนียง

"ประเพณียี่เป็ง" มนต์เสน่ห์แห่งโคมล้านนา จ.เชียงใหม่

ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นสบายพร้อมชมความงดงามของ ประเพณียี่เป็ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา "ยี่เป็ง" แปลว่า วันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา กิจกรรมโดดเด่นคือการปล่อย "โคมลอย" ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน เชื่อว่าเป็นการปล่อยทุกข์โศกและเรื่องร้ายๆ ออกไป ภาพโคมลอยนับพันดวงสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ถือเป็นภาพที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

"ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" จ.ตาก

ชมความมหัศจรรย์ของประเพณี "ลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง" ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดตาก เอกลักษณ์ของที่นี่คือการใช้กะลามะพร้าวเป็นวัสดุหลักในการทำกระทง แล้วนำมาลอยต่อกันเป็นสายยาวในแม่น้ำ ทำให้เกิดเป็นแสงไฟระยิบระยับทอดยาวไปตามลำน้ำอย่างงดงาม เป็นภาพที่หาชมได้ยากและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

"สีสันแห่งสายน้ำเจ้าพระยา" จ.กรุงเทพมหานคร

...

เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ก็มีกิจกรรมลอยกระทงให้เลือกหลากหลาย ทั้งบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ประดับประดาด้วยแสงไฟงดงาม หรือในสวนสาธารณะใจกลางเมือง นอกจากนี้ยังมีบริการ ล่องเรือดินเนอร์ ชมวิวสองฝั่งแม่น้ำยามค่ำคืนที่ประดับไฟสวยงามตามโรงแรมและสถานที่สำคัญต่างๆ

ลอยกระทงในเมืองมรดกโลก จ.พระนครศรีอยุธยา

เปลี่ยนบรรยากาศไปลอยกระทงท่ามกลางโบราณสถานเก่าแก่ที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา การได้ลอยกระทงโดยมีฉากหลังเป็นวัดและเจดีย์เก่าแก่ที่ส่องแสงไฟในยามค่ำคืนนั้น เป็นประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังและน่าประทับใจ โดยมีกิจกรรมเด่น เช่น การลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก, การประดับไฟตามโบราณสถาน

ปัจจุบันการลอยกระทงยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ การลอยกระทงจึงมีการรณรงค์ให้เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ เช่น กระทงที่ทำจากใบตองล้วน กระทงขนมปังสำหรับเป็นอาหารปลา หรือกระทงน้ำแข็ง เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบต่อแหล่งน้ำ

ดังนั้น ในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ที่จะถึงนี้ เป็นอีกหนึ่งประเพณีอันงดงามที่นักท่องเที่ยวและชาวไทยเริ่มมีการวางแผนการเดินทางไปยังสถานที่จัดงานใกล้บ้าน หรือแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างสุโขทัย เชียงใหม่ หรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสกับเสน่ห์แห่งค่ำคืนวันเพ็ญ และร่วมกันสืบสานประเพณีลอยกระทงให้คงอยู่คู่สังคมไทยต่อไป